สันต์ สะตอแมน
“นำเสนอแต่เรื่องผัวๆ เมียๆ อยู่ได้ ทำอย่างกับว่ามันจะทำให้อะไรดีขึ้นงั้นแหละ..”
จะเพราะแคปชันนี้ของนักร้องสาว “เบียร์ เดอะวอยซ์” รึเปล่าไม่แน่ใจ แต่ก็ทำให้ได้รู้ถึงภายในสมอง ความคิด-จิตใจของคุณหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย หลังจากที่ได้โพสต์..
“ผมก็อยากจะทำในทุกๆ เรื่องที่ทุกคนร้องขอมานะครับ แต่ในโลกความเป็นจริง มันไม่สามารถจะทำอะไรแบบนั้นได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
ในหนึ่งสัปดาห์มีเรื่องราวมากมาย ซึ่งผมไม่สามารถหยิบจับมาได้ทุกเรื่อง สุดท้ายผมก็จะถูกตำหนิ ต่อว่า ด่าทอ ว่าทำไมไม่ทำเรื่องนั้นไม่ทำเรื่องนี้
พอผมเห็น ผมฟังแล้ว โอ้โหผมโคตรลำบากใจเลย อยากทำให้ทุกคนสมหวังนะครับ แต่ผมเองก็พูดอยู่บ่อยๆ ว่า ผมไม่ใช่ซูเปอร์แมน
แค่ทุกวันนี้ จากสิ่งที่ไม่เคยรู้ ผมก็ต้องเรียนรู้ ผมต้องหาความรู้เรื่องกฎหมาย ผมต้องหาความรู้ทางด้านการแพทย์ ผมต้องหาความรู้ทางด้านสิทธิเด็ก
ผมต้องหาความรู้ทางด้านสังคมของทุกสังคม และอีกหลายอย่างมากๆ ปัจจัยในการทำงานของโหนกระแส มันยากมากๆ เลยนะครับ
มันไม่ใช่จะทำเรื่องนี้ แล้วมันทำได้เลยอย่างที่บางคนต้องการ บางวันผมต้องเห็นคำพูดแย่ๆ ของบางคน เช่น
โหนกระแสไม่ทำหรอกเรื่องผู้มีอิทธิพล เรื่องตำรวจ เรื่องคนใหญ่คนโต ทำแต่เรื่องผัวเมีย อันนี้บอกเลยว่า ความคิดแบบนี้มันอคติเกินไปครับ
ลองเปิดใจแล้วไปดูให้ชัดๆ ก่อนว่า ผมทำเรื่องราวของผู้มีอิทธิพล หรือตำรวจแย่ๆ ทหารแย่ๆ เยอะมากนะ ผมเสี่ยงมือ เสี่ยงตีน จนบางครั้งหาคำว่าความปลอดภัยแทบไม่เจอ
แต่กลับมาบอกว่าผมทำแต่เรื่องผัวเมีย …. บางวันตื่นมาเจอคนในวงการสื่อ บอกว่า วิเคราะห์ข่าวแทบตายคนดูไม่กี่หมื่น โหนกระแสทำเรื่องผัวเมียคนดูสองล้าน เยี่ยม!
ผมไม่รู้หรอกว่าเขาชื่นชมหรือแดกดัน แต่บางทีก็งงๆ ว่า ผมตัดกางเกงยีนส์ขาย แต่คุณตัดกางเกงสแล็กส์ขาย แต่ผู้บริโภคดันซื้อกางเกงยีนส์มากกว่า มันเป็นความผิดของผมเหรอครับ
มันเป็นความผิดของคนที่ซื้อกางเกงยีนส์เหรอครับ ซึ่งถ้าคุณคิดจะแดกดันทำไมคุณถึงไม่เอาเวลาอัดคลิปแดกดันไปทำกางเกงสแล็กส์ของคุณให้มันแปลกใหม่
เพื่อจะได้มีคนไปจับ ไปจอง ไปซื้อกันเยอะๆ แทนที่จะออกมาพูดว่า กูอุตส่าห์ตัดกางเกงสแล็กส์ขาย แต่พวกมึงดันไปซื้อกางเกงยีนส์ เยี่ยม! มุมผมว่ามันไม่แฟร์เลยครับ
**** ฝากอีกนิดนะครับว่า เรื่องราวบางเรื่องที่ผมไม่ได้ทำ ไม่ใช่เพราะไม่อยากทำ แต่บางครั้งผมไม่ถนัดและผมไม่มีความรู้ทางด้านนั้นเพียงพอ
ซึ่งการนำเสนอของหลายๆ ช่อง หลายๆ รายการดีกว่าผมเยอะมาก ผมจึงเกรงว่าถ้าผมทำจะกลายเป็นไปชักใบให้เรือเสียเปล่าๆ
และประการสำคัญอีกอย่างคือ บางเรื่องแขกรับเชิญเขาไม่พร้อมมาครับ ถึงอยากทำยังไงก็คงทำไม่ได้ครับ ****
**** อีกนิดนะครับ และในขณะที่บางคน ถามว่าโหนกระแสให้อะไรกับสังคม แต่ผมกลับภูมิใจว่า มีท่านผู้พิพากษาบางท่าน บอกกับผมว่า
ขอบคุณนะที่ทำให้คนไทยได้รู้ข้อกฎหมายมากขึ้น ถึงจะนำเสนอแบบกุศโลบายก็ตาม”
ครับ..ก็เป็นการระบายความในใจให้สังคมได้รับทราบ เมื่อทราบแล้วก็คงจะเข้าใจว่ารายการโหนกระแส ไม่ได้จ้องแต่จะโหนเรื่องผัวๆ เมียๆ ชู้ๆ
อยากโหนเรื่องอื่นอยู่เหมือนกัน แต่คุณกรรชัยยอมรับว่า.. “ไม่ใช่เพราะไม่อยากทำ แต่บางครั้งผมไม่ถนัดและผมไม่มีความรู้ทางด้านนั้นเพียงพอ”
ซึ่งจะหมายความว่าคุณกรรชัยถนัดแต่เรื่องผัวๆ เมียๆ รึอย่างไร อันนี้ก็แล้วแต่จะคิดกัน แต่สำหรับผมเห็นจะไม่คิดอะไร เพราะเข้าใจ “สื่อธุรกิจ” อยู่บ้างไม่มากก็น้อย
เมื่อ.. “เรตติ้ง” คือหัวใจของรายการทีวี แล้วเรตติ้งที่บ่งบอกถึงความนิยมของผู้ชมต่อรายการนั้นๆ ส่วนใหญ่ก็มาจากรายการประเภทผัวๆ เมียๆ (คนดัง) เสียด้วย
ฉะนั้น เมื่อผู้เสพหมายถึงคนดู-ผู้ชม มีรสนิยมกับข่าวประเภทนี้ แล้วจะไปแซะไปกระแนะกระแหน หรือโหนคุณกรรชัยทำไม..
ปล่อยให้ทำเรื่องที่ถนัดไปเถอะ!
