ผักกาดหอม
ไม่ทราบว่าเกี่ยวกันหรือเปล่า…
วันก่อนกลุ่มมวลชนบิ๊กเนมนัดกินข้าวคุยเรื่อง “ป่วยทิพย์ชั้น ๑๔” กัน
ก็ได้ข้อสรุปว่า จะไปเยี่ยม ป.ป.ช.เพื่อสอบถามว่าจะเอาไงกับคดีเทวดาทักษิณ
เพราะมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่ามี “คุณโม่ง” คอยล็อบบี้ไม่ให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ชี้มูลความผิด ข้าราชการ นักการเมือง ที่อยู่ในขบวนการช่วยนักโทษไม่ให้ติดคุกแม้วันเดียว
มาวันหวยออก ๑๖ ธันวาคม หวยออกจริงๆ ครับ
“สาโรจน์ พึงรำพรรณ” เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รับหน้าที่โฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.อีก ๑ ตำแหน่ง แถลงข่าวชัดถ้อยชัดคำ
“…คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๖๑ มาตรา ๕๑
โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม ๑๒ คน
ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป…”
บุคคล ๑๒ ราย ประกอบด้วย
๑.นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
๒.นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
๓.นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
๔.นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
๕.พลตำรวจโทโสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งเป็นนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ
๖.พลตำรวจโททวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ
๗.พันตำรวจเอกชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ ๕) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์
๘.พลตำรวจตรีสามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์
๙.นายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
๑๐.แพทย์หญิงรวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่
๑๑.นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
๑๒.นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
เบื้องต้นทั้ง ๑๒ คนยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตามกฎหมายนะครับ จนกว่า ป.ป.ช.จะชี้มูล และมีคำพิพากษาของศาล
และเบื้องต้นอีกเช่นกัน ทั้ง ๑๒ คนคือเจ้าหน้าที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการส่งตัว “ทักษิณ” จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้ “ทักษิณ” อยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ ๑๘๐ วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง
เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ “ทักษิณ” ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ
เบื้องต้นยังไม่มีนักการเมืองครับ เพราะยังไปไม่ถึงจุดนั้น
ฉะนั้นอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า เอาผิดได้แค่เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ สาวไม่ถึงตัวคนบงการ! มันแค่เริ่มต้นครับ
ฟังจาก “ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดูเหมือนว่า ป.ป.ช.จะถามอะไร ทั้ง ๑๒ คนตอบได้หมด เพราะมีหลักฐานเต็มมือ
เพราะตัวเองได้เห็นหลักฐานหมดแล้ว
ก็ไม่ทราบไปเห็นตอนไหน เนื่องจากก่อนนี้ออกตัวล้อฟรีว่า ขนาดเป็นรัฐมนตรียังขอเวชระเบียนนักโทษเทวดาดูไม่ได้เลย เพราะเป็นสิทธิของผู้ป่วย
ก็เข้าใจตรงกันนะครับ วันนี้รัฐมนตรียุติธรรมเห็นหลักฐานหมดแล้ว
“…ส่วนตัวมีความเชื่อมั่นทั้ง ๑๒ คนที่ถูกระบุชื่อ เพราะได้เห็นหลักฐานแล้ว ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบ ตามหลักวิชาชีพที่เป็นสากลทุกประการ และถือเป็นเรื่องที่ดีที่ ป.ป.ช.รับเรื่องไว้ไต่สวน เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคม
การเข้าไปไต่สวนจะทำให้บุคคลที่ยังไม่ได้ส่งหลักฐานจะได้มอบข้อมูลและหลักฐาน เนื่องจากเรื่องนี้มีประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย กรณีผู้ป่วยจะมีกฎหมายคุ้มครอง จึงไม่ได้นำหลักฐานส่งไป ซึ่งได้เคยสอบถามไปว่าหากมอบหลักฐานไปแล้ว และมีการนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง ก็จะนำเรื่องนี้ไปส่งมอบให้กับ ป.ป.ช. และผมเชื่อมั่นว่า ป.ป.ช.จะอยู่บนเหตุผลและข้อมูล ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ต่อไปนี้ประเด็นนี้จะเข้าสู่กระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมาย…”
ก็พิสูจน์กันไปครับ กล้องวงจรปิดชั้น ๑๔ ที่ควรเป็นหลักฐานเด็ด ดันมาเสียตอนที่ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัว
แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะข้อปฏิบัติการกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่เวรควบคุมผู้ต้องขังป่วยที่รักษาตัวยังโรงพยาบาลภายนอก กรณีการควบคุมผู้ต้องขังป่วยที่รักษาตัวยังโรงพยาบาลภายนอกนั้น กำหนดขั้นตอนและวิธีการค่อนข้างละเอียดและรัดกุม เพื่อป้องกันมิให้ผู้ต้องขังมีช่องโอกาสในการหลบหนี
เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ควบคุม จะต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัด จะแบ่งหน้าที่กันเองในลักษณะผลัดกันเฝ้าไม่ได้
เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมจะต้องถ่ายภาพหรือวิดีโอคอลรายงานส่งให้กับผู้บังคับบัญชา เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่
ทั้งนี้ ให้รายงานผ่านช่องทางไลน์หรือช่องทางการสื่อสารอื่นตามที่ผู้บัญชาการเรือนจำกำหนด
มีขั้นตอนปฏิบัติดังนี้
การส่งภาพถ่ายหรือวิดีโอคอล เมื่อจัดส่งภาพถ่ายหรือวิดีโอคอลแล้ว จะต้องพิมพ์ข้อมูลภายใต้ภาพถ่ายหรือวิดีโอคอล ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ของเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุม ชื่อผู้ต้องขัง วัน/เวลาที่รายงาน หมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุม หมายเลขโทรศัพท์ประจำ ward ที่ผู้ต้องขังป่วยรักษาตัวอยู่และ/หรือข้อมูลอื่นๆ ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์
รายงานการปฏิบัติหน้าที่ให้ผู้บังคับบัญชาทราบเป็นระยะ เช่น ทุก ๑ ชั่วโมง หรือตามที่ผู้บัญชาการเรือนจำกำหนด โดยให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิจารณาตามความเหมาะสมของสถานการณ์
การถ่ายภาพหรือวิดีโอคอล เรือนจำ/ทัณฑสถาน จะต้องดำเนินการประสานกับโรงพยาบาลเพื่อขออนุญาตก่อน
หากผู้ต้องขังป่วยได้รับการรักษาอยู่ในสถานที่ที่ไม่สามารถถ่ายภาพได้ เช่น ห้องฉุกเฉินหรือห้องผู้ป่วยวิกฤต อาจพิจารณาถ่ายภาพหรือวิดีโอคอลจากสถานที่ด้านนอกที่สามารถระบุได้ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ จะต้องปฏิบัติตามกฎ/ระเบียบของโรงพยาบาลเป็นลำดับต้น
“ทักษิณ” ไม่ได้ป่วยวิกฤตจวนเจียนจะเสียชีวิตอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังรักษาตัวที่ห้องวีไอพี ไม่ใช่ไอซียู ฉะนั้น หลักฐานพวกนี้ต้องมี และต้องส่งให้ ป.ป.ช. หรือไม่ ป.ป.ช.ก็ต้องทวงถาม
จะได้รู้ครับ ป่วยทิพย์หรือป่วยแท้
“เทพมนตรี ลิมปพยอม” นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความไว้ให้สะดุ้งกันทั้งบาง
“…พระบรมราชโองการฉบับประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ที่ผมเคยตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะเป็นตราบาปไปตราบนานเท่านานชั่วลูกสืบหลาน
ทีนี้ถ้าคุณยิ่งลักษณ์จะกลับมา จะกล้าขอไหม!
เพราะอาการป่วยของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณก็เป็นข้อกังขา ไม่มีใครเชื่อ ถือเป็นการกราบบังคมทูลความเท็จหรือไม่ และการจำคุกก็ยังไม่เคยเกิดขึ้นจริง
๒ เรื่องที่ว่านี้เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือไม่เกรงกลัวพระบารมีเอาเสียเลย…”
ทั้ง ๑๒ คนหากมีความผิด อาจไม่ใช่แค่บกพร่องในหน้าที่
แต่อาจยังมีส่วนร่วมในการกราบบังคมทูลความเท็จอีกด้วย