๔ เดือนทำอะไรได้ #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

รัฐบาลอนุทินจะแถลงนโยบาย วันจันทร์ที่ ๒๙ กันยายน ที่จะถึงนี้

คำแถลงนโยบายของนายกฯ อนุทินมีทั้งสิ้น ๖ หน้าครึ่ง

ยึดหลักการสำคัญ ๓ ประการ ได้แก่

๑.พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

๒.ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

๓.ยึดมั่นในหลักนิติธรรม การบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม และการบริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานของธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน

นโยบายหลักมี

ด้านเศรษฐกิจ

ด้านความมั่นคง

ด้านสังคม

ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ด้านการบริหารภาครัฐ การปฏิรูปกฎหมาย

นี่คือภาพกว้างของนโยบายสำหรับรัฐบาลที่จะบริหารราชการแผ่นดิน ๔ เดือนแล้วยุบสภา

แล้วจะทำอะไรได้แค่ไหน โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจ เพราะนี่คือปัญหาใหญ่ ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส ข้าวของแพง เงินในกระเป๋าไม่พอ

ในคำแถลงนายกฯ อนุทิน สร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน อาทิ ค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด ค่าโดยสาร ค่าผ่านทาง เพื่อให้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยจัดทำโครงการคนละครึ่ง การบริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ก็จับใจความได้ว่า คนละครึ่งมาแน่

แกะจากใจความคำแถลง คราวนี้จ่ายค่าพลังงาน ค่าโดยสารรถ ค่าผ่านทาง ได้ด้วย

นโยบายนี้ไม่ต้องรอ ๔ เดือน เพราะทำได้ทันที

งบประมาณไม่ใช่ปัญหา เพราะ “ลวรณ แสงสนิท” ปลัดกระทรวงการคลัง ยืนยันมีความพร้อมทั้งระบบและงบประมาณในการดำเนินโครงการ

โดยสามารถเริ่มโครงการได้เร็วสุดเดือนตุลาคม

ใช้งบประมาณจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจปี ๒๕๖๙ วงเงิน ๒.๕ หมื่นล้านบาท

นี่คือนโยบายที่ทำได้แน่ๆ ถ้าไม่ได้ถือว่าสอบตกตั้งแต่เดือนแรก

ส่วนนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจอื่นๆ อาทิ

แก้ปัญหาหนี้สิน และเพิ่มสภาพคล่องภาคเอกชน แก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชน

เพิ่มโอกาสการออมของประชาชนรายย่อย

ฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว

เร่งแก้ปัญหาผลกระทบจากสงครามการค้า

ทั้งหมดนี้อย่าว่าแต่ ๔ เดือนเลยครับ ให้เวลา ๑ ปี ยังต้องลุ้นว่าจะแก้ได้หรือไม่ เพราะล้วนเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างทั้งสิ้น

นโยบายความมั่นคง ดูจะเข้ากับสถานการณ์ โดยเฉพาะความขัดแย้งกับกัมพูชา

“…เร่งแก้ไขปัญหากรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาด้วยแนวทางสันติภาพเพื่อนำความมั่นคงปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนตามบริเวณชายแดนโดยเร็ว และรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและเขตแดนที่เป็นของไทยโดยชอบธรรมตามเส้นเขตแดนที่เป็นสากล รวมถึงดำเนินการยุติความขัดแย้งผ่านกลไกการเจรจาทางการทูตที่เหมาะสม ควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง ตลอดจนทำประชามติเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพิจารณาตัดสินใจให้ความเห็นต่อการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ รัฐบาลจะดำเนินนโยบายต่างประเทศในเชิงรุกที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจและสถานะของไทยในเวทีระหว่างประเทศ…”

ประเทศไทยจะมีการทำประชามติกันถี่ยิบ

นอกจากประชามติเอารัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่เอาแล้ว ยังมีประชามติจะเอา MOU ไทย-กัมพูชาไว้หรือไม่ หรือฉีกทิ้งไปเลย

ถ้าทำในคราวเดียวกันก็ประหยัดงบประมาณแผ่นดินไปได้ ๓-๔ พันล้านบาท

แต่ประชาชนคงต้องทำการบ้านกันเยอะๆ เพราะการทำประชามติหลายเรื่องในคราวเดียวกัน อาจเกิดความสับสนได้

นโยบายด้านสังคม เป็นการล้างนโยบายรัฐบาลระบอบทักษิณ

“…ปราบปรามการพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง ไม่สนับสนุนให้มีการประกอบธุรกิจการพนันทุกชนิดให้เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ไม่สนับสนุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีธุรกิจการพนัน รวมถึงการพนันที่แฝงมาในรูปของกีฬา อาทิ โป๊กเกอร์ และจะดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติการพนันและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมและลดการอนุญาตการเล่นการพนันให้ได้มากที่สุด…”

ก็น่าจับตาครับว่า วันแถลงนโยบายรัฐบาลอนุทิน พรรคเพื่อไทยจะว่าอย่างไร

กาสิโน โป๊กเกอร์ ไม่ได้ไปต่อ มันกระทบกับกระเป๋าใครหรือไม่

อีกนโยบายที่ถือว่าท้าทายอย่างมาก เพราะเป็นส่วนหนึ่งของคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๑

“…ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ…”

นโยบายของรัฐบาลระบุว่า…

“…ขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาดและจริงจัง โดยร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของประชาชนและนานาประเทศ…”

คำปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์มีความสำคัญอย่างมาก แต่แทบทุกรัฐบาลที่ผ่านมามีปัญหาการคอร์รัปชันอย่างกว้างขวางมาโดยตลอด

ไม่เพลาลงเลย

หลังแถลงนโยบายเสร็จสิ้น “อนุทิน” ต้องทำให้เห็นว่า การขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาดและจริงจังนั้น ทำอย่างไร

จริงจังแค่ไหน!

ทุกรัฐบาลล้วนมีนโยบายปราบคอร์รัปชันทั้งสิ้น แต่รอแล้วรอเล่าไม่มีรัฐบาลไหนมีทิศทางที่ชัดเจน

เท่าที่เห็นหลังออกงานกับหน่วยงานปราบคอร์รัปชันภาครัฐและเอกชนแล้ว เงียบกริบ!

ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าสานต่อ

กลับกันยังคงมีการคอร์รัปชันอย่างกว้างขวางทั้งการเมืองระดับท้องถิ่นและระดับชาติ

ดัชนีคอร์รัปชั่นประจานทุกปี

ก็ยังโกงกันต่อ

ไม่ได้คาดหวังว่า ๔ เดือน รัฐบาลจะปราบคอร์รัปชันได้ แต่อย่างน้อยวางรากฐานให้เห็นสักน้อยนิดก็ยังดี

มันสำคัญกว่าแก้รัฐธรรมนูญไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า แต่ไม่เห็นพรรคการเมืองกระเหี้ยนกระหือรือปราบโกงบ้างเลย

หรือมันโกงโดยสันดานกันหมด.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
แผนยึดแบงก์ชาติ! #ผักกาดหอม
ผักกาดหอม เรียบร้อยครับ…. วานนี้ (๑๑ พฤศจิกายน) คณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ด ธปท.) เคาะชื่อ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่แล้ว...
Read More
0 replies on “๔ เดือนทำอะไรได้ #ผักกาดหอม”