“เขากระโดง” ถึง “อัลไพน์” #เปลวสีเงิน

หมู่นี้มี “แขกจร” แวะเวียนมาทิ้งคำถามไว้ท้ายคอลัมน์คนปลายซอยใน “ยูทูบ” ไม่เว้นแต่ละวัน
เมื่อไหร่จะเขียนเรื่อง “เขากระโดง” ซะทีบ้าง
เรื่อง “เขากระโดง” เงียบฉี่เลยนะบ้าง เมื่อวาน มาอีก

@จักรพงษ์-ฟ8ธ
#รออ่านบทความเรื่องคำพิพากษาศาลฎีกากับพฤติกรรมของพรรคภูมิใจไทยเรื่องที่ดินการรถไฟ

ได้เลย…พวก แต่ขอถามคำ…..
อยากอ่านแต่พฤติกรรมพรรคภูมิใจไทยเรื่องที่ดินการรถไฟฯ แค่นั้นหรือ?

ทำไมไม่อยากอ่านพฤติกรรมพรรคเพื่อไทยเรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์บ้างล่ะ!?
สนุกพอฟัดกันเลยนะ ขอบอก!

อยากรู้เรื่อง “เขากระโดง” แต่ผมจะแถมเรื่อง “สนามกอล์ฟอัลไพน์” ให้ฟรีๆ อีกเรื่อง

พื้นที่ประเทศไทยทั้งหมด กว่า ๕ แสนตารางกิโลเมตร ไม่มีใครเป็นเจ้าของสิทธิ์ขาดได้หรอกครับ

เพราะแผ่นดินนี้เป็น “แผ่นดินพระมหากษัตริย์ทรงนำสร้างและสืบสาน” จึงเรียกว่า “แผ่นดินของในหลวง”

ผ่านชื่อต่างๆ ที่เรียกกันติดปากว่า “ทางหลวงแผ่นดิน” บ้าง “ที่หลวง” บ้าง “สถานที่ทางราชการ” บ้าง

พระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ จาก “สุโขทัย-อยุธยา-กรุงธนบุรี-กรุงรัตนโกสินทร์”
ได้พระราชทาน คือทรงมอบที่ดินให้ประชาชนพลเมืองครองสิทธิเพื่อใช้เป็นที่ทำมาหากินบ้าง เป็นที่อยู่อาศัยบ้าง

ให้เป็น “สมบัติส่วนรวม” เป็นไปเพื่อสาธารณประโยชน์ร่วมกันรูปแบบต่างๆ เช่น สถานศึกษา, วัด,มัสยิด, โบสถ์, สวนสาธารณะ และ ฯลฯ บ้าง

ถ้าหลวงต้องการใช้เพื่อนำไปสร้างประโยชน์สังคมรวม สามารถ “เวนคืน” ได้หมด ต่อให้เป็น “โคตรโฉนด” ก็เวนคืนได้

“เขากระโดง” บุรีรัมย์ ก็เหมือนกัน เป็นแผ่นดินหลวง รัชกาลที่ ๕ รัชกาลที่ ๖ พระราชทานให้ “การรถไฟฯ” เพื่อระเบิดเอาหินไปทำทางรถไฟ

ฉะนั้น พื้นที่ “เขากระโดง” มีทั้งหมดเท่าไหร่ผมไม่ทราบ
ทราบแต่ว่า ที่ชาวบ้านร่วมพันราย รวมทั้งตระกูลชิดชอบ เข้าไปถือสิทธิแต่ครั้งบุรีรัมย์ยังได้ชื่อว่า “บุรีรัมย์ตำน้ำกิน” นั้น
“จะหลวง-จะราษฎร์” ในภาพรวม “เป็นที่หลวง” อยู่แล้ว

บุรีรัมย์สมัยนั้น แห้งแล้ง กันดาร ขนาดต้องเอาดินที่แห้งแตกระแหงมาตำเพื่อคั้นเอาน้ำกิน ก็คิดละกัน ยังจะมีมนุษย์ไหนสนใจว่า “เขากระโดง” เป็นที่ใคร ใครจะเข้าไปอยู่?

สภาพบุรีรัมย์ยุคนั้น…
อย่าว่าแต่บุกรุก “เขากระโดง” เลย ต่อให้ใครบุกรุกเข้าไปอยู่ในพื้นที่ “ปราสาทพนมรุ้ง”
คงมีคนบอกว่า “มึงอยู่ที่นี่แล้ว ห้ามหนีไปอยู่ที่อื่นนะ” ด้วยซ้ำ!

การบุกรุกเข้าไปในที่ ๕ พันไร่ของการรถไฟฯ
เริ่มพร้อมๆ ตอนเขมรลากเส้นแบ่งเขตแดนในอ่าวไทยตรง “เกาะกูด” ล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทย ปี ๒๕๑๓-๒๕๑๕ โน่นแล้ว

สรุปเหตุในภาพรวม เรื่อง “เขากระโดง”
“ทางการ” นั่นแหละ ปล่อยให้ชาวบ้านเข้าไปจับจองกันมากว่าครึ่งศตวรรษ เพราะมันห่างไกล-ไร้ราคา
แถมออกเอกสารสิทธิให้ด้วยนะ เป็นโฉนด เป็น นส. เป็น สค. แล้วแบบนี้ จะโทษชาวบ้านก็ไม่ถูกซะทีเดียว

ใครจะรู้ว่า บุรีรัมย์ จะเจริญก้าวหน้า จนโลกอิจฉาอย่างตอนนี้
ก็ต้องโทษนายเนวิน ที่พัฒนาเมืองเป็นสนามฟุตบอล เป็นสนามแข่งรถ เป็นจังหวัดต้นแบบ “คนบ้า..รักบ้านเกิด”

มนุษย์ไม่อิจฉาหรอก…
แต่อสุรกายเจ้าของคอกหมามันอิจฉา!

กระทั่ง “การรถไฟฯ” เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ๕ พันกว่าไร่เองก็เถอะ ค่าที่ว่า รถไฟยาวไปถึงที่ไหน ก็มีที่ดินเป็นสมบัติที่นั่น
จะไปสนใจไยดีอะไรกะแค่ที่ “เขากระโดง” โทงเทง

ขนาดที่ดินในกรุงเทพฯ เอง ยังทิ้งให้หมาขี้บ้าง ให้คนเข้าไปจับจองบ้าง ให้เสืออยู่บ้าง ไม่รู้กี่พัน-กี่หมื่นไร่ รถไฟฯ สนใจซะที่ไหน?

เอกชนพัฒนาเมืองเป็น “ทำเลทอง” เมื่อไหร่ นั่นแหละ การรถไฟฯ จะเข้าไปทวงสิทธิ์เมื่อนั้น!

สรุป ประเด็นหลักคือ ที่ “เขากระโดง” เป็นเรื่อง ไม่ใช่เพราะการรถไฟฯ ต้องการใช้พื้นที่ และไม่ใช่ “หมาหวงก้าง”

มันเป็นเรื่องเพราะ “การเมือง” ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยโดยตรง นั่นละประเด็น
และเขา “เอาคืน” กัน…

เมื่อ “กรมที่ดิน” ต้องถอนโฉนด “สนามกอล์ฟอัลไพน์” ของครอบครัวทักษิณ อันเป็นที่ “ธรณีสงฆ์” คืนให้กับวัด ตามศาลสั่ง

ก็พอดีที่ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เจ้าสังกัด “กรมที่ดิน”
ทางเพื่อไทยก็พาโล ทำนองว่า…มึงเล่นกูนะ งั้นกูเล่นมึงมั่ง!

ทางภูมิใจไทย ตระกูล “ชิดชอบ” โดยนายเนวินและนายศักดิ์สยาม ก็มีเรื่องถือครองที่ดินเขากระโดง ๒๐๐ กว่าไร่มาแต่ครั้งบรรพบุรุษ

ทางเพื่อไทย ที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ขี้ในไส้ทักษิณ เป็น รมว.คมนาคม ร้อยวันพันปี เป็นวอลเปเปอร์ โชว์เบ้าตาหมีแพนด้า อ้าปากอวดฟันจอบอย่างเดียว

คราวนี้ เล่นบท “สุริยาบ้าเลือด” สั่งการรถไฟฯ ไล่บี้เรื่องเขากระโดง โดยไม่ศึกษารายละเอียดอันเป็นองค์ประกอบ

“เขากระโดง” การเมืองผูกเป็นเรื่องเดียวกับ “ตระกูลชิดชอบ” ทั้งด้านจำเลยทางศาลและจำเลยทางสังคมมาตลอด

ทั้งที่ เขากระโดง ๕,๐๐๐ กว่าไร่ มีร่วมพันครอบครัวที่บุกรุกและฟ้องร้องกันนัวเนีย

แต่สังคมข่าวจี้ “เอามันให้ตาย” เฉพาะรายชิดชอบ ยังกะว่า ตระกูลชิดชอบยึดครองหมดทั้ง ๕ พันกว่าไร่

นั่นก็ด้วยการเมือง “มึงเล่นอัลไพน์กู-กูก็เล่นเขากระโดงมึง”!

เรื่องราวข่าวสารประเภท “ขิงรา-ข่าแรง” ก็ประมาณนี้ ถ้าถามผม แล้วตระกูลชิดชอบบุกรุกมั้ย?

ในภาพรวม ตามคำพิพากษาศาล “เขากระโดง” ๕,๐๐๐ กว่าไร่ เป็นที่ดินของการรถไฟฯ

ถ้า ๒๐๐ กว่าไร่ของตระกูลชิดชอบถือครอง อยู่ในเขต ๕,๐๐๐ กว่าไร่ ก็ต้องเป็นของการรถไฟฯ วันยังค่ำ

แต่เมื่อ ๓๐ มี.ค.๖๖ “ศาลปกครองกลาง”
มีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ ๕๘๒/๒๕๖๖ ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (ผู้ฟ้องคดี) กับกรมที่ดิน (ผู้ถูกฟ้องที่ ๑) และอธิบดีกรมที่ดิน (ผู้ถูกฟ้องที่ ๒)

ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
และการกระทำละเมิดอันเกิดจากคำสั่งทางปกครอง (คดีที่ดินเขากระโดง)

ศาลให้อธิบดีกรมที่ดิน “ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา ๖๑ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน”
เพื่อดำเนินการเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิ
ใน “ที่ดินที่ทับซ้อนที่ดิน”
บริเวณพื้นที่ทางแยกเขากระโดง จ.บุรีรัมย์

ซึ่งเบื้องต้นพบ มีหนังสือแสดงสิทธิฯ ๗๗๒ ฉบับ แบ่งเป็นโฉนด ๓๙๖ ฉบับ และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ๓๗๖ ฉบับ

นี่….เรื่องมันยังไม่จบ เพราะ “ศาลปกครอง” มีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ

ต้องสอบสวนอะไร?
ก็มันเกิด “พื้นที่ทับซ้อน” หรือ “พื้นที่อ้างสิทธิ์” เหมือน “เกาะกูด” ระหว่างไทยกับเขมร เกิดขึ้นบริเวณทางแยกเขากระโดงน่ะซี!

ที่ดิน ๒๐๐ กว่าไร่ ตระกูลชิดชอบ อ้างอยู่ในส่วนที่ดินที่ “ทับซ้อนที่ดิน” เรื่องจึงยืดเยื้อ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนพิสูจน์ทราบตามกระบวนการกฎหมาย

นี่แค่เกริ่นนะครับ ยังไม่เข้าเรื่อง-เข้าประเด็น ก็หมดสัมปทานพื้นที่ซะแล้ว

ที่ถล่มกันไฟแลบว่า “กรมที่ดิน” ใหญ่กว่าคำพิพากษาศาลฎีกา “กล้าไม่เพิกถอนโฉนดเขากระโดง” เชียวหรือ นั้น

ความเห็นผม “อธิบดีกรมที่ดิน” ไม่กล้าหรอก ท่านทำความคำสั่งศาล หากแต่ท่านแถลงรายละเอียด ๑๐๐ คำ
เป็นข่าวแค่คำว่า “ไม่เพิกถอนโฉนดเขากระโดง” ทั้งอธิบดีกรมที่ดินทั้งรัฐมนตรีอนุทินจึงถูกฌาปนกิจสด

ส่วนตระกูล “ชิดชอบ” ไม่ต้องพูดถึง ในการเมืองคน-การเมืองข่าว กด “ตระกูลชิดชอบ” ให้มีภาพเป็นผู้ร้ายตลอดกาลอยู่แล้ว!

เห็นมั้ย พูดแล้วมันยาว ขนาด ๓ วันจบ นี่ก็ต้องยกยอดไปพรุ่งนี้ ว่าอธิบดีกรมที่ดินไปกินซุปดีเสือมาหรือไฉน หรือมีเหตุผลอะไรที่บอกเช่นนั้น

พรุ่งนี้ มาว่ากัน “สนามกอล์ฟอัลไพน์” ภาค “เขากระโดง”!

เปลว สีเงิน
๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from plew
ร้อนเป็นบ้า-โม้สะบัด – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน กรุงเทพฯ….”ร้อนเป็นบ้า”! แต่ที่ “เชียงใหม่”…. ไม่รู้จะเชื่อ “คนเชียงใหม่จ๊าว” ดีหรือจะเชื่อ “เศรษฐา-นายกฯ ในคอกจ๊าว” ดี? เพราะดูข่าว...
Read More
0 replies on ““เขากระโดง” ถึง “อัลไพน์” #เปลวสีเงิน”