“พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

ช่วงนี้ ถึงมกรา.ปีหน้า
อย่ามัวงงงวยกับแฟชั่นแต่งตัวนายกฯ หญิงผู้งามเลิศในปฐพี จนลืมดูโลกเป็นอันขาด!
เบิ่งกันไว้บ้างเน้อ….
มีอะไรตูมตามขึ้นมา จะได้ไม่เหมือนหมาตกใจเสียงพลุ-เสียงประทัด จนช็อกตาย

ในสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” วานซืน (๑๘ พ.ย.๖๗) ผมเห็นข่าว “โจ ไบเดน” อนุมัติให้ยูเครนฉลองคริสต์มาส ด้วยการ “ยิงดอกไม้ไฟ” เข้าไปในรัสเซียได้

ที่กะว่าจะขายทองซักครึ่งตัน เปลี่ยนคำสั่งเป็นซื้อทันที ที่ว่า “ทรัมป์มา สงครามจบ”
แบบนี้ นอกจากไม่จบแล้ว ผมว่า น่าจะเริ่มต้น “สงครามจริง” ซะด้วยซ้ำ!

“ดอกไม้ไฟ” ที่ว่านั้น….
มันคือ “ขีปนาวุธพิสัยไกล ATACMS” ไบเดนอ้าง เกาหลีเหนือส่งทหารเข้าไปช่วยรัสเซียรบได้ ยูเครนก็มีสิทธิยิงเข้าไปถล่มกลุ่มเป้าหมายในรัสเซียได้

อย่าลืมนะว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ “ตัวจริง” ยังเป็น “โจ ไบเดน” แห่งเดโมแครตอยู่ ไม่ใช่ เจ.ทรัมป์!

ทรัมป์ชนะเลือกตั้งก็จริง
แต่ยังเป็นแค่ “ว่าที่” จนกว่าจะส่งมอบตำแหน่งกันเป็นทางการกลางมกรา.ปีหน้า ทรัมป์ถึงจะมีอำนาจ

แต่ดูแล้ว “ยิว-Rothschild” กับ “ยิว-Rockefeller” ในขบวนการ “อำนาจเดียวครองโลก”
น่าจะมีความความเห็นไม่ตรงกันเรื่องสงคราม ทั้งที่รัสเซีย-ยูเครน และที่ อิสราเอล-ตะวันออกกลาง!

Rockefeller ลูกพี่รีพับลิก “อยากจบ”
แต่ฝ่าย Rothschild ลูกพี่เดโมแครต “อยากแหลก”

ฉะนั้น ก่อนถึงพิธีส่งมอบตำแหน่ง ทางด้านตะวันออกกลาง ถ้ามี “ฝนเหล็ก” ถล่มอิหร่าน
ทางยุโรปตะวันออก ถ้าถล่มกันด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลไปจนถึงนิวเคลียร์
อะไรจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้!?

การส่งมอบตำแหน่งประธานาบดีสหรัฐฯต้องเลื่อนไม่มีหนดมั้ย อเมริกันชนจะ “ย้อนยุค” แบ่งข้างทุบตีกันเองอีกมั้ย?

จากที่หวัง ทรัมป์มา-สงครามจบ
กลายเป็น “โลกลุกเป็นไฟ” ปู่ไบเดน ก็ยังไปไม่ได้

ทำไป-ทำมา เบื้องหลังสงครามโลกครั้งที่ ๓ สาเหตุมิใช่อื่นไกล
ก็เรื่อง “ศาสนา” ว่าด้วยอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ ในเยรูซาเล็ม ที่จะใช้เป็นพื้นที่ “สร้างวิหาร” แห่งใหม่
เพื่อสถาปนาเป็นศูนย์กลาง “อำนาจเดียวครองโลก” ตามแผน!

พินิจ-พิจารณากันให้ดีเถอะ….
สหรัฐฯ ปากว่า “ต้องการสันติภาพ” แต่ในทางกระทำ เป็นศูนย์กลางอำนวยการก่อสงครามทั้งในยุโรปตะวันออกและทั้งในตะวันอกกลาง บนหลักปรัชญาว่า
“ถ้าไม่มีสงคราม แล้วกูจะเป็นผู้สร้างสันติภาพได้ไง(วะ)”

ฉะนั้น ระยะนี้ ดูนางเอกเราอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูพระเอกโลกเขาด้วย!

และวันนี้ (๒๐ พ.ย.) นางเอกแพทองธาร จะเป็นประธานประชุม “คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ” (ก.ตร.)
พิจารณาแต่งตั้งระดับ “รองผบ.ตร.,ผู้ช่วย ผบ.ตร.และผู้บัญชาการ” ก่อน เป็นล็อตแรก

“พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข” ขึ้นรองผบ.ตร.อันดับ ๑ ก็อย่ากินมาม่ามากนักล่ะ เดี๋ยวไตจะวายซะก่อนได้เป็นผบ.ตร.ต่อจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์!

ที่พิจารณาวันนี้ มีน่าพูดถึงอยู่ราย คือ “พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง” ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
ถึงวาระขยับขึ้นไปอยู่ในตำแหน่ง “ผู้ช่วยผบ.ตร.”

แต่ท่านสมัครเป็น “กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ชาติ” หรือ “ป.ป.ช.” แทนตำแหน่งที่ว่างลง ๓ คน
คือ แทน “พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ” ประธาน ป.ป.ช.

นายวิทยา อาคมพิทักษ์ และนางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการป.ป.ช.
“สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา” เปิดรับสมัครไปแล้ว มีผู้เข้ารับสมัคร ๔๐ ราย รวมทั้ง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง

ถ้ายังไม่ลืมกัน ปีที่แล้ว พล.ต.ท.ธิติ เคยสมัครแทนคนที่ว่างครั้งหนึ่ง

บางเสียงว่า ตำแหน่ง “ผู้บัญชาการ” น่าจะต่ำกว่าเกณฑ์คุณสมบัติผู้สมัครนะ
แล้วทำไมจึงมาสมัครในครั้งนี่้ได้อีกล่ะ?

แรกๆ ผมก็คิดอย่างนั้น แต่เมื่อไปดูรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๓๒ ดู พรป.ป.ป.ช. พศ.๒๕๖๑ ดูพรบ.หลักเกณฑ์การเทียบตำแหน่ง พศ.๒๕๖๒ มาตรา ๕

ดู “ระเบียบ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การเทียบตำแหน่ง พศ.๒๕๖๓” ข้อ ๔
และค้น “มติที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาฯ เมื่อ ๑ ธค.๖๖ มาดู ที่ประชุม มีคำวินิจฉัย ว่า

“พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง เป็นผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา ๙ วรรคสอง และมาตรา ๑๐
และไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา ๑๑ แห่งพรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พศ.๒๕๖๑”

คำวินิจฉัยคณะกรรมการสรรหานี้ ให้ถือ “เป็นที่สิ้นสุด”!

ครั้งนั้น ท่านผ่านคณะกรรมการสรรหา คุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ

แต่พอเข้าวาระ “เห็นชอบ” จากที่ประชุมวุฒิสภายุคนั้น “เสียงเห็นชอบ” ไม่ครบเกณฑ์ เพราะมีสว.กลุ่มหนึ่ง ไม่ออกเสียงให้

ทำไมจึงมีสว.บางส่วนไม่ต้องการให้พล.ต.ท.ธิติ เป็น ป.ป.ช.?

ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ถามๆ จากภายในเขา เอาเป็นว่าเข้าทำนอง…เอ็งไม่ใช่คนของข้า ประมาณนั้น!

บังเอิญพบพล.ต.ท.ธิติ ตอนท่านสมัครรอบนี้แหละ จึงถามท่านว่า ปีนี้ ก็ได้เป็นผู้ช่วยผบ.ตร.ทั้งอายุราชการอยู่อีกตั้งปี จะลาออกไปเป็นป.ป.ช.เพื่ออะไร?

ความจริงได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยเห็นตัว ไม่เคยได้พูดจากันมาก่อน ก็สะดุดใจ ตั้งแต่เห็นหน้า
เพราะบุคลิกท่าน น่าเป็นครูบาอาจารย์ หรือนักคิด-นักปรัชญาชีวิต มากกว่านายตำรวจ

คือสะอาด-สะอ้านเป็นระเบียบ แม้อยู่ในเครื่องแบบนายตำรวจ บุคลิกก็ยังสงบ-เรียบร้อย แต่ละคำพูดผ่านการใคร่ครวญ ไตร่ตรองมาแล้ว

ทำเอาผมทึ่ง นายตำรวจระดับอ.ตร.ก็เคยเจอมาบ้าง แต่ไม่เคยเจอนายตำรวจคนไหน คิดจากประสบการณ์งานเป็นมุมกลับทางสังคมเศรษฐกิจได้อย่างนี้มาก่อน

เป็นตำรวจ ไปสมัครเป็นป.ป.ช.ผมก็นึกว่า ท่านคงต้องการนำความรู้ด้านกฎหมาย ด้านสอบสวนไปทำงานป.ป.ช.

แต่พล.ต.ท.ธิติกลับกล่าวเนิบๆ ผ่านกระบวนการความคิดเป็นระบบว่า….

“จากสัมผัสในงาน ทำให้รู้ว่าบ้านเมืองเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ-การลงทุนไปเยอะมาก ถ้าแก้ตรงนี้ได้ บ้านเมืองเราจะพัฒนาได้เร็วกว่านี้”

ผมฟังก็เอ๊ะ…มันเกี่ยวยังไงกะงานป.ป.ช.ที่ท่านต้องการจะไปทำ?

ท่านอธิบายว่า การทำอะไรซักอย่างในเมืองไทย เต็มไปด้วยกฎระเบียบและขั้นตอน ต้องติดต่อขออนุญาตจากหลายหน่วย หลายที่-หลายโต๊ะ

นั่นแทนที่จะปิดช่องโหว่ กลับเปิดช่องทุริต-คอร์รัปชันมากขึ้น ต้นทุนทางธุรกิจของนักลงทุนสูงขึ้นจากที่ต้องบวกค้าสินบาท-สินบนเจ้าหน้าที่

ข้าราชการจะไม่เข้าใจ “ราคาของเวลา” ต่างกับนักธุรกิจ-นักลงทุน ซึ่งเวลาเขามีราคามาก

ความมากโต๊ะ มากระเบียบ มันหยุมหยิม แทนที่การอนุญาตแต่ละโครงการจะเสร็จในสัปดาห์หรือครึ่งเดือน

แต่กลับเป็นเดือน-เป็นปี บางที่ก็ยังไม่จบแค่ขั้นตอนขออนุญาตด้วยซ้ำ

นักลงทุนเขาหนีไปที่อื่นหมด ไปเวียดนามสบายกว่า ถูกกว่า เรื่องคอร์รัปชันนั้น มีบ้าง เขารับได้พอสมควรแก่เหตุ

แต่เขาต้องการให้เบ็ดเสร็จไปทีเดียว-ที่เดียว ที่เรียก “วัน สตอป เซอร์วิส” นั่นแหละ ไม่ใช่เสร็จหน่วยงานนี้ ไปติดหน่วยงานโน้น

พล.ต.ท.ธิติ เล่าจากประสบการณ์สมัยอยู่เมืองชลฯ ซึ่งเป็นเมืองธุรกิจการลงทุน ท่านพบปัญหานี้

บางราย…ทิ้งโครงการเลิกไปเลย ทั้งที่ลงทุนไปบ้างแล้ว!

การไล่จับ-ไล่ค้น สอบสวนทำสวนคดี เป็นการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในวงราชการที่ปลายเหตุ

เราไม่ไว้ใจข้าราชการ งานเดียว จึงแยกอำนาจไปหลายหน่วย หลายโต๊ะ
คอร์รัปชันก็เลย “มากช่อง-มากโต๊ะ” ตามไปด้วย!

นักลงทุนเสียเงิน-เสียเวลาแล้ว ป.ป.ช.ก็ต้องเสียเวลาไปตรวจสอบ-รื้อค้นมากที่-มากโต๊ะตามไปด้วย

ทั้งหมดนั้น ทำประเทศ “เสียโอกาส-เสียบรรยากาศ-เสียชื่อเสียง” ใน ๑๐๐ คะแนน ความโปร่งใส ด้านทุจริตคอร์รัปชัน

๑๘๐ ประเทศ ความโปร่งใสไทย ได้แค่ ๓๕ คะแนน
ภาพลักษณ์คอร์รัปชันของไทย ติดอันดับน่าอับอายของโลก อยู่อันดับที่ ๑๐๘!

พล.ต.ท.ธิติ ท่านบอก ถ้าได้รับโอกาสเข้าไปทำหน้าที่ป.ป.ช.ท่านอยากช่วยทำให้อันดับของไทย ….
เขยิบจากต่ำร้อย ขึ้นมาอยู่ในระดับ ๕๐ ก็ยังดี!

งานตำรวจ เป็นงานแก้ปลายเหตุ แต่พล.ต.ท.ธิติ กลับมองไปที่ต้นเหตุของปัญหาและต้องการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
ทำอย่างไร จะลดขั้นตอน ลดกฎระเบียบ ลดโต๊ะ ในการออกใบอนุญาตใบหนึ่งในการทำธุรกิจ?

เมื่อยังแก้คอร์รัปชันไม่ได้เบ็ดเสร็จ….
ทำยังไงจะลดคอร์รัปชันให้เหลือระดับคอมมิชชันได้

และจะทำอย่างไร ถึงมีบ้าง แต่ “ให้มันทีเดียวจบ” ไปเลย ไม่ต้องขยักขย่อนไป “หลายโต๊ะ-หลายหน่วยงาน” ซึ่งนักธุริจ-นักลงทุน เขาไม่ชอบ เพราะยุ่งยาก-ล่าช้า-เสียเวลาเขามาก!?

ฟังท่านขยายแนวคิดในการทำงานให้ฟัง…ก็ทึ่ง
เห็นสมัครกันตั้ง ๔๐ คน อัยการมากสุด แทบจะยกกันมาสมัครทั้งสำนักงาน ขนาดนั้นเลย

เอาเป็นว่า ขอให้ท่านพล.ต.ท.ธิติ สมหวัง ได้เข้าไปทำหน้าที่ป.ป.ช.ก็แล้วกัน

ผมว่า ทั้งคณะกรรมการคัดสรร กระทั่งวุฒิสมาชิก ถ้าได้ฟังวิสัยทัศน์พล.ต.ท.ธิติแล้ว น่าจะมีทัศนะต่อนายตำรวจท่านนี้ไม่ต่างจากผม

เพราะเราเลือกคนเพื่องาน ไม่ใช่เลือกคนไปรับงาน “ตามสั่ง”!

เปลว สีเงิน
๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from plew
บันทึก “หนองบัวลำภู” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน วันนี้ “อังคารที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๕” “ทูตสวรรค์” ตัวน้อยๆ พร้อมคุณครู จากโศกนาฎกรรมที่ “หนองบัวลำภู”...
Read More
0 replies on ““พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง” #เปลวสีเงิน”