สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เผยมาตรการต่อเนื่องในการตอบสนองในพื้นที่การทำงานต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินทางสาธารณสุขและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส
“ผมมีความกังวลอย่างมากต่อการแพร่ระบาดของไวรัสทั่วโลกอย่างไม่คาดคิดมาก่อน ตลอดจนผลกระทบที่เกิดต่อผู้ลี้ภัยและชุมชนที่ให้ที่พักพิง วิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการทำงานในพื้นที่ของเรา ทำให้เราต้องเร่งปรับแนวทางการทำงานอย่างรวดเร็ว ถึงจะเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่เราไม่เคยลดความมุ่งมั่นในการมอบความคุ้มครองและปกป้องผู้ลี้ภัยอย่างสุดกำลัง’’ นายฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ กล่าว
“สิ่งสำคัญลำดับแรกของเราในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คือการทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าบุคคลในความห่วงใยของเราทุกคนได้รวมอยู่ในแผนการตอบสนองของแต่ละประเทศและให้พวกเขาได้รับทราบข้อมูลอย่างเหมาะสม โดยที่เราได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่หากรัฐบาลต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมในการเตรียมความพร้อมและตอบสนองต่อสถานการณ์นี้’’ นาย กรันดี เสริม
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 UNHCR เปิดระดมทุนกว่า 255 ล้านเหรียญสหรัฐ สนับสนุนแผนงานระดับโลกด้านมนุษยธรรมเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด-19 ของสหประชาชาติ เพื่อมุ่งช่วยเหลือประเทศที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษอย่างเร่งด่วนที่สุด
แม้ว่าจำนวนรายงานการติดเชื้อและการยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้ลี้ภัยยังมีอยู่ในขั้นต่ำ แต่มากกว่าร้อยละ 80 ของผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นในประเทศทั่วโลกพักพิงอยู่ในประเทศที่มีรายได้ปานกลางถึงน้อย ซึ่งมีระบบสาธารณสุข น้ำสะอาด และระบบสุขาภิบาลที่ไม่เพียงพอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
นาย กรันดี ยังเสริมอีกว่า มีผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นในประเทศอีกมากที่อาศัยอยู่ในค่ายพักพิงที่หนาแน่นหรือในเขตเมืองที่ทุรกันดาร โครงสร้างด้านสาธารณสุขและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านน้ำสะอาด สุขาภิบาล และสุขอนามัย (WASH) มีจำกัด มาตรการการป้องกันในพื้นที่เหล่านี้จึงมีความสำคัญยิ่ง
มาตรการตอบสนองในพื้นที่การทำงานของ UNHCR รวมถึง
· การเสริมสร้างระบบและบริการด้านสาธารณสุขและโครงการ WASH รวมถึงการแจกจ่ายสบู่และเพิ่มการเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาด
· การสนับสนุนรัฐบาลในการป้องกันการติดเชื้อและรับมือด้านสาธารณสุข รวมถึงการจัดเตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์
· การแจกจ่ายที่พักพิงและสิ่งของบรรเทาทุกข์
· การนำเสนอแนวทางและข้อมูลตามจริงของมาตรการการป้องกัน
· การเพิ่มเติมการสนับสนุนทางการเงินเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากโควิด-19
· การติดตามอย่างใกล้ชิดและเข้าช่วยเพื่อให้แน่ใจว่าสิทธิของผู้พลัดถิ่นจะได้รับการเคารพอย่างเท่าเทียม
ในประเทศบังคลาเทศ เจ้าหน้าที่ในหน่วยสาธารณสุขของค่ายผู้ลี้ภัยที่มีชาวโรฮิงญาอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นกว่า 850,000 คน ได้เริ่มการฝึกอบรมโดยมีผู้ลี้ภัยอาสามากกว่า 2,000 คนที่ทำงานร่วมกับชุมชนและผู้นำทางศาสนาร่วมกันเผยแพร่มาตรการการป้องกันที่สำคัญต่างๆ แก่ผู้ลี้ภัยผ่านทางสปอตวิทยุ วีดีโอ โปสเตอร์ และใบปลิวรณรงค์ในภาษาท้องถิ่น ได้แก่ ภาษาโรฮิงญา เมียนมา และเบงกาลี นอกจากนี้ยังมีมาตรการในการจัดหาสบู่และน้ำสะอาดแก่ผู้ลี้ภัยทุกคน โดยกำลังเพิ่มจุดล้างมือและสนับสนุนการก่อสร้างสถานที่รักษาและแยกตัวแห่งใหม่สำหรับผู้ลี้ภัยและชุมชนต่างๆ ที่ให้ที่พักพิงโดยรอบ
ในประเทศกรีซ UNHCR เร่งการสนับสนุนแก่หน่วยงานต่างๆ เพื่อเพิ่มการแจกจ่ายน้ำสะอาดและระบบสุขาภิบาล จัดส่งผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย และจัดหาจัดตั้งหน่วยแพทย์ รวมถึงพื้นที่คัดกรองโรค แยกตัวสังเกตอาการ และกักตัว UNHCR ยังได้อำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ขอลี้ภัยผ่านโทรศัพท์สายด่วนโดยจัดหาผู้ลี้ภัยที่อาสาทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษา นอกจากนั้น UNHCR ยังกระตุ้นหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอโยกย้ายผู้ขอลี้ภัย 35,000 คนจากศูนย์แรกรับที่หนาแน่นบนเกาะให้เหลือน้อยกว่า 6,000 คน
ในประเทศจอร์แดน มีการตรวจวัดอุณหภูมิที่ทางเข้าค่ายผู้ลี้ภัยซาตารี (Zaatari) และอัซรัค (Azraq) พร้อมการรณรงค์แคมเปญภายในค่ายเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัส มีการเพิ่มการจ่ายไฟฟ้าและขยายเวลาเปิดร้านค้าเพื่อหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม
มีการจัดจุดล้างมือและตรวจวัดอุณหภูมิที่ทางเข้าของศูนย์พักพิง ศูนย์แรกรับ และหน่วยแพทย์ต่างๆ ในบริเวณที่พักพิงและค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศเอธิโอเปียและยูกันดา
ในประเทศซูดาน UNHCR ได้จัดส่งสบู่ให้ผู้ลี้ภัย ผู้พลัดถิ่นในประเทศ และสมาชิกในชุมชนที่ให้ที่พักพิงมากกว่า 260,000 คน UNHCR ร่วมกับหน่วยงานของสหประชาชาติและกระทรวงสาธารณสุข รณรงค์แคมเปญอย่างจริงจังในหลายภาษาเพื่อสร้างความตระหนัก โดยส่งข้อความกว่า 15,000 ข้อความไปหาผู้ลี้ภัยในเขตเมืองคาร์ทูม (Khartoum) เพื่อประชาสัมพันธ์การดูแลสุขภาพและวิธีป้องกันตนเองที่ถูกต้อง
มาตรการการป้องกันในค่ายผู้ลี้ภัยและพื้นที่พักพิงของผู้พลัดถิ่นในประเทศในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกและประเทศบูร์กินาฟาโซ มีการจัดตั้งจุดล้างมือ แจกจ่ายสบู่และอุปกรณ์ทำความสะอาด และการประชาสัมพันธ์อย่างครอบคลุมทั้งทางสื่อสิ่งพิมพ์ สปอตวิทยุ และผ่านเครือข่ายชุมชน
ในประเทศบราซิล UNHCR และองค์กรพันธมิตรได้สร้างบริเวณแยกตัวบุคคลที่อาจติดเชื้อในเมืองบัววิสตา (Boa Vista) สำหรับผู้ลี้ภัยและผู้อพยพชาวเวเนซุเอลาและพลเมืองท้องถิ่น และมีการแจกจ่ายผลิตภัณฑ์สุขอนามัย 1,000 ชุดแก่ชนพื้นเมืองในเมืองเบเลง (Belem) และซังตาเรย์ (Santarem)
UNHCR ยังทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ของสหประชาชาติเพื่อร่วมหาทางออกในการขนส่งที่เป็นไปได้อย่างยากลำบากเนื่องจากการชะงักตัวของการผลิตและการปิดชายแดนในประเทศต่างๆ เราจึงต้องเร่งการจัดซื้อในระดับท้องถิ่นและภูมิภาคเพื่อทำการขนส่งทางอากาศ เมื่อไม่นานมานี้อุปกรณ์การช่วยเหลือฉุกเฉินและอุปกรณ์การแพทย์กว่า 100 ตันได้ถูกลำเลียงทางอากาศไปยังประเทศชาดและอิหร่าน
“เราจะขยายการเข้าช่วยเหลือในภาคสนามต่อไป แต่เราไม่สามารถทำภารกิจที่สำคัญนี้ได้เพียงลำพัง ตอนนี้เราต้องการเงินสนับสนุนอย่างเร่งด่วนเพื่อดำเนินการต่อ พร้อมกับการทำงานด้านมนุษธรรมเดิมที่ทำอยู่แล้ว ความร่วมมือในระดับนานาชาติอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวคือสิ่งที่เราต้องการและสำคัญที่สุดในขณะนี้” นาย กรันดี สรุป
UNHCR ประจำประเทศไทย ยังคงทำงานร่วมกับองค์กรพันธมิตรต่างๆ อย่างใกล้ชิดเพื่อเร่งแผนเตรียมความพร้อม ป้องกัน และตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-19 เพื่อการรับมือด้านสาธารณสุขในกลุ่มบุคคลในความห่วงใยอย่างทันท่วงที รวมถึงการทำงานเชิงรุกในการเพิ่มมาตรการป้องกันสำหรับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ด้วย
ติดตามเรื่องราวผู้ลี้ภัย เจ้าหน้าที่ และผู้สนับสนุนของเราทั่วโลกในการให้ความช่วยเหลืออย่างมีเมตตาที่ Live Blog: Refugees in the COVID-19 crisis และร่วมบริจาคปกป้องผู้ลี้ภัยจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ที่เว็บไซต์ http://unh.cr/5e79d6bf98