เปลว สีเงิน
“กะปริด-กะปรอย” แบบ “คุยหนึ่งวัน-หายสองวัน” แบบนี้ อย่าว่าแต่ “ญาติระอา” เลยครับ
ผมก็ยังระอาตัวเอง!
อาการ “ไอ” น่ะไม่ถึงตาย แต่น่ารำคาญ ยิ่งมันพาอีกหลายอาการตามมาเป็นพรวน ผมก็เลยพาลหมั่นไส้ “ไม่เขียน-ไม่คุย” มันซะเลย
แต่วันนี้ คุยซะหน่อย เพราะต้องพักคุยถึงอังคารหน้า ความจริง ไม่คุย ก็ไม่เหงา แต่มันเฉาปากน่ะ!
เรื่องจีนส่งมือปราบ “หลิว จง อี้” เข้ามาใช้ไทย เป็นฐานเข้าไปเผด็จศึกสารพัดแก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่เมียวดี ชเวก๊กโก รัฐกะเหรี่ยง ฝั่งตรงข้ามแม่สอด นั้น
ฟังที่ “หลิว จง อี้” สื่อสารผ่าน “นายภูมิธรรม” รมว.กลาโหม ผู้กำกับงานด้านความมั่นคงเมื่อวาน โดยมือปราบหลิว บอก
“เคารพในอธิปไตยของไทยและกฎหมายท้องถิ่นของไทย”
พร้อมกล่าวขอโทษคนไทย …..
ที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจ ที่ดูเหมือนเข้ามารุกล้ำอธิปไตยตามที่วิพากษ์วิจารณ์กัน
“อาจเป็นความเร่งร้อนและมุ่งมั่นมากเกินไป เพราะห่วงประชาชนของตัวเอง จึงทำให้เกิดความไม่เข้าใจไปบ้าง”
“ผมในฐานะ “ผู้ถือหุ้นประเทศ” ๑ หุ้น ขอบอก “ท่านหลิว” ว่า
มิต้องมากมรรยาทหรอกครับ ไทย-จีนน่ะ “กากี่นั้ง”
คนไทยซะด้วยซ้ำ ที่ต้องขอบคุณ “คุณหลิว จง อี้” และคณะพร้อมฝากความขอบคุณไปถึงท่าน “ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง” ด้วย
ที่ช่วยเข้ามากำจัด “เหาบนหัว” รัฐบาล ชนิดเข้ามาบริการให้ถึงที่ในครั้งนี้”
ผมเข้าใจความรู้สึกท่านหลิว ที่บอกว่า….
“ที่ดูเหมือนเข้ามารุกล้ำอธิปไตย ตามที่วิพากษ์วิจารณ์กัน อาจเป็นความเร่งร้อนและมุ่งมั่นมากเกินไปเพราะห่วงประชาชนของตัวเอง”
ท่านหลิวตำหนิตัวเองมากเกินไปแล้ว นักบริหารที่ดี มีสำนึกภาวะสูง อะไรที่ทำไปด้วย “ห่วงใยประชาชนของตัวเอง” นั้น
มีแต่คำว่า “น้อยเกินไป..ช้าเกินไป”
ไม่มีคำว่า “มากเกินไป..เร่งร้อนเกินไป” นี่สัตย์จริง!
ในทุกกระทำทางบริหารและปกครอง “ร้อยสงคราม-ล้านล้มตาย” ล้วนมี “เพื่อประชาชนของตัวเอง” เป็นเป้าหมายทั้งสิ้น
ดังนั้น คนไทยเข้าใจความรู้สึกท่านหลิว เท่ากับเข้าใจ “ผู้นำรัฐบาล” ของผมเอง
ท่านผู้นำของข้าพเจ้า…ท่านล้ำลึกนัก
เผินๆ ประหนึ่ง “ไม่รู้สึก-รู้สา” กึ่ง “ไร้เดียงสา” ต่อปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งค้ามนุษย์ แก๊งสแกมเมอร์ แก๊งพนันออนไลน์ “จีนเทา-ไทยเทา”
จนเมื่อ “ท่านหลิว” ถูกส่งเข้ามาปฎิบัติการทางอธิปไตยอันสุนทรนี่แหละ
ท่านนายกฯ หญิงและท่านอ้วนของผม จึงเปล่งประกายอัจริยะ เร่งร้อนและมุ่งมันตามชี้แนะท่านหลิว เพราะ “ห่วงประชาชนของตัวเอง” ตามไปด้วย!
ปราชญ์ “ซุนวู” กล่าวไว้ในพิชัยสงครามยุทธ์ว่า “ใต้ธงรบแม่ทัพที่เข้มแข็ง ย่อมไม่มีทหารเลว”
ในนิยามเดียวกัน……
“ใต้ธงรบผู้นำไร้เดียงสา เป็นธรรมดาที่กองทัพ ย่อมมากไปด้วยพวกสอพลอ อวดโอ้ และโง่เขลา”!
แต่ผู้นำบริหารของไทยมองขาด-วิสัยทัศน์ไกล ทั้งหลี่กงกงทั้งหลาย ก็เพียบพร้อมทั้งนักบู๊-นักบุ๋น ผู้มากปัญญา-มากประสบการณ์
“ท่านหลิว” ชื่นชม “มาตรการ ๓ ตัด”
สมาชิกสภาความมั่นคงแห่งชาติของไทย ก็น้อมสนอง
“ตัดไฟ-ตัดเน็ต-ตัดน้ำมัน”……..
ตัดเพื่อสนับสนุนปฎิบัติการล้างบางจีนเทา ถึงลูบหน้าปะจมูกไทยเทาบ้าง “เพื่อชาติ” ทุกคนยินดี
เพื่อจีนที่ช่วยไทยทุกครั้งยามวิกฤติ ตัดแค่นี้ ถือว่าเล็กน้อย ทั้งทรู ทั้งเอไอเอส ทั้งเอ็นที พร่องกำไรส่วนเกินไปจิ๊บๆ ไม่พรือ!
ต้องยอมรับกันว่า….
ประเด็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมียวดี ที่ปอยเปต ที่ท่าขี้เหล็ก อื้ออึงเต็ม ๒ รูหูชาวบ้านมานาน ว่าแก๊งจีนเทาและไทยเทา “มันก็ด้วยกัน” โดยใช้ไทยประเทศเป็น “ฮับ”
แต่ ๒ รูหู “คนรัฐ” มันตัน ไม่เคยได้ยิน กระทั่งจีนส่งมือปราบหลิวเข้ามาช่วยทะลวงนั่นแหละ อิดออด “เกี่ยงรับผิดชอบ” กันอยู่พักใหญ่ กว่าจะเป็นตุ๊กตาไขลาน
ปัญหาจีนเทา-ไทยเทา มี “ความมั่นคงชาติ” เป็นเดิมพันถึงขนาดนี้ แต่การสื่อข่าวสารให้ “เจ้าของประเทศ” คือคนไทยได้รู้ว่าอะไร-เป็นอะไร
มีแค่ ๒ ฝ่ายวิวาทะให้เป็นข่าว คือนายภูมิธรรม รมว.กลาโหมและผู้รับผิดชอบงานความมั่นคง ออกมาให้ข้อมูลด้านหนึ่ง
ฝ่ายค้าน โดย สส.โรม กับ สส.กัณวีร์ คอยออกมาให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่ง
เรื่องและฉากเดียวกัน แต่ข้อมูลที่สื่อสารสู่ประชาชนจากรัฐบาลกับฝ่ายค้าน เหมือนหนังถ่ายทำ “คนละเรื่อง-คนละฉาก” กันเลย!
แล้วจะให้ประชาชนเชื่อข้อมูลจากเรื่องราวทางฝ่ายไหน ในเมื่อความจริงทางรัฐบาลเป็นเรื่องหนึ่ง ความจริงทางฝ่ายค้านไปอีกเรื่องหนึ่ง
ไหนว่า “ความจริงมีหนึ่งเดียว” ไง?
แล้วจะให้เชื่อฝ่ายไหน สุดท้าย ก็ต้องไปฟังข่าวสารจากประเทศจีน ที่ DB ซัวเถา เขานำมารายงานทางช่องยูตุป
ที่จะบอกคือ เรื่องสำคัญ “ระดับโลก”
เปราะบางทาง “ความมั่นคงประเทศ”!
แต่ “รัฐบาลไอแพด” กลับไม่ให้ความสำคัญด้านข่าวสารปฎิบัติการร่วม “ไทย-จีน” กับภาคประชาชน ที่ทันการณ์
แทนที่จะตั้งทีมงานเฉพาะกิจ “มืออาชีพ” ด้านความมั่นคง ทำหน้าที่ป้อนข่าวสารสู่สังคม
ให้ทั้งไทย-ทังเทศเข้าใจเรื่องราวไปในทิศทางเดียวกันในมิติ “เพื่อความมั่นคง” ที่ประชาชนมั่นใจ
แต่นี่ เรื่องของชาติ “รัฐบาล-ฝ่ายค้าน” กลับแยกแยะไม่ได้ว่า ควรทะเลาะกันในจุดไหน และควรสงวนจุดไหน เอาไว้ไปสะสางกันในสภาก็ได้
นี่กลับ “ลากประเทศ” ไปตบประจานกันไป-มากลางตลาด ผมว่ามันขาดสำนึกทางแยกแยะด้วยกันทั้งคู่
แล้ว “จีน” จะมองไทยด้วยทัศนคติไหน เมื่อ “เจ้าบ้าน” แสดงภาวะ “ด้อยสำนึก?”
เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มัน “แดงอ้าซ่า” ประเด็นปกปิดข่าวสารเลิกคิดไปได้เลย
ต้องพลิกคิดป้อนข่าวที่ “กรองแล้ว” ออกไปคลุมทุกพื้นสื่อผ่านตัวนำสื่อ เน้นตรงนี้ให้เข้าใจ
ความจริงมีในโลก แต่ไม่มีใครเอาความจริงทั้งหมดมาพูดหรอก
เรื่องข่าวระดับความมั่นคงก็เช่นกัน ผมไม่ได้หมายให้อัดคลิปในวงประชุมมาเผยแพร่ หมายถึงว่า
รัฐบาลต้องรู้จักศิลปะควบคุม “ทิศทางข่าว” สู่ประชาชนให้เป็น
มีทั้งกรมประชาสัมพันธ์ ทั้งสารพัดโฆษก ทั้งสารพัดสื่อ เก่งไอที ขนาดจะออกคริปโต บอนด์ เป็นเงินสกุลใหม่
แต่ไม่มีปัญญาใช้ไอทีในมือสร้างกระแสนำทิศทางข่าวมันทุเรศมั้ย?
วันๆ หมกมุ่นจะทำแต่กาสิโน เพื่อขายใบอนุญาต
“ขายชาติ-ขายสังคม” น่ะ ฉลาดกันนัก แบ่งฉลาดมาคิด “สร้างชาติ-สรางสังคม” ซักครึ่งไม่ได้เชียวหรือ?
เทคโนโลยียุคนี้…
ขอโทษ “มดปี้กัน” บนดาวอังคาร ยังตามไปถ่ายมาประจานบนโลกมนุษย์ได้
นับประสาอะไรกับปฎิบัติการทั้งลับ-ทั้งแจ้งของ ไทย-จีน ในเมียวดี ในชเวก๊กโก แม้กระทั่งในห้องประชุมกลาโหมก็ใช่ว่าจะรอดจาก “มหาอำนาจ” ชาติตรงข้าม
ดังนั้น การปฎิบัติการล้างบาง “จีนเทา-ไทยเทา” ที่ไทยตกเป็นจำเลยข่าว “ถูกละเมิดอธิไตย” ตอนนี้
จะโทษใครไม่ได้
ถึงฝ่ายจีนออกมาช่วยแก้ตัว-รักษาหน้า แต่หน้ามันก็แหกไปแล้ว ต้องโทษรัฐบาลไทย
ทำตัวเป็นรัฐบาล “ยุคไอที” แต่เรื่องที่ควรฉลาดทำ กลับโง่งุบงิบ!
จำไว้เลย เรื่องเช่นนี้ ต้องใช้ระดับ “ความมั่นคง” มืออาชีพ ออกมาคุมทิศทางป้อนข่าวเป็นระยะ
ไม่ใช่แค่ให้ “คนอ่านข่าว” มาอ่านอวยหนูเอ๋อเป็นนางเอก
แค่ประธานาธิบดีสีท่าน “ชื่นชม…ขอบคุณ” ตามมรรยาทสังคมตอนไปพบ ก็นำประโคมเป็นข่าว “วนจักรวาล” ชื่นชมดมหอมกันไม่เลิก!
๔ มาตรการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จีนเสนอโดยไทยไม่สามารถปฎิเสธนั้น
ต้องชมลีลาพญามังกรเลยว่า เขามีศิลปะในการใช้คนแบบไว้หน้าได้เป็นเลิศ
ทั้งหมด ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากยกหน้าที่เลี้ยงดูแขก ปัดกวาด เช็ดถู ล้างถ้วย-ล้างชาม ให้เป็นหน้าที่ของไทย
ทั้งตั้ง “ไตรภาษี” นอกจาก “จีน-ไทย” แล้ว ยังดึง “พม่า” เข้ามาเป็นสมการร่วมใน “โจทย์ประเทศ”
ทั้งมาตรการ ๓ ตัด ดีแล้ว จีนให้ตัดต่อไป นัยว่านานาชาติชอบ
ไทยต้องรักษาความปลอดภัยในการนำตัวชาวจีน ทั้งเหยื่อและแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับจีน จากชายแดนถึงสนามบินแม่สอด
โดยจีนคัดกรองเอง ไทยไม่ต้องยุ่ง จีนจะส่งเครื่องบินมารับทั้งหมดจากสนามบิน
ก็ว่ากันไป เรื่องงานเอาหน้า ฉิบหายเท่าไหร่ไม่ว่า ไทยถนัดอยู่แล้ว
แต่ที่ผมอยากบอก “ท่านอ้วน-ภูมิธรรม” ซักเรื่อง จีน “ขอ” ให้เราช่วย เพราะประชาชนเขาเดือดร้อน ไทยเราก็ให้ทุกเรื่อง ตามที่เขาขอ
เรา หมายถึงประเทศไทย กระซิบถาม “ท่านหลิว” ซักคำว่า “ไทยขอซักเรื่องได้มั้ย?”
ประชาชนไทยเดือดร้อนเรื่องยาเสพติดที่ “ว้าแดง” ในรัฐฉาน ที่อยู่ติดแม่ฮ่องสอน-เชียงราย ส่งยาเข้ามาขายในเมืองไทยมาก
ในฐานะ “ว้าแดง” เป็นเด็กในคาถาของจีน
เมื่อไทยช่วยปราบ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ให้จีนแล้ว
จีนก็ช่วยปราบ “ว้าแดง” ให้ไทยหน่อยได้มั้ย?
ในฐานะ “จีน-ไทย” พี่น้องกัน “ท่านอ้วน” ลองดูหน่อยก็น่าจะได้น่า!
เปลว สีเงิน
๒๑ กุมภาพันธุ์ ๒๕๖๘