‘พล.ต.ท.ปิยะ’ ซัด “แพทองธาร” แก้วิกฤตกำแพงภาษี สหรัฐ “ล่าช้า” สะท้อนไร้ภาวะผู้นำ มอง ทีมเจรจาไทยยัง “อ่อน” เกินไป หวั่น เจรจาจะไร้ผล

6 เมษายน 2568 พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการเร่งตั้งคณะทำงานพิเศษ (Special Task Force) เพื่อรับมือภายหลังประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศขึ้นกำแพงภาษีว่า “อันดับแรกการเตรียมตัวเพื่อรับมือในการแก้ปัญหาดังกล่าวรัฐบาลเคลื่อนตัวช้ามาก ทางสหรัฐ มีท่าทีและนโยบายในการปรับมาตรการทางด้านภาษีและการค้ากับคู่ค้าต่างๆตั้งแต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง และรับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 แต่รัฐบาลเพิ่งตั้งกูรู มาแก้ปัญหาหรือประสานงานหลังจากสหรัฐประกาศ นโยบายจะขึ้นภาษี ไปเรียบร้อยแล้ว จนฝ่ายค้านต้องเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งทีมงานแก้ไขปัญหาดังกล่าว”

“การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ผมมองว่า ล่าช้า อย่างมาก สหรัฐอเมริกา ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 แต่รัฐบาลเพิ่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อแก้ไขปัญหานี้ หลังจากที่ฝ่ายค้านกดดัน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆไม่ว่าจะเป็นประเทศ จีน เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ได้มีการเตรียมการและเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2568 รัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมของสามประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้ประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดท่าทีรับมือกรณีนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกัน ประเทศเพื่อนบ้านของเรา เช่น ประเทศเวียดนามได้แต่งตั้ง นายโฮ ดุค ฟ็อก รองนายกรัฐมนตรี และนายเหวียน ฮอง เตี่ยน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ดูแลเรื่องนี้และทราบว่า ได้หารือกับนายเจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) มีแนวโน้มจะเลื่อนการใช้ อัตราภาษีอากรใหม่ไปอีกสามเดือน ส่วนประเทศสิงคโปร์ นายกรัฐมนตรีออกโรงเป็นหัวเรือ ในการแก้ปัญหาเอง และประเทศอื่นเขารีบไปจับมือไปเจรจา แต่ของเราเหมือนโดดเดี่ยว มีแต่ประเทศไทยประเทศเดียวที่เพิ่งจะรู้ว่าต้องส่งทีมไปเจรจา” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า “ศักยภาพทีมเจรจาของไทยที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งในการเดินทางไปเจรจาดูแล้วยัง “อ่อน” เกินไป ถ้าหากเป็นทีมระดับนี้ไปคุยกับทางสหรัฐฯ เขาก็คงไม่ให้น้ำหนักอะไร โดยปกติการเจรจาระหว่างประเทศจะยึดหลักอธิปไตยและความเสมอภาคของรัฐ (sovereign Eguality of State) เป็นหลักสำคัญถือกันมาโดยตลอดในการเจรจาระหว่างประเทศ โดยยึดถือหลักการ ที่ว่า การเจรจาต้อง เคารพสิทธิ กฎหมายและให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยถือว่า ทุกประเทศ เท่าเทียมกัน ต้องเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถ้าทางไทย ส่งเบอร์เล็กไป ทางสหรัฐเขาจะส่งเบอร์เล็กมาเจรจาด้วย แล้วกี่วันจะประสบผลสำเร็จ โดยตนมองว่า นายกรัฐมนตรีควรจะต้องจัดทีมใหม่ เอาคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่านี้ และที่สำคัญคือ ควรที่จะเอาคนที่เคยมีความสัมพันธ์หรือคนที่เคยทำงานร่วมกับทางสหรัฐฯ หรือคนที่เขาให้ความเกรงใจมาเป็นตัวหลักในการเจรจา มิเช่นนั้น การเจรจาครั้งนี้จะไม่ได้ผลอย่างแน่นอน ทีมที่ท่านนายกฯจัดตั้งมา ทำงานส่วนใหญ่เป็นทีมซอฟพาวเวอร์ ซึ่งทำงานมาตั้งแต่13 กันยายน 2566 ยังไม่เกิดimpactอะไรเลย คงจะมีแต่ปลัดกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น นอกนั้นเป็นข้าราชการระดับต่ำกว่าอธิบดี ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ เป็นตัวนายกเองหรือรองนายกฯหรือรัฐมนตรี เหมือนไม่ให้เกียรติ คู่เจรจา และหวังผลอะไรกับการเจรจา”

Written By
More from pp
ส่วนเกินในวิกฤติโควิด
ผักกาดหอม ไม่ล็อกก็โวย หาว่ารัฐบาลถังแตก เอาเงินไปทำอย่างอื่นหมด สุดท้ายโยงไปหาสถาบันพระมหากษัตริย์ คนพวกนี้จิตป่วย ยิ่งกว่าติดโควิด มือไม่พายตีนราน้ำ น่าเห็นใจคนทำงานครับ
Read More
0 replies on “‘พล.ต.ท.ปิยะ’ ซัด “แพทองธาร” แก้วิกฤตกำแพงภาษี สหรัฐ “ล่าช้า” สะท้อนไร้ภาวะผู้นำ มอง ทีมเจรจาไทยยัง “อ่อน” เกินไป หวั่น เจรจาจะไร้ผล”