24 กุมภาพันธ์ 2568 ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีข่าวต่างๆ ที่ออกมาในช่วงนี้เหมือนว่าพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยจะมีปัญหากันตอบโต้กันไปมาในหลายกรณี โดยยืนยันว่า “ไม่มี” มีแต่ผู้สื่อข่าวไปผสมกันทั้งนั้น และในวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) ก็รับประทานอาหารร่วมรัฐบาล
ส่วนจะมีการเคลียร์ใจกันหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นการพูดคุยกันเรื่องงาน ต้องรอฟังนายกรัฐมนตรีว่ามีแนวนโยบายอย่างไร เพราะนายกรัฐมนตรีบอกว่าถึงเวลาแล้วที่แกนนำรัฐบาลจะต้องมาพบกัน เพราะจะมีเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าช่วงเย็นวันนี้ จะมีการพบพูดคุยนอกรอบระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายเนวิน ชิดชอบ กับนายทักษิณ ชินวัตร และนางสาวแพทองธารชินวัตร นายกฯ ว่า ไม่มี ก่อนย้อนถามว่าพบกับใคร เป็นรายงานข่าวที่ไหน พร้อมกับหัวเราะ และส่ายหน้าปฏิเสธ
ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำอีกครั้งว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่าเย็นนี้รับนัดใคร นายอนุทิน ย้อนถามกลับว่า ทำไมตนต้องบอก เดี๋ยวจะไปเชียงรายช่วงบ่ายวันนี้ พร้อมระบุว่า ขออย่าไปผูก อย่างเรื่อง สว. ห้ามถามตนเลย เพราะตนเป็น สส. และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตนก็อ่านข่าว เยอะไปหมด พยายามจะโยงให้มาเกี่ยวข้อง แต่คนเขารู้จักกัน รู้จักกันทุกองค์กร รู้จักเป็นการส่วนตัวเป็นพรรคพวกกัน แต่เรื่องงาน เราไม่เกี่ยวข้องกัน
ส่วนเป็นการเอาคืนกันไปมา เพื่อล้ม สว.สีน้ำเงินใช่หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฏหมาย เราก็เสพข่าวเท่ากันทุกคน ใครก็ตามที่ผิดกฎหมาย อย่าว่าแต่ สว. เลย สส. ถ้าที่มาไม่ถูกต้อง ก็ต้องถูกดำเนินการ กฎหมายว่าอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น
เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะที่นายอนุทินมีความสนิทสนมกับพลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา มั่นใจหรือไม่ว่าจะเอาอยู่ กรณีฮั้ว สว. นายอนุทิน ระบุว่า พลเอกเกรียงไกรบอกกับตนตั้งแต่ตอนสมัคร สว. ว่า มีสมัครพรรคพวกมาก และสมัครที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็มั่นใจว่าผ่านเข้ารอบ ตั้งแต่ตอนที่เป็นที่ปรึกษาให้กับตนยังถามเลยว่า “ไหวเหรอ” ท่านก็บอกว่าวางแผนไว้นานแล้ว มีโอกาสก็ไป ท่านเข้ามาได้ด้วยตัวท่านเอง ท่านเป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 สู้รบตบมือกับอริราชศัตรู ทำงานด้านความมั่นคง จน ฮ.ตก มาแล้ว ตนคิดว่าท่านก็ต้องมั่นใจ ในคุณสมบัติของท่าน แล้วท่านก็ได้เข้ามาจริงๆ หากถามตน เชื่อว่าคนอย่างพลเอกเกรียงไกร และอีกหลายคน มีคุณสมบัติ ซึ่งพลเอกเกรียงไกรก็เป็นรุ่นพี่ที่รักกัน
ทั้งนี้ ยืนยันได้หรือไม่ ว่า สว. ค่ายน้ำเงินเป็นเอกเทศไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ตอบกลับทันที ว่า ยืนยันไม่ได้เพราะไม่เกี่ยว ทุกฝ่ายที่เคลือบแคลงสงสัย หรือได้รับคำร้องใดใดมา เขาก็มีขั้นตอนสอบสวนอยู่ ว่าใครจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ก็ตามข่าวนั่นแหละ ขอให้ทำตามกฏหมายและเป็นธรรม และทุกอย่างก็จะเรียบร้อย
เมื่อถามถึงกรณีให้สัมภาษณ์พิเศษ เรื่องอนาคตทางการเมือง ที่ขออีกหนึ่งสมัยจะวางมือ นายอนุทิน ชี้ไปที่คอ พร้อมกล่าวว่า “ก็ดูสิ คอย่นหมดแล้ว” ก็ถึงเวลาแล้ว คนรุ่นใหม่ก็เริ่มเข้ามา เราต้องเปลี่ยนผ่าน และต้องตอบแทนชีวิตตัวเองบ้าง ทำงานมาตั้งแต่อายุ 23 นี่จะ 60 แล้ว นักข่าวจึงถามย้ำว่าแล้วที่ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าไม่โหวตให้ตอนศึกซักฟอก จะ จุด จุด จุด หมายความว่าอย่างไร นายอนุทินตอบว่า หยิกแขน ผู้เจาะข่าวจึงถามย้ำว่าไม่ใช่การถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอนุทินหัวเราะ ก่อนทำท่าเชิดหน้า ร้องหึ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าไม่ตอบคำถามนี้ใช่ นายอนุทินบอกว่าตอบไปแล้วว่าหยิกแขน
ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับสมการการผลักพรรคภูมิใจไทยและดึงพรรคประชาชนเข้ามาร่วมในรัฐบาลนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า มีทุกทฤษฎี ใครจะพูดอะไรสามารถพูดได้หมด แต่ถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ทุกพรรคมีใครไม่ทำตามนโยบายรัฐบาลบ้าง ต้องดูเหตุผลด้วย ไม่ใช่ว่ามีใครไปผูกโยงเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามา และพยายามมองว่าเป็นความขัดแย้ง ซึ่งยังไม่มีความขัดแย้งอะไรถึงขนาดที่ต้องเคลียร์ใจ ซึ่งเชื่อว่าไม่การเคลียร์ใจในการพบกันของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล อาจจะเป็นการพูดคุยกันถึงการดำเนินงานที่ผ่านมา หากต้องปรับแก้อะไร และเป็นการเตรียมตัว เตรียมการรับมือถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อถามว่าหวั่นไหวหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หวั่นไหวเพราะนักข่าวถามเนี่ยแหละ เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ขณะนี้ถูกมองว่าภูมิใจไทยมีศึกรอบด้าน นายอนุทิน ถามกลับว่าศึกรอบด้านหมายความว่าอย่างไร รัฐบาลเป็นรัฐบาลที่ต้องทำงานให้บ้านเมือง ผู้สื่อข่าวก็อย่าถามคนโน้นทีคนนี้ที ทุกคนจะได้ทำงานให้บ้านเมือง เรามีหน้าที่ทำงานให้กับบ้านเมืองไม่ได้มีหน้าที่ที่จะมาทะเลาะกัน
“ไม่มี ศึกรอบด้านหมายความว่าอย่างไร รัฐบาลเป็นรัฐบาลก็ต้องทำงานให้บ้านเมือง ไม่ได้มีหน้าที่มาทะเลาะกันอย่างเรื่องสนามกอล์ฟแรนโชชาญวีร์ ของครอบครัวผม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงไปแล้วว่า มีโฉนดถูกต้อง ได้มาอย่างถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องไปตรวจสอบแหล่งที่มาซึ่งเขามีหน้าที่ตรวจสอบก็ต้องทำการตรวจสอบ แต่อย่างน้อยพวกตนก็ไม่ได้ขี้โกง ไม่ได้ใช้อิทธิพลใดๆในการออกโฉนด ก็ซื้อโฉนดมา ก็ควรจะต้องจบไป แต่หากตรวจแล้วโฉนดนี้ไม่ถูกต้อง กรมที่ดินก็ต้องเพิกถอน เมื่อเพิกถอนแล้วก็ต้องชดใช้ มันไม่มีเสียเปล่า แล้วค่อยมานั่งหาวิธีต่อสู้ ไม่มีต่อสู้อะไรอยู่แล้ว” นายอนุทิน ระบุ
เมื่อถามว่า ถือว่าเป็นการเอาคืนหรือไม่ เพราะคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล เป็นประธาน ได้เรียกนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ มาพบ นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อมีข่าวอะไรก็ตาม มองว่าการที่เลือกใครเข้าไปชี้แจงอย่างกรณีคณะกรรมาธิการการปกครอง เพราะเริ่มมีความเสียหายกับคนอื่นแล้ว ไม่ใช่แค่มองถึงตนเท่านั้น อย่างที่ได้ชี้แจงไว้ว่าในส่วนของครอบครัวตน ไม่ได้คิดจะซื้อขายที่ดินเพื่อเกร็งกำไร แต่เก็บไว้เป็นทรัพย์สินของครอบครัว แต่การเข้าไปตรวจสอบเช่นนั้นเกิดความเสียหายด้านการลงทุน ความมั่นใจของนักลงทุน ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ใครที่อยากจะซื้อที่ดินแถวนั้น อยากจะสร้างโครงการ อยากจะสร้างความเจริญ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้นักลงทุนไม่อยากมาลงทุน
และหากต้องการไปตรวจสอบความถูกต้อง ก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปตรวจสอบกับใคร ไม่ว่าจะเป็น สปก. หรือ กรมที่ดิน หรือกรมแผนที่ทหาร ก็จะเกิดความสับสน ความไม่แน่นอน เมื่อมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นเมื่อไหร่ การลงทุนก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะการลงทุนจะเกิดขึ้นเมื่อมีความมั่นใจในเสถียรภาพของประเทศนั้น ของเศรษฐกิจและความแน่นอน แล้วอะไรคือความแน่นอนในการลงทุนเรื่องที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์นั่นคือโฉนด เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดความไม่แน่นอนเช่นนี้จึงเกิดความเสียหาย กรรมาธิการก็กังวลถึงความเสียหายของเศรษฐกิจโดยรวม มากกว่าความเสียหายของครอบครัวหัวหน้าพรรคแน่นอน ถึงบอกไงว่านักข่าวต้องไม่ไปปูด และกรรมาธิการก็ไม่ใช่ของพรรคภูมิใจไทย แต่มีสมาชิกของทุกพรรคการเมือง