ผักกาดหอม
จบไปแล้วครับ…
สำหรับเรื่องของ “นักโทษชายชั้น ๑๔”
ที่จะเริ่มใหม่คือ “นักโทษชายแดนแรกรับ”
ฉะนั้นคนที่สนับสนุน “ทักษิณ” ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทย ทีมกฎหมาย ทนายความ มวลชน อย่าไปบิดเบือนสร้างความสับสน
ความหมายของคำว่าทักษิณ “ป่วยจริง” หรือ “ป่วยทิพย์” มิได้หมายความ “ทักษิณ” เป็นหวัด ตัวร้อน ปอดบวม ความดันขึ้น เบาหวานถามหา
แต่มันคือ “ป่วยวิกฤตถึงชีวิต”
เห็น “วิญญัติ ชาติมนตรี” ทนายความของทักษิณให้สัมภาษณ์แล้วเหนื่อยแทน
“…ผมขอถามไปยังแพทยสภาว่าจะมีมติอะไรเป็นความเห็น ผมไม่ขอก้าวล่วง แต่มีแพทย์คนใดคนหนึ่ง
กล้าออกมาบอกหรือไม่ว่าท่านทักษิณไม่ได้ป่วย ถ้ามีคนกล้าขอให้ออกมาแถลงข่าวต่อสังคมได้เลย ถ้ายืนยันว่าท่านทักษิณไม่ได้ป่วยจริงกรุณาออกมาบอกได้เลย…”
คือ…ไม่รู้ต้องอธิบายยังไงให้เข้าใจเรื่องง่ายๆ พวกนี้ เหมือน “แพทองโพย” เลยครับ มาแนวเดียวกัน
ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ มีการสมคบคิดกันทำให้ “นักโทษชายทักษิณ” สถานะในขณะนั้น เป็นผู้ป่วยวิกฤตหนักห่างหมอไม่ได้ เป็นตายเท่ากัน เพื่อเอาตัวออกจากเรือนจำไปนอนห้องวีไอพีชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ
ซึ่งไม่ใช่ห้องไอซียูอีกต่างหาก
ประเด็นมันอยู่ตรงนี้
แม้วันที่ “ทักษิณ” เข้าไปอยู่ที่แดน ๗ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะป่วย ๔ โรค แต่แพทยสภาตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่าอยู่ในขั้นวิกฤตจนต้องเอาตัวไปจากเรือนจำ
ฉะนั้นเลิกสร้างความเข้าใจผิดเสียที
สำหรับ “ทักษิณ” เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ คือไม่ได้ป่วยวิกฤตจริง อนาคตมีแต่หนทางที่ตีบตัน
ไม่อาจเสือกทุกเรื่องได้อีกต่อไป
นี่ถ้ากลับมาเลี้ยงหลานเสียตั้งแต่แรก คงมีโอกาสได้เลี้ยงหลานในประเทศไทยยาวจนวันตาย
หลังจากนี้หากสำนึกได้ คงต้องเอาหลานไปเลี้ยงที่ดูไบแทน
สำหรับคนที่เคยหนีหมายจับ เคยหนีโทษจำคุก หนีความผิดไปต่างประเทศ อย่างไรเสียโอกาสที่จะหนีไปอีกครั้งมีมากกว่าไม่หนี
“ทักษิณ” อุตส่าห์ลงทุนลงแรง ไม่ให้ตัวเองติดคุก จนมีแนวโน้มคนอื่นต้องติดคุกแทน เป็นเรื่องยากครับที่จะยอมติดคุก ๑ ปีเป็นอย่างน้อย
ฉะนั้นมี ๒ ทางเลือกคือ หนี หรือไม่ก็กลายเป็นผู้ป่วยวิกฤตหนัก ต้องอยู่ในความดูแลของหมอ ๒๔ ชั่วโมง เพราะมีความเสี่ยงจะเสียชีวิตตลอดเวลา
และต้องนอนห้องไอซียู มีสารพัดสายโยงเต็มไปหมด
อุปกรณ์ช่วยชีวิตเต็มห้อง!
ต้องให้ได้แบบนั้นจริงๆ ถึงจะมีโอกาสรอด ยังไม่ติดคุก
แต่หายเมื่อไหร่เชิญกลับคุก เพราะในระหว่างป่วยวิกฤตหนักยังไม่ถือว่าติดคุก
สรุปคือหนีนั่นแหละครับ
และต้องหนีก่อน ๑๓ มิถุนายน
๑๓ มิถุนายน ตรงกับวันศุกร์
ฝรั่งบอก ศุกร์ ๑๓ คือ อาถรรพ์
เป็นความเชื่อว่าจะเกิดลางร้าย
คนไม่กล้าออกจากบ้าน ไม่กล้าเดินทาง กลัวจะเกิดอุบัติเหตุ
เลข ๑๓ ยังเชื่อมโยงกับภูตผีปีศาจ
สยดสยองครับ!
นั่นเป็นเรื่องความเชื่อครับ คนที่เชื่้อไม่กล้าออกจากบ้านวันศุกร์ ๑๓ มีจริงนะครับ แต่คนที่ไม่เชื่อ ก็ไม่มีอะไรหยุดเขาได้
ศุกร์ ๑๓ ก็แค่วันหนึ่งในปฏิทิน
ทีนี้มาดูความจริง ศุกร์ ๑๓ มิถุนายน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไต่สวนกรณีชั้น ๑๔
ศาลอาจจะมีคำสั่งออกมาในวันเดียวกันเลยก็ได้ เพราะข้อกฎหมายไม่มีอะไรซับซ้อน
การบังคับโทษที่ไม่สุจริต มีการสมคบคิดกันเป็นขบวนการ
ฝั่งทนายความของทักษิณคงจะสู้เรื่องเขตอำนาจศาล
ย้ำนะครับอย่าซื้อเวลา
เพราะศาลมีอำนาจตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒ หมวด ๙ การบังคับคดี ข้อ ๖๑ วรรคสอง
“…เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ให้ผู้พิพากษาประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกาจำนวนสามคนมีอำนาจออกหมายหรือคำสั่งใดๆ ตามที่เห็นสมควร เพื่อบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล…”
ประเด็นข้อกฎหมาย บทความของ “แก้วสรร อติโพธิ” เขียนเอาไว้น่าสนใจครับ
“…ถาม ตกลง..กูรูทางกฎหมายทั้งหลายตกลงกันได้หรือยังครับว่า กฎหมายไทยให้ใครมีอำนาจส่งนักโทษป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาล
ตอบ มันมีกฎหมายสองฉบับ ผูกพันเกี่ยวข้องอยู่ครับ คือกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (วิ.อาญา) มาตรา ๒๔๖ กำหนดให้ศาลเป็นผู้สั่ง และไม่ให้ถือเวลารักษาตัวนี้เป็นการคุมขังตามหมายศาล
อีกฉบับหนึ่งคือกฎหมายราชทัณฑ์ มาตรา ๕๕ กำหนด ให้ ผบ.เรือนจำ เป็นผู้อนุญาต และให้ถือว่าการรักษาตัวนี้เป็นการคุมขัง ซึ่งถ้าเราใช้กฎหมายฉบับใดผลบังคับก็จะต่างกันคนละเรื่องเลย
ถาม ถ้าใช้ วิ.อาญา ผลจะเป็นอย่างไร
ตอบ ทักษิณก็ต้องกลับไปติดคุกใหม่ทันที ๑ ปี เลย เพราะทุกวันนี้ยังไม่นอนในคุกเลย จะป่วยจริงหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เนื่องจากกฎหมายบอกว่าจะเอาเวลานอนโรงพยาบาลมานับเป็นการคุมขังไม่ได้
ถาม ถ้าใช้กฎหมายราชทัณฑ์ ผลเป็นอย่างไร
ตอบ ก็ต้องดูว่าป่วยทิพย์หรือป่วยจริง ถ้าป่วยทิพย์ก็จะนับเอาเวลาอยู่โรงพยาบาลเป็นเวลาคุมขังไม่ได้ ต้องเอาตัวไปขังจริงให้ครบ ๑ ปี…”
สรุปแล้วไม่ว่าจะใช้กฎหมายฉบับไหน “ทักษิณ” ไม่รอด!
เมื่อไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่า “ทักษิณ” มีภาวะป่วยวิกฤตเกิดขึ้น การบังคับโทษจึงผิดกฎหมาย
วันนี้เป็นต้นไป นายกฯ แพทองโพย ในฐานะนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งเจ้าหน้าที่ไปสอดส่องที่บ้านจันทร์ส่องหล้าตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อป้องกัน “ทักษิณ” หลบหนี
ต้องตรวจสอบทุกคนที่เข้าออกบ้านจันทร์ส่องหล้า
ที่ต้องทำเช่นนี้เพราะมันมีประวัติครับ “ทักษิณ” หนีมาแล้วรอบหนึ่ง
และจากประสบการณ์การหนีของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” พอจะคาดการณ์ได้ว่า รูปแบบการหนีเป็นเช่นไร
ถ้าใครเห็นชายแก่อายุ ๗๕ ปี หลบๆ ซ่อนๆ ลุกลี้ลุกลน แถวชายแดนด้าน ๑๕ นาฬิกา ให้สะกิดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที
ครับ
อย่าให้ลอดรั้วไปได้.
