ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นต่อโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ว่า เป็นตัวอย่างของนโยบายที่ประสบความสำเร็จในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยเฉพาะในด้านการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารที่ตรงจุดกับความต้องการของสังคม
ผศ.ดร.วันวิชิต ระบุว่า เพียง 30 นาทีแรกของการเปิดลงทะเบียน มียอดผู้เข้าร่วมกว่า 5 ล้านคน สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนให้การตอบรับอย่างล้นหลาม และเข้าใจเป้าหมายของนโยบายได้อย่างชัดเจน ล่าสุดมีประชาชนกว่า 20 ล้านคนกดรับสิทธิ์แล้ว ถือเป็นกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยม สาเหตุสำคัญเพราะประชาชนคุ้นเคยกับโครงการนี้อยู่แล้ว ใช้งานได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก และสอดรับกับแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาล
อาจารย์วันวิชิตอธิบายว่า ความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนให้เห็น 5 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1. การแก้ไขปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจ เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ประชาชนต้องการมาตรการที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยจริง
2. ระบบลงทะเบียนที่สะดวกและมีฐานข้อมูลต่อเนื่อง จากโครงการคนละครึ่งเดิม ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายและลดความยุ่งยากในการใช้งาน
3. ธุรกิจในท้องถิ่น โดยเฉพาะกลุ่ม SME ได้รับอานิสงส์โดยตรงจากการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว
4. กระแสแนวคิดชาตินิยมเชิงบวกและการท่องเที่ยวในประเทศ จะส่งผลให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดรองมากขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากทั่วประเทศ
5. หากผลตอบรับยังดีต่อเนื่อง จะช่วยเพิ่มความนิยมและความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมือง และแนวโน้มที่จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ความสำเร็จของ “คนละครึ่งพลัส” อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเมืองไทย เพราะ
“ประชาชนจะเริ่มให้คุณค่ากับนโยบายที่แก้ปัญหาปากท้องได้จริง เป็นนโยบายง่าย ๆ หรือเคยทำสำเร็จมาแล้ว มากกว่านโยบายใหญ่โตที่มีความเสี่ยงสูงและมีโอกาสล้มเหลวมากกว่า”.