24 กุมภาพันธ์ 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในงาน ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเครือข่ายแรงงานอิสระ ตามโครงการ ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ โดยเครือข่ายชุมชนผ่านการขึ้นทะเบียนแรงงานนอกระบบ และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า แรงงานอิสระเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจไทย แต่ยังไม่ได้รับความคุ้มครองที่เพียงพอ เนื่องจากไม่มีสถานะเป็นลูกจ้างตามกฎหมายแรงงาน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น หลักประกันทางสังคม ความปลอดภัยในการทำงาน การผลักดัน “ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานอิสระ” ขณะนี้ กระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานอิสระ พ.ศ.…. ซึ่งจะเป็นกฎหมายสำคัญในการรับรองสิทธิและสร้างหลักประกันให้แรงงานอิสระ 21 ล้านคน โดยในส่วนกรุงเทพมหานคร มีจำนวน 1,505,229 คน (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ) ครอบคลุมกลุ่มอาชีพต่างๆ เช่น เกษตรกร, ผู้ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป, พ่อค้าแม่ค้า (ทั้งมีหน้าร้านและค้าขายออนไลน์), ศิลปิน นักร้อง นักแสดง, ยูทูบเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์, แรงงานที่ทำงานผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล การขึ้นทะเบียนแรงงานอิสระ: เครื่องมือสำคัญเพื่อการช่วยเหลือแรงงานนอกระบบ
“ผมขอเชิญชวนให้แรงงานอิสระ เข้าสู่ระบบประกันสังคม ตามมาตรา 40 เมื่อเข้าสู่กองทุนครบ 1 ปี จะได้รับสิทธิ สวัสดิการ ต่างๆ เมื่อท่านเข้ามาแล้วสามารถจัดหามาตรการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระให้ได้ เช่นก่อนหน้านี้มี กองทุนเพื่อกู้ยืมซื้อบ้านดอกเบี้ยต่ำ หรือ สิทธิการคลอดบุตร 1,000 และกำลังพิจารณาเพิ่มเป็น 3,000 บาท เพื่อสร้างประชากร ในประเทศไทย และเงินทุนสนับสนุนการประกอบอาชีพ ซึ่งจะมีการหารือกันต่อไปว่าจะดำเนินการในรูปแบบใดที่จะแบ่งเบาภาระให้ผู้ประกันตน ถ้าไม่เข้ามาอยู่ในระบบประกันสังคม ก็จะไม่ได้สิทธิเหล่านี้” นายพิพัฒน์ กล่าว
“ต้องการให้แรงงานอิสระเข้าถึงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เหมือนธุรกิจอื่นๆ เพราะถ้าไปกู้เงินนอกระบบ ไม่รู้ดอกเบี้ยจะกี่ร้อยกี่พันเปอร์เซ็นต์ต่อปี ผมจะดูแลเพื่อนๆ ที่ประกอบอาชีพอิสระให้เข้าถึงแหล่งทุนที่มีดอกเบี้ยถูกที่สุด เราจะเดินไปด้วยกัน”
ทั้งนี้นายพิพัฒน์ กล่าวว่า จะมีการหารือกับธนาคารกรุงไทย ในเรื่องแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง เพื่อให้ผ่อนชำระ เงินประกันสังคม ตามมาตรา 40 เป็นรายวัน ๆ ละ 2-5 บาท เพื่อจูงใจแรงงานอิสระให้เข้าสู่ระบบประกันสังคม จากที่ต้องจ่ายเป็นรายเดือน จำนวน 70, 100 หรือ 300 บาท