เปลว สีเงิน
ช่วงนี้…..
ผมคิดถึง “ผู้ว่ากทม.-ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เป็นพิเศษ
เพราะ “กลิ่นความเจริญ” ด้วยฝุ่น PM 2.5 มันหอมตลบเมืองไปหมดเลยท่าน
ทำเอาผมเป็นคน “สำออยกรุง” นิดหน่อย ก็คันคะเยอหน้าน้ำตาไหล แถมบวมเป็นหมีถูกผึ้งต่อย!
หายใจแต่ละที มีน้ำมูกปานแป้งเปียกเป็นเครื่องดักจับฝุ่นจนมันหนืดอุดตันทั้งรูจมูกและลำคอ
ทำให้นึกถึง “นิราศเมืองแกลง” ของบรมครู “สุนทรภู่” ท่อนที่ว่า
“จะกลืนข้าวคราวโศกในทรวงเสียว เหมือนขืนเคี้ยวกรวดแกลบให้แสบศอ” ขึ้นมาทันทีเลย ท่านเอ๋ย!
ที่ผมยกเรื่องนี้คุย ไม่ได้ยกมาด้วยหวังต่อว่า-ต่อขานอะไรท่านหรอก
ฝุ่นน่ะ มันมาทุกปี จนป็นเทศกาล “เพชฌฆาตฝุ่น” ไปแล้ว
ทุกคนรู้ปัญหา รู้ต้นตอ และจาระไนกันได้เป็นต่อยหอย
แต่ไม่มีใครแก้ได้
มีวิธีเดียวมั้ง..ที่แก้ได้ อย่างที่รัฐบาลเพื่อไทยใช้ คืออะไรที่แก้ไม่ได้ ก็ทำให้มันเป็นเรื่อง “ถูกกฎหมาย” ไปซะก็สิ้นเรื่อง
การเผา “ปลายหนาว-ต้นแล้ง” การปล่อยรถควันดำวิ่งเข้าเมือง เช่น รถเมล์ รถบรรทุก รถแท็กซี่ แก้ไม่ได้
ก็ยกให้มัน “ถูกกฎหมาย” เหมือนกาสิโน อย่างที่จะทำกัน มันก็จบ จริงมั้ย?
เอ้า…มาเข้าเรื่องกันมั่ง คือ นี่ก็เข้าปีที่ ๓ ในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ของท่านชัชชาติแล้ว
ก่อนเป็น คุยกระฉูด ตั้ง ๒๐๐-๓๐๐ นโยบาย ทำทันที
พอเป็นแล้ว เงียบฉี่ ไม่มีซักนโยบาย ที่ทำได้ตามคุย
ราวๆ ปีครึ่ง จะครบเทอม เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.กันใหม่
ถามคำ “ท่านชัชชาติจะลงสมัครอีกครั้งมั้ย?”
ไม่ต้องเดาก็บอกได้ ตำแหน่งนี้ เสพแล้วมันติดง่ายยิ่งกว่าเสพยาบ้า ท่านว่าจริงมั้ย?
และถามอีกคำ จำประโยคที่ว่า “ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ” ได้มั้ย?
ถ้าจำไม่ได้ว่า “ใครพูด” ท่านคงลงสมัครอีกสมัยแน่
แต่ถ้าจำได้ ว่าประโยคนี้ท่านพูดเอง
ท่านคงละอาย ไม่กล้าแบกหน้าไปอาสาเป็นผู้ว่าฯ อีกครั้งแน่ เว้นแต่ “ด้านพอ”!
กทม.ภายใต้บริหารท่าน รู้มั้ย ทุกวันนี้ “กลิ่นหอมความเจริญ” มันอบอวล จนชาวเมืองอ้วกแตกไปตามๆ กัน
อดีต “นายกฯ ชาติชาย” ท่านพูดไว้เป็นอมตะจริงๆ คือ “ก่อนพูด เราเป็นนาย พูดแล้ว คำพูดเป็นนายเรา”
ท่านลองทบทวนที่ท่านพูดตอนหาเสียงซิ แล้วยกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมซักอย่าง ว่าท่านได้ทำและทำได้
เลือกตั้งเดือนพฤษภา ปี ๖๕ ใช่มั้ย….
ตอนต้นปี กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ก็เจอฝุ่นตลบคลุมเมืองแบบนี้
เป็นช่วงหาเสียง ท่านก็แสดงความเป็นผู้รู้-ผู้เชี่ยวชาญ ร่ายวิธีแก้ปัญหาโพสต์ลงเฟซไว้ยาวเหยียด
ก็ไม่ทราบว่าจำได้หรือเปล่า ว่าตัวเองโพสต์ไว้ยังไง?
ถ้าจำไม่ได้ จะยกโพสต์ของท่านมาเป็น “ยาหมอควรจำ” ตรงนี้
………………………………….
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
11 มกราคม 2020
“ตอนนี้เรื่องที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของคน กทม.ก็คือเรื่องฝุ่น PM 2.5 ซึ่งมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น และน่าจะเป็นปัญหาในระยะยาวที่เราต้องเผชิญไปอีกนาน
ผมคิดว่าปัญหาเรื่องฝุ่น มันสะท้อนปัญหาของระบบราชการไทยในสองเรื่องด้านหลักๆ
1. มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน พอมีหลายหน่วยงาน ทางแก้คือ การตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เช่น คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ คณะกรรมการควบคุมมลพิษ คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
โดยแต่ละคณะจะมีประธานกรรมการเป็นข้าราชการระดับสูง
เช่น นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ซึ่งทุกคนก็มีภาระหนักในหน้าที่ประจำอยู่แล้ว อีกทั้งไม่ได้เชี่ยวชาญเฉพาะในสาขานั้น ทำให้การขับเคลื่อนโดยคณะกรรมการชุดต่างๆ ช้า ไม่คล่องตัว
2. มีแผนจำนวนมาก แต่ขาดการนำไปปฏิบัติ ปัญหาสำคัญต่างๆ ผมเชื่อ เรามีแผนรองรับไว้เกือบหมด แต่ไม่ได้นำไปปฏิบัติ (เขาถึงเรียกว่า วางแผน-ทำแผนแล้ววางไว้ หรือแพลนนิ่ง Planning แพลนแล้วนิ่งๆ)
อย่างเรื่องกรณีฝุ่น PM 2.5 เท่าที่ผมหาเจอ ทางกรมควบคุมมลพิษได้จัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ไว้ตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 จำนวน 52 หน้า
โดยมีทั้งแผนระยะสั้น กลาง ยาว แต่ไม่แน่ใจว่าในทางปฏิบัติได้ดำเนินการไปแค่ไหนแล้ว (ถ้ามาเล่าให้พวกเราฟังบ้างก็ดีนะครับ)
หนึ่งในข้อเสนอในแผนนี้ที่ผมคิดว่าเป็นประโยชน์และทำได้ทันที อย่างน้อยสำหรับการแก้ปัญหาในระยะสั้น คือ การกำหนดให้ปัญหาฝุ่นพิษเป็นสาธารณภัย และใช้กลไกของระบบศูนย์สั่งการแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) ภายใต้พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550
โดยมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ในการเข้าควบคุมสถานการณ์อํานวยการ สั่งการประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงาน ส่วนราชการต่างๆ เพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
เมื่อเกิดภัยเรื่องฝุ่น เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ต้องเข้าไปช่วยดูแลประชาชน มีการแจ้งเหตุ เตือนภัย แจกหน้ากาก ให้ข้อมูล
ดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบ เช่น เด็ก คนชรา ผู้ป่วย อย่างทันท่วงที
เป็นกำลังใจให้ภาครัฐในการแก้ปัญหาเรื่องฝุ่นนะครับ ขออย่าทำแค่ วาง-แผน หรือ แพลน-นิ่ง พวกเราหยุดหายใจไม่ได้”
…………………………..
เห็นมั้ย ตอนยังไม่ได้เป็น “รู้แจ้ง-แทงตลอด” สอนเขาเป็นฉากๆ
แต่พอเป็นแล้ว “เฉาฉุ่ยตลอดชาติ” ไม่เคยแก้ได้-ทำได้ ตามที่โม้ไว้เป็นฉากๆ เลย
เมื่อวาน (๒๒ ม.ค.๖๘) ท่านออกมาบอกว่า….
“สำหรับอัตราการระบายอากาศใน กทม. วันนี้ถือว่า “แย่มาก” แต่คาดการณ์ว่าจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ และวันที่ ๒๕-๒๖ ม.ค.๖๘ ที่ถือว่าค่อนข้างดีมาก ช่วงนี้ กทม.จึงประกาศมาตรการคือ WORK FROM HOME (WFH) และ Low Emission Zone (LEZ)
โดย LEZ จะบังคับใช้คืนนี้ เวลา ๐๐.๐๑ น. ของวันพฤหัสที่ ๒๓ มกรา.ถึงเวลา ๒๓.๕๙ น. ของวันศุกร์ที่ ๒๔ มกรา.
ห้ามรถบรรทุก ๖ ล้อขึ้นไป เข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก รวมพื้นที่ ๙ เขต และแนวถนนผ่าน ๑๓ เขต ยกเว้นรถที่ลงทะเบียนสีเขียว”
ล่าสุด ยอดรถที่ลงทะเบียนสีเขียวมีจำนวน ๓๒,๐๐๐ คัน และยังเปิดให้ลงทะเบียนได้ภายในวันนี้ (๒๒ มค)….”
นี่คือแก้ปัญหาแบบ Single Command ของท่าน หรือคือการ “ขายผ้าเอาหน้ารอด” ไปวันๆ กันแน่?
รถเมล์ขสมก.เก่าๆ รถกระบะเก่าๆ แท็กซี่เก่าๆ นั่นก็ตัวดี พ่นควันดำกลบตูด
อ้างศึกษางานมาเป็นปีๆ แล้วไม่รู้หรือ “ต้นตอ” ของมันที่ต้องไปแก้อยู่ตรงไหน?
“โลซก โซน” ห้ามรถบรรทุก ๖ ล้อขึ้นไปเข้าพื้นที่ แต่ยกเว้นให้รถลงทะเบียนสีเขียววิ่งได้นั่นน่ะ
ลงทะเบียนแล้ว ๓ หมื่นกว่าคัน แบบนี้ มีโซน-ไม่โซน ค่าเท่ากัน
ลงท้าย มันก็เข้าตำรา โพสต์สอนเขา แล้วตัวเองก็ทำแบบเขา “มีแผนมาก แต่ไม่มีปฏิบัติจริง” นั่นแหละ
วางมาตรการ แล้วออกข้อยกเว้น ก็เท่ากับไม่มีมาตรการ ถึงมี ยกเว้นเป็นหมื่นๆ คัน แล้วใครจะไปคอยตรวจ
โพสต์ของท่านผู้ว่าฯ โพสต์ไว้ มกรา.๒๐๒๐
ต่อมา กุมภา.๒๐๒๓ คือปี พศ.๒๕๖๖ หลังจากท่านได้เป็นผู้ว่าฯแล้ว PM 2.5 ก็มาพิสูจน์ราคาคุยท่านเหมือนตอนนี้
ก็มีคนเขาโพสต์ถึงท่านไว้ ดังนี้ อ่านดู
…………………………
Street Hero V3
3 กุมภาพันธ์ 2023 ·
ผมไม่เชื่อว่าผู้ว่าฯ ชัชชาติ ทำเต็มที่ในส่วนของท่านแล้ว
ถ้า.. ท่านส่งเสริมการใช้เรือไฟฟ้า ไม่ยกเลิก
ถ้า.. ท่านดูแลต้นไม้ในสวน ตามทางเดิน ไม่ให้ตาย
ถ้า.. ท่านควบคุมเวลาวิ่งรถบรรทุกเข้าเมือง เป็นเวลา
ถ้า.. ท่านกล้าหาญสั่งหยุดงานก่อสร้าง ช่วงวิกฤต
ถ้า.. ท่านสั่งล้างถนนล้างฝุ่นตอนกลางคืน
ถ้า.. ท่านประสานงานงานกับรัฐบาล
ถ้า.. ท่านประสานงานหน่วยงานอื่นช่วยกันแก้ไข
กรุงเทพเราคงจัดการฝุ่น PM2.5 ได้ดีกว่านี้
แต่ท่านไม่ได้ทำตามที่กล่าวขั้นต้นเลย
ท่านโม้ว่าศึกษามาแล้ว 2 ปี
ท่านมั่นหน้า-มั่นโหนก ว่าทีมกูนี่เก่ง
ท่านชอบฉายเดี่ยว เอาหน้าคนเดียว
ท่านบอกฉีดน้ำก็ไม่ช่วยอะไร
แต่สุดท้าย ท่านก็ทำ….
และท่านก็ยอมรับว่า มันช่วยได้บ้างเล็กน้อย
แต่ก็ยังแขวะว่า เป็นที่ปลายเหตุ
เออ.. ผู้ว่าฯคนเก่า เขาก็รู้ว่ามันปลายเหตุ
เขาก็รู้ว่า มันช่วยอะไรมากไม่ได้
แต่เขาก็ทำไง อยางน้อย ก็ช่วยทางใจ
ท่านลองทบทวนตัวเองดูครับ
ว่าก่อนหน้าจะเป็นผู้ว่าฯ ท่านพูดอะไรบ้าง
แล้วตอนนี้ ท่านได้ทำตามที่พูดไหม
ฟังเสียงเตือนจากคนเห็นต่างบ้าง
ออกจากกะลาที่เอาแต่อวยท่าน
มันไม่ตลก เพราะท่านต้องอยู่กับเราอีกอย่างน้อย 3 ปี
มันต้องช่วยกันครับ
อย่ามานั่งเป็นหมาหงอย
ถ้าทำเต็มที่ได้แค่นี้ ก็อย่ามาเป็นผู้ว่าเลยครับ
……………………………..
ก็นำเรียนท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติเพื่อสำนึก “ทำไม่ได้ ก็ไม่ควรมาเสนอตัวอีก” ครับ!
เปลว สีเงิน
๒๓ มกราคม ๒๕๖๘