ยุบสภาแน่แค่รอเวลา #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

การเมืองเปิดเกมเดือดครับ…
จะเอากันถึงขั้นยุบสภา!
มีข่าวแพร่สะพัดว่า พรรคภูมิใจไทยจะคว่ำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๙

ถ้าคว่ำจริง นายกฯ แพทองธาร มีสองทางเลือกครับ
ไม่ยุบสภาก็ลาออก!

การลาออกเพื่อตั้งรัฐบาลใหม่ ไม่ง่ายเพราะมีทางเลือกเดียวคือดึงพรรคส้มร่วมรัฐบาล

ปัญหาคือพรรคส้มมีจำนวน สส.มากกว่า ๒ เสียง แม้พรรคส้มจะไม่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเหลืออยู่แล้ว และตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังอยู่กับพรรคเพื่อไทย แต่การจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีนั้นอำนาจต่อรองไปอยู่กับพรรคส้มมากกว่าพรรคเพื่อไทย
เพื่อไทยจะยอมเสียเก้าอี้รัฐมนตรีเกรดเอให้พรรคส้มอย่างน้อยๆ ก็เกินครึ่งหรือ?
ก็อาจเป็นไปได้

ในภาวะเลือดเข้าตาเช่นนี้ “ทักษิณ” อาจใช้พรรคส้มร่วมทำสงครามกับฝ่ายอนุรักษนิยมก็ได้

แต่ก็หมายถึงสงครามครั้งสุดท้าย และเป็นสงครามที่ไม่มีวันชนะของ “ทักษิณ”

ฉะนั้นยุบสภาเลือกตั้งใหม่ มีความเป็นไปได้ที่ “ระบอบทักษิณ” จะกลับมาอีกครั้งได้มากกว่า

ครับ…ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยตั้งเค้ามาพักใหญ่แล้ว
ตบจูบกันมาเป็นระยะๆ

ช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ทักษิณ” ใช้ความพยายามอย่างหนัก ในการพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อไม่ให้ลูกสาวถูกเชือดคาสภา

ที่จริงความขัดแย้งระหว่าง ๒ พรรคนี้อยู่ในขั้นร้าวลึก!

เป็นที่รู้กันว่ามี “ทักษิณ” ต้องไม่มี “เนวิน”

เพียงแต่ที่ผ่านมาการเมืองมีสถานการณ์พิเศษ ทำให้ทั้งพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทยจำใจต้องตั้งรัฐบาลด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่การร่วมรัฐบาลก็เต็มไปด้วยความขัดแย้งทั้งในเรื่องนโยบาย และแนวคิดทางการเมือง

ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าเป็นนโยบายรัฐบาล แต่กลับพบว่าสภาล่มเพราะพรรคภูมิใจไทยไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย

สภาล่มในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๕๖ และเพิ่มหมวด ๑๕/๑ เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย และ สว.สีน้ำเงิน วอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม เพราะเห็นว่าเป็นการประชุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

พรรคภูมิใจไทยให้เหตุผลว่าการประชุมขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
“อนุทิน ชาญวีรกูล” ยืนยันว่า “มีความเสี่ยง”

จากนั้นมีความขัดแย้งเรื่องการออกกฎหมายประชามติ พรรคภูมิใจไทยเห็นต่างกับพรรคเพื่อไทยในรายละเอียด ทำให้ต้องลงมติงดออกเสียง

ก่อนจะลามไปถึง สว.สีน้ำเงิน แก้ไขร่างกฎหมายที่ผ่านสภาผู้แทนฯ

ประเด็นนี้สร้างความตึงเครียดในรัฐบาล เกิดสงครามน้ำลายระหว่าง สส.ทั้ง ๒ พรรค สะท้อนให้เห็นถึงความง่อนแง่นของฝ่ายบริหารที่ไม่เป็นเนื้อเดียวกัน

การตรวจสอบที่ดินเขากระโดง สนามกอล์ฟอัลไพน์ สนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ ที่ ๒ พรรคแลกคนละหมัดผ่านสงครามตัวแทน
คือหน่วยงานราชการในสังกัด!

การตรวจสอบเรื่องที่ดินถูกนำมาเป็นเกมการเมือง ที่ไม่มีใครยอมใคร มีการปะทะกันตั้งแต่รัฐมนตรี สส.พรรค ยันข้าราชการที่ต้องว่าตามเจ้ากระทรวง

แต่สุดท้ายต่างฝ่ายต่างยั้งมือ เพราะขืนรบกันไปจะกลายเป็นหยิกเล็บเจ็บเนื้อ กระทบเสถียรภาพของรัฐบาลไปเปล่าๆ

ร่างกฎหมายเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นอีกหนึ่งความขัดแย้งที่นำไปสู่การยุบสภาได้

จุดแตกหักประเด็นนี้เกิดขึ้นเมื่อ “ไชยชนก ชิดชอบ” ประกาศแสดงจุดยืนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

“ผม นายไชยชนก ชิดชอบ ลูกชายคนโตของนายเนวิน และนางกรุณา ชิดชอบ ผมเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จะไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน และไม่ใช่แค่ พ.ร.บ.ฉบับนี้
แต่ทุกๆ พ.ร.บ.หลังจากนี้ แม้กระทั่ง พ.ร.บ.ของพรรคภูมิใจไทย ที่เราคิดขึ้นมาแล้วนำเสนอเพื่อประโยชน์ของประเทศไทย ผมก็จะไม่พิจารณา รวมถึงภาษีบ้านเกิดเมืองนอน”

“…สำหรับผมและทุกอย่างที่ผมได้ศึกษามา มันมีเรื่องที่เร่งด่วนกว่าอย่างมหาศาล และทางพวกท่านสงสัยว่าทำไมเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่อยู่จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งหลาย ผมที่ไม่เคยหิวแสง ที่ไม่เคยต้องการสัมภาษณ์ ที่ไม่เคยตอบโต้กับการโดนเข้าใจผิดโดยสังคม ทำไมต้องทำขนาดนี้ ผมอยากขอให้พวกท่านให้เวลาผมแล้วตั้งใจฟังข้อมูลต่างๆ ที่ได้รวบรวมสะสมมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยต่อพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน…”

แทบไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมว่าท่าทีของพรรคภูมิใจไทยต่อร่างกฎหมายกาสิโนจะเป็นอย่างไร หากร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกนำไปอภิปรายในสภา

“ทักษิณ” ถึงได้สั่งไอ้เสือถอย!

เรื่องนี้ยังลามไปถึงกลุ่ม สว.สีน้ำเงินเช่นเคย พร้อมคำขู่สร้างความกดดันให้รัฐบาล
เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการออกเสียงประชามติ ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

หากไม่ทำอาจเข้าข่ายทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และมาตรา ๑๗๒

รวมถึง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาตรา ๑๒๓/๑ หากพบการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือเอื้อประโยชน์แก่บุคคลใดมิชอบ
หากสภาโหวตรับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ สว.จะดำเนินการยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตรวจสอบจริยธรรมทันที

“ทักษิณ” รับรู้ได้ถึงอุปสรรคขัดขวางที่เกิดขึ้น การขจัด สว.สีน้ำเงินจึงเป็นภารกิจเร่งรีบ

ประเด็นใหญ่ที่สร้างความร้าวฉานให้ ๒ พรรคอย่างรุนแรงในขณะนี้จึงเป็นการเลือก สว.ที่มีผลสืบเนื่องมาหลายเดือน การเดินเกมคล้ายกับการตรวจสอบที่ดิน
คือการใช้หน่วยงานราชการในสังกัดเดินเกม

ให้ดีเอสไอเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบการเลือกสว. โดยที่ กกต. ผู้รับผิดชอบโดยตรงกลับยอมรับว่าดีเอสไอมีข้อมูลมากกว่า

การออกหมายเรียก ๕๕ สว.สีน้ำเงิน ราวกับฟางเส้นเกือบสุดท้าย เพราะวงในรู้ดีว่า สว.สำรองส่วนใหญ่เป็นคนของพรรคเพื่อไทย

การขู่คว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ๒๕๖๙ คือการแลกหมัด

มีเสียงจากคนในรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยว่า นายกฯ ไม่มีแผนจะยุบสภา

ครับ…ในสภาวการณ์รัฐบาลง่อนแง่นเช่นนี้ ยุบสภา ไม่ต้องวางแผน

เป็นการตัดสินใจฉับพลัน และต้องทำทันที
คงอีกไม่นาน.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
‘ภูมิใจไทย’ พูดแล้วทำ ขอโอกาสดูแลคนกรุงเทพ
ความน่าสนใจหนึ่งของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งปี 2566 ที่อยู่ในสายตาของ “คอการเมือง” คือความกล้าวัดใจกับคนกรุงเทพฯ ด้วยการส่งผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง33 เขต และหาเสียงอย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่เป็นการเปิดเวทีย่อย แต่กลับค่อยๆ...
Read More
0 replies on “ยุบสภาแน่แค่รอเวลา #ผักกาดหอม”