สันต์ สะตอแมน
เบาได้เบาลงหน่อยเถอะ..
ผมหมายถึงข่าวพระผู้ใหญ่กับสีกากอล์ฟน่ะ ไม่เห็นจะต้องใจร้อน-เร่งรีบอะไรไป ในเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอยู่ทุกวี่วัน..
ที่เห็น “ช้า” ก็เพราะใจเรา แต่ไม่ได้คิดถึงใจเขา โดยเฉพาะมหาเถรสมาคม จะตัดสินหรือทำอะไรไปตามกระแส อารมณ์พุทธศาสนิกชนถ่ายเดียวก็ไม่ได้
เรื่องกวาดล้าง “อลัชชี” ผมสนับสนุน-เห็นด้วยมาแต่ไหนแต่ไร หนำซ้ำยังเคยเสนอให้มีกฎหมายอาญาลงโทษถึงขั้น “ประหารชีวิต” เสียด้วยซ้ำ!
แต่ในห้วงนี้ ที่พุทธศาสนิกชนจิตใจกำลังบอบช้ำ ย่ำแย่ สับสน และเป็นห่วงเป็นกังวลเกรงพระพุทธศาสนาจะเสื่อมทรุด
สื่อ นักวิชาการ กระทั่งอินฟลูฯ ยูทูบเบอร์ก็ควรที่จะได้ช่วยกันดึงสติ อารมณ์ผู้คนให้พูด-ให้วิจารณ์ หรือพูดตรงๆ “ด่าพระ” กันให้น้อยๆ ลงจะดีกว่าไหม!
ไม่ได้หมายให้ยึด.. “ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์” เพียงแต่ไม่อยากให้ซ้ำเติม-เหยียบย่ำในขณะที่ศาสนาพุทธอ่อนแอ-เพลี่ยงพล้ำ อย่างน้อยพระประพฤติดี อยู่ในศีล-ในธรรมก็ยังมีอยู่ดื่นดาษ!
ในเมื่อทางโลก “บิ๊กเต่า” ก็ได้ทำหน้าที่สะสางตามสืบอยู่อย่างขะมักเขม้น (แต่อยากให้เงียบปากลงหน่อย) และทางสงฆ์-ทางธรรมก็ไม่ได้นิ่งเฉย
ก็อยากให้เรา-ชาวพุทธได้ติดตามดูกันไปด้วยใจที่สงบเย็นพลางสาธุ..ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเป็นไป!
และ..ที่รอด้วยระทึกมาหลายเพลานั้น เมื่อ “บิ๊กเต่า” บอกว่าไม่มีการจับพระชั้นสูงไปกว่านี้อีกแล้วก็เป็นอันว่าหมดโอกาส “ช็อก” อ้าปากค้าง เหวอ..เป็นไปได้ไง..จบ!
เอ้า..ส่วนนั่นกำลังจะเป็นไปได้แล้ว ผมหมายถึงภาพยนตร์เรื่อง “งู” เห็นวันก่อนคุณวิมล ไทรนิ่มนวล โพสต์..
“ ‘งู’ จะกลับมาฉาย..การเมืองเข้มข้นตลอดเวลา จนแทบไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นๆ ผมอยากจะขายหนังสือจึงไม่มีโอกาสสักที
เมื่อวานผมกับ ‘แจ๊สสยาม’ ไปคุยกับเจ้าของโรงหนังอินดี้ ‘โอเอซิส’ ที่สุขุมวิท 43 เพื่อฉายหนังของผม 2 เรื่อง เมื่อจัดการหนังเสร็จเรียบร้อยแล้ว
คุยกันสารพัดเรื่อง สรุปได้ว่า จะนำ ‘งู’ ที่แจ๊สสยามสร้างจากนวนิยายของผมฉายก่อน ภายใน 2 สัปดาห์นี้ ผมจึงเอาโปสเตอร์มาโชว์ไว้ หนังมีกำหนดฉายวันไหนผมจะบอกอีกครั้งครับ”
ครับ..คุณแจ๊สสยามได้ลงทุนลงแรง-กำกับหนังเรื่องนี้แล้วเสร็จมาตั้งแต่ปี 2562 หลังจากที่ว่างเว้นงานกำกับภาพยนตร์มานานเฉียด 30 ปี แต่ไม่มีโอกาสได้ฉายในโรงหนังเครือใหญ่
และที่กลับมาทำหนังในวัยใกล้ 80 ปี คุณแจ๊สสยามได้เคยให้สัมถาษณ์กับ “มติชน” เอาไว้บางช่วงบางตอนว่า เป็นเพราะชื่นชอบในเนื้อหา..
“หลายคนอ่านแล้วตีความว่าเราไปทำลายศาสนา ทำลายความเชื่อ แต่ความจริงไม่ใช่นะ เราต้องการจะบอกให้คนทั้งหลายรู้ว่า
ณ ปัจจุบันนี้ พระพุทธศาสนาของเราถูกบางคนเอามาใช้เป็นประโยชน์กับตัวเอง นัยของงู หลายๆ คนก็ถาม ว่าเป็นอะไรกันแน่ เป็นงูยักษ์ งูเจ้าพ่อหรือเปล่า
จริงๆ แล้วงูเป็นนัยของความหมายว่า เป็นสัตว์ที่ฉกทุกสิ่งทุกอย่างไปจากชีวิต”
“เรื่องก็พูดถึงบุคคลที่นุ่งเหลืองห่มเหลือง เรียกตัวเองว่าพระ เอาศาสนามาบังหน้า หากินโดยเอาสวรรค์มาฉก เอานรกมาขู่ แล้วชาวบ้านก็เชื่อ
เพราะว่าวัฒนธรรมของคนไทยเชื่อในสิ่งต่างๆ อย่างต้นไม้ ถ้าเอาผ้าสามสีมาผูก แค่นั้นก็กลายเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ก็เลยอยากเอาประเด็นนี้มาพูดถึง..
แต่เราไม่ได้ทำให้โจ่งแจ้ง จะไม่ทำให้เห็นว่าเรามาทำลายพระพุทธศาสนา เพราะพุทธศาสนาเราก็เคารพนับถือ..
ถ้าตรงนี้ไม่มีใครออกมาชี้ให้เห็น ว่าช่วยกันพิจารณาหน่อย สังคมในพระพุทธศาสนาก็จะเสื่อมลงไปเรื่อยๆ”
นี่..ผมเชื่อไม่ใช่การฉวยโอกาสในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ หากแต่เป็นความมุ่งมั่น-พยายามของคุณแจ๊สสยามมาตลอดที่จะนำหนัง “งู” ออกสู่สายตาคนดูให้ได้ ซึ่งที่สุดก็ได้ฉาย..
แม้จะเป็น “โรงหนังอินดี้” ก็ยังดี (วะ)!.
