เปลว สีเงิน
น่าสงสาร “นายกฯแพทองธาร” นะ
สภาพตอนนี้ เธอไม่ต่าง “กัปตันเรือหลุด”!
คือหลุดจากหลัก “ลอยเท้งเต้ง” กลางทะล เครื่องยนต์ดับหมด ถ่อจะค้ำ พายจะจ้วง หางเสือจะคัดท้าย ไม่มีเลย
มีแต่ลิ้นกระดาษทราย กับน้ำลายชะแล็ก!
หินโสโครกในทะเลยังไม่อันตรายเท่าลิ้นโสโครกสัตว์เลี้ยง ที่วันๆ คอยแต่เลียนาย นอกจากเสียงบ๊อกๆ ประจบนายแล้ว
ไม่มีความหมายในทางใช้ประโยชน์เลย!
แหงนดูฟ้าทะมึนด้วยมรสุมเศรษฐกิจจนมิดมืด การเงิน-การคลัง-การค้า นอกจากภาวนากับราคาคุยไปวันๆ นอกนั้น มันตันไปทุกด้าน
ภาวะนี้ อนาคตอันใกล้ “ช่างน่ากลัวนัก”!
ยิ่งเห็นสีหน้ากัปตันหญิง “อมทุกข์” แทน “อมฮอลล์” เพ้อรำพรรณแบบตันปัญญา ร้องหาแต่พ่อช่วยด้วยแล้ว
ก็น่าหวั่น พลันมรสุมที่ตั้งเค้าทะมึนซัดตูมมา “นาวาไทย” ก็จะคว่ำ
เพราะ “กัปตันนำ” เธอมีประสบการณ์แค่พาลูกวิ่งเล่นในสนามหน้าทำนียบเท่านั้น
ประสบการณ์ “พาชาติรอด” ในภาวะเศรษฐกิจเปื่อยยุ่ย เห็นหน้ามุ่ยตอนให้สัมภาษณ์นักข่าวเมื่อวาน (๑๓ พ.ค.๖๘) ก็รู้แล้ว
นาวาลำนี้ “ไม่แคล้ว” จม!
แล้วก็จะพาตายกันไปทั้งหมด ไม่เหลือเขียด ไม่เหลือสังกะสี ไม่มีใครรวยไปด้วยกัน มีแต่พวกมันเท่านั้น ขนาดไม่มี…ไม่มี แค่เลียๆ เห่าๆ ก็มีติดกระเป๋าคนละร้อย-ครึ่งร้อยล้าน
ให้อยู่อีกซักหน่อย …..
จากร้อยจะเป็นพันล้าน จากงบรื้อนั่น-สร้างนี่ ทำที่จอดรถใต้ดินสัปปายสภาสถาน กว่า ๔ พันล้าน
ถ้าไม่ทำเพื่อ “ทำมาหารับประทาน” ก็ลองให้เหตุผลซิว่าทำไปหาวิมานอะไร?
เพราะ “รถไฟฟ้าใต้ดิน” ทั้งสาย ขุดเหย็งๆ อยู่หน้าสภา สถานีจอดแทบจะเกยหน้าห้องประชุม
เขาอุตส่าห์บริการขนาดนี้แล้ว พวกท่านยังจะต้องยกโขยงขับรถมาโชว์พาวให้รกสภาทำไม ชาวบ้านอดอยากปากแห้งจะตายห่ะกันหมดตอนนี้
แทนที่จะคิดช่วย-คิดแก้…..
ฝ่ายรัฐบาลดันคิดจะปากมันกับการดันงบทำที่จอดรถตั้ง ๔-๕ พันล้าน กะจวกก่อนจากรึไง…พวก!?
พูดกันตรงๆ สังคมบริหารและปกครองประเทศตอนนี้ “คอร์รัปชันระบบรัฐกับการเมือง”
กำลังกัดกร่อนบ่อนพังประเทศไปทุกจุด จนเขารู้กันทั้งโลกว่าเป็นเรื่องปกติของสังคม “ข้าราชการงานรัฐ” ไปแล้ว
ทุกอย่างต้องมีเปอร์เซ็นต์ ต้องมีเงินทอน แค่ประชุมบางหน่วย ถึงเดือนจะมีฝ่ายจัดสรรนำซองมาวางไว้ให้
พูดสั้นๆ “นี่ส่วนของท่านครับ” เท่านั้น ก็เป็นที่รู้กันว่าเป็น
“เบี้ยอบายภูมิ”!
อาคาร งานก่อสร้างของส่วนราชการ มากต่อมาก สร้างครึ่งแล้วทิ้งร้าง “เกลื่อนประเทศ” โดยไม่มีใครอินังขังขอบ
สตง.รึจะตรวจสอบจริงจัง ?!
ถ้าจริงจัง ตึกสตง.จะไม่ถล่มประจานหน้า “ไทยแลนด์- แดนคอร์รัปชัน” จนเขาหยันกันทั้งโลกหรอก
เพราะอะไร “เจ้าหน้าที่-ผู้รับเหมา” รู้กัน ประมูลให้ต่ำกว่าราคากลาง แล้วได้งานไป ก่อสร้างไปครึ่งๆ กลางๆ ตามแบบ-ตามสเปกหรือไม่ ก็พยักหน้ากันไป
พอได้เงินงวดก็ “ทิ้งงาน” มันเป็นอย่างนี้แทบทั้งนั้น เห็นได้ในแทบทุกจังหวัด แล้วอ้างโน่น-อ้างนี่ ได้งบมาใหม่ ก็หาผู้รับเหมารายใหม่
ก็ไอ้พวกวนไป-เวียนมา “กินแล้วแบ่งกัน” นั่นแหละ!
มันหยั่งรากลึกจากยอดทำนียบไปจนถึงยอดหลังคาอบต.ไปหมดแล้ว
อย่าไปคิดว่า “การเมืองระบบเลือกตั้ง” จะแก้ได้
เพราะ “ไอ้การเมืองเลือกตั้ง” ในสังคมไทยที่นิยมกินหญ้าหวานนั่นแหละ ต้นเหตุ-ต้นปัญหาให้ “คอร์รัปชัน” บานพลิ้วจนดอกงิ้วเขิน!
ทุกคน “รู้ปัญหา”
แต่ผู้กล้า “ทำบุญล้างประเทศ” ยังหาไม่เจอ
อาจเจอแล้วก็ได้ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไข เพราะในโลกนี้ “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ”
มีใครอยากให้ประเทศพินาศล่มจมเพราะ “นักกการเมือง+ข้าราชการ” รวมหัวคอร์รัปชัน อยู่อย่างนี้ตลอดไปบ้าง?
“ยกมือขึ้น”!
ไม่มีใครยกเลย มีแค่ประเภทนิยมหญ้าหวานเป็นภักษาหารอยู่นิดหน่อย
แสดงว่า ความถึงพร้อมด้วย “เงื่อนไข” ใกล้เข้ามาแล้ว
อย่าลืม “ทุกข์ประชาชนคือทุกข์แผ่นดิน”
ไม่มีอะไรที่เราจะได้มาโดยไม่เจ็บปวด แม้กระทั่งการเกิด สิ่งแรกที่เห็น คือเลือดและเสียงร้องจ้า
นั่นคือสัญญาน-สัญญา “ชีวิตใหม่” ที่มีค่าเกิดขึ้นแล้ว จากเสียงร้องจ้า ก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะร่า เสียงไชโยโห่ร้อง ด้วยปรีดา
ว่าชีวิตปภัสสรของ “กุมารี-กุมารา” ประหนึ่งนคราสิ้นมารมาถึงแล้ว!
“มันจงเป็นเช่นนั้นเถิด”
อยากบอก นายกฯ แพทองธารที่อมทุกข์ด้วยเวทนาว่า “เมื่อสุดสมองคิด” ก็ปลงจิต “วางมือ” เถอะ
ถือซะว่า ตำแหน่งนายกฯ ครั้งนี้เป็นประสบการณ์เพื่อ “ครั้งหน้า” ที่ยังมี!
เธอเป็นนายกฯ ไมใช่ตุ๊กตาเสียกบาล ตำแหน่งนายกฯ คือผู้ทำหน้าที่นำบริหารประเทศ
เธอจะพูดให้เข้าตัวทำไม กับที่นักข่าวถามเมื่องวาน ว่า
“ที่ศาลไม่อนุญาตให้นายทักษิณเดินทางไปกาตาร์ เพื่อช่วยเจรจากับสหรัฐฯ ถือเป็นอุปสรรคให้ไทยเสียโอกาสหรือไม่?” นั้น
และที่เธอตอบว่า….
“ก็น่าเสียดายโอกาสที่เราจะสามารถพูดคุยกับคอนเน็กชั่นที่ค่อนข้างใกล้กับประธานาธิบดี หรืออาจคุยกับประธานาธิบดีได้เลย มันก็ต้องเสียโอกาสอยู่แล้ว
หรือถ้ามีโอกาสที่มีการคุยกันตรง ๆ มันก็ง่ายกว่า เหมือนกับทุกวงการ ถ้าได้คุยกับตัวจริงเลย ดีกว่าอยู่แล้ว ก็ถือเป็นโอกาสที่คุยกันได้
นายทักษิณกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ เองก็รู้จักกันอยู่แล้วในอดีต เคยพบเจอกัน และพูดคุยกันอยู่แล้ว
ดังนั้นถ้าได้พบเจอกันหรือถามแนวคิดกัน ก็จะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงน่าเสียดาย”
ก่อนอื่น….
อุ๊งอิ๊ง เธอต้องรู้ นายทักษิณนั่น นอกจากความเป็นพ่อของเธอแล้ว นอกนั้น นายทักษิณ ไม่มีตำแหน่ง-หน้าที่อะไรเลยในรัฐบาล
ที่เห็นว่ามีนั้น นั่นเป็น “ความเสือก” ส่วนตัว ที่พ่อเธอก็ยอมรับเองว่าเขา สทร.มิใช่หรือ?
ในเมื่อไม่มีตำแหน่ง-ฐานะอะไรเลยในรัฐบาล กับงานเป็นทางราชการ ใครเขาจะเจรจา “ความบ้าน-ความเมือง” กับพ่อเธอล่ะ?
ทำเป็น “ตีตัวเสมอทรัมป์” มันคนละยุค-คนละสมัย เคยรู้จักส่วนตัว ก็บอกให้ทรัมป์ทำหนังสือเชิญพ่อเธอไปคุยส่วนตัวส่งมาเป็นทางการซี
นี่เขาคุยกันถึงเรื่องราวในนามรัฐบาล จะให้พ่อเธอ “เสือกทุกเรื่อง” สะเออะไปคุย ทั้งๆ ที่ไปตกลงอะไรแทนรัฐบาลไม่ได้และใครเขาก็ไม่เชื่อถือ มันจะได้ยังไง?
หรือรัฐบาลเพื่อไทย จะยอมรับให้นายทักษิณ “คนนอกพรรค” ครอบงำ ควบคุม ชี้นำ สั่งการ ทั้งพรรค ทั้งรัฐบาล?!
เห็นมั้ย…..
สามัญสำนึกผู้นำ “ขั้นปฐม” เธอยังไม่มี แล้วก็พูดไปเรื่อย นอกจากไม่เป็นผลดีกับรัฐบาลแล้ว
ยังทำให้ประเทศเป็นที่อับอาย ว่ากรุงรัตนโกสินทร์ “สิ้นคนดี” ถึงขั้นต้องให้นักโทษ “โกงบ้าน-กินเมือง” มาเจรจาแทนรัฐบาลแล้วเชียวหรือ?
แล้วที่พูดนั้น มัดตัวเอง ตามมาตรา ๒๘-๒๙ พรป.พรรคการเมือง ว่าด้วยเรื่องให้คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ควบคุม ครอบงำ ชี้นำ สั่งการด้วยนะ!
รัฐบาลตอนนี้ กระทั่งทีมบ้านพิษก็ยัง “เตลิด” จนเขียนข้อความใส่ไอแพดให้นายกฯ อ่านตอบหน้าไมค์ไม่ถูก
อุ๊งอิ๊ง……
จาก “กัปตันเรือหลุด” จนเป็น “กัปตันเรือลอย” กำลังพาคนทั้งประเทศไปตายกลางมรสุมเศรษฐกิจ
ฉะนั้น ใครก็ได้….
ช่วย “หยุดเธอ” แล้วควบคุมหางเสือ หลบร่องมรสุม พาเรือเข้าจอดฝั่งให้ทันการณ์ทีเถอะ!
เปลว สีเงิน
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๘
