คืนคุกให้ ‘ทักษิณ’ #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

คงเห็นประชาชนกินหญ้ากันกระมังครับ…

“ภูมิธรรม เวชยชัย” สร้างความผิดพลาดอันใหญ่หลวง ต่อสถาบันชาติ พระมหากษัตริย์ และประชาชน จนไม่อาจแบกความรับผิดชอบไว้เพียงลำพังได้แน่นอน

นี่จะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการรับใช้ “ทักษิณ ชินวัตร” โดยไม่สนใจความถูกต้อง ทั้งในแง่กฎหมาย และประเพณีการปกครอง

เป็นการจาบจ้วงอย่างเลือดเย็น!

“…ปัญหาทั้งหมดแบบนี้ อย่างที่ได้พูดคุยกัน ฝ่ายกฎหมายก็คิดว่ามันควรจะคืนอำนาจให้ประชาชนไปตัดสินใจ

แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ

เพราะฉะนั้น ไม่มีใครที่จะมีสิทธิ์ไปตัดสินใจได้ เพราะอยู่ที่พระบรมราชวินิจฉัยในสถานการณ์ต่างๆ

ผมเองในฐานะปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ได้พิจารณาและได้รวบรวมความคิดเห็นต่างๆ นี้อย่างชัดเจนแล้ว ก็คิดว่าควรจะต้องมีการกราบบังคมทูลถวายสถานการณ์ต่างๆ ให้พระองค์ทราบ และคิดว่ามันจะได้แก้ไขปัญหานี้

ผมจึงตัดสินใจที่จะยื่นทูลเกล้าฯ ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ก็ต้องรอ เป็นกระบวนการตามประชาธิปไตย ตามกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ

ก็ต้องรอ ถ้าเป็นอย่างนี้พรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยก็ต้องไปพิจารณา…”

“ภูมิธรรม” โยนการตัดสินใจทางการเมืองไปให้ในหลวง

นี่คือพฤติกรรมที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง

เช่นเดียวกับ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” หัวหน้าก๊วนฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย
“…ที่สื่อไปวิพากษ์วิจารณ์กันว่า เป็นพระราชอำนาจจะไปก้าวล่วงอะไรหรือไม่ คำตอบคือจริงๆ เป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์

แต่ว่ากฎหมายบอกว่า การยุบสภาให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

คำถามคือใครจะเป็นคนนำเสนอ อยู่ดีๆ พระราชกฤษฎีกาจะลอยขึ้นไปไม่ได้ ต้องมีคนนำเสนอ และคนนั้นต้องรับสนองพระบรมราชโองการ

คนที่นำเสนอก็คือคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี นำเสนอไป และมีเหตุผลอะไรที่ควรยุบสภา จากนั้นก็สุดแต่เป็นพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งเราก้าวล่วงไม่ได้ อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เราคิดว่ามันน่าจะไปได้…”

ทีแบบนี้มาอ้างว่าเป็นพระราชอำนาจ

จริงอยู่รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๓ บัญญัติไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป

แต่อำนาจการยุบสภาจริงๆ อยู่ที่นายกรัฐมนตรี

ในหลวงทรงลงพระปรมาภิไธยตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น

และในหลวงทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง

รัฐธรรมนูญมาตรานี้เขียนไว้ในเชิงอธิบายถึงพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ที่เป็นประเพณีในการเขียนรัฐธรรมนูญของไทยเท่านั้น

ประเด็นคือ มิได้หมายความว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ริเริ่มการยุบสภา

เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีต่างหาก

แต่ถ้าเพื่อไทยยืนกรานว่าเป็นพระราชอำนาจ ขอถามคำเดียว ตอน “เศรษฐา” ตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” และได้โปรดเกล้าฯ ลงมา วันนั้นทำไมไม่อ้างเป็นพระราชอำนาจ

นักการเมืองใช้พระมหากษัตริย์เป็นตรายางจนเคยตัว แต่เมื่อเรื่องจวนตัวกลับโยนเป็นพระราชอำนาจเสียอย่างนั้น

ไร้ความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิง

อย่าลืมซิครับ พระราชกฤษฎีกา ต้องมีผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการ

ทำไมต้องมี

เหตุที่ต้องจัดให้มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการในกิจการซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงกระทำในฐานะประมุขของรัฐ อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าพระมหากษัตริย์มีพระบรมราชโองการนั้นๆ ตามคำแนะนำและยินยอมของผู้รับสนองพระบรมราชโองการนั้นเอง

และเมื่อเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองเกี่ยวกับราชการแผ่นดินที่พระมหากษัตริย์มีพระบรมราชโองการหรือทรงลงพระปรมาภิไธยนั้น ผู้รับสนองพระบรมราชโองการจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบและชี้แจงแสดงเหตุผลในการที่มีพระบรมราชโองการเช่นว่านั้น ต่อสาธารณชน

ไม่มีครั้งไหนครับที่รัฐบาลยุบสภาแล้ว อยู่ที่พระบรมราชวินิจฉัย

ปกติแล้วการยุบสภาจะมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาออกมาอย่างรวดเร็ว

ว่ากันเป็นชั่วโมงเท่านั้น

มิใช่ข้ามวันข้ามคืน

พระมหากษัตริย์มิทรงทำให้เรื่องจำเป็นเร่งด่วนทางการเมืองนี้ล่าช้าแต่อย่างใด

และมิทรงยับยั้ง

แต่ครั้งนี้ มีปัญหาตั้งแต่ต้นทาง ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีมิได้มีอำนาจในการยุบสภา

อีกทั้ง เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา “ปกรณ์ นิลประพันธ์” ให้ความเห็นหลายครั้งว่า อำนาจยุบสภา เป็นอำนาจเฉพาะตัวของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้น

“..เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากมีเรื่องที่สามารถทำได้หรือทำไม่ได้ เพื่อไม่ให้กระทบเบื้องพระยุคลบาท…”

นั่นคือเสียงเตือนจากเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล

“ภูมิธรรม” รับใช้ “ทักษิณ” ขายหมดไม่เหลือกระทั่งวิญญาณ

ใช้การยุบสภาเป็นเกมชิงไหวชิงพริบทางการเมือง เพื่อความอยู่รอดของ “ทักษิณ” มิใช่เรื่องความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับ ฝ่ายนิติบัญญัติแต่อย่างใด

ความผิดของ “ภูมิธรรม” ครั้งนี้จึงใหญ่หลวงนัก!

โบราณกาลถึงขั้น ตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร

ครับ…ตกเย็นวานนี้ (๓ กันยายน) มีข่าวแพร่สะพัด สำนักองคมนตรี ตีกลับร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

สำนักองคมนตรี มีหน่วยงานกลั่นกรองหนังสือและถวายความเห็นประกอบกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชวินิจฉัย และทรงลงพระปรมาภิไธย

หนังสือนำส่งกลับระบุว่า

“…การกราบบังคมทูลร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ไม่เป็นไปตามระเบียบการนำเสนอเพื่อขอพระมหากรุณา เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีปัญหาข้อขัดแย้งว่ากระทำได้หรือไม่ ประกอบกับเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ทำความเห็นประกอบว่า รัฐบาลรักษาการไม่สามารถกราบบังคมทูลร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ ได้ จึงไม่สามารถกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยได้…”

เมื่อเป็นเช่นนี้ “ภูมิธรรม” ต้องแสดงความรับผิดชอบ

และอย่าอ้างว่ายุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน

คืนคุกให้ “ทักษิณ” จะเหมาะกว่าด้วยประการทั้งปวง.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
คาเฟ่ แคนทารี จัดเต็มความอร่อยกับเครื่องดื่มและของหวานเมนูเด็ดสูตรพิเศษ ตลอดเดือน มกราคม–กุมภาพันธ์ 2566
วันนี้– 28 กุมภาพันธ์ 2566 คาเฟ่ แคนทารี ขอเชิญชวนทุกท่านมาลิ้มลองเมนูเครื่องดื่มและของหวานสุดพิเศษ “ไอซ์คอฟฟี่ โรมาโน” (Iced Coffee Romano)...
Read More
0 replies on “คืนคุกให้ ‘ทักษิณ’ #ผักกาดหอม”