สาวะถี “เทวดาเหนือคุก” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

ชั่วโมงนี้….
คนอยากเห็นหน้า “คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง” ว่าที่ “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” คนใหม่ มีไม่เท่าไหร่
แต่มากต่อมาก
ต้องการเห็น ๗ โฉมหน้า “คณะกรรมการคัดเลือก”
ที่เลือก “คุณกิตติรัตน์” เป็นประธานบอร์ดฯ มากกว่า

ถามว่า เป็นเซเลบหรือ ถึงอยากเห็นหน้าเขา?
มีแต่คนสะบัดหน้า แล้วตอบ เปล๊าาาาา….

เพียงแต่วานซืน เห็นผมยกทั้ง ๗ ท่าน เป็น “สัตบุรุษ” แล้วเมื่อวาน ๗ สัตบุรุษ กลับเลือกคนที่ “ฝ่ายการเมือง” ส่งเข้าไปให้เป็นประธานบอร์ดฯ
โดยไม่แยแสเสียงสังคมท้วงติง ถึงด้านไม่เหมาะสมและไม่น่าไว้วางใจในบุคคลๆคนนี้ ที่ได้ชื่อว่าเป็น มิสเตอร์ white lie

ก็เลยอยากเห็นหน้า ว่านี่ “สัตบุรุษ” หรือ “อสัตบุรุษ” เอาให้แน่ เพราะผู้ทำงานจนเป็นใหญ่-เป็นโตในวง “ข้า-ราชะ-การ”

ถ้าคู่ควรกับคำว่า “สัตบุรุษ”…..
ต้องมีความคิดคำนึงถึงเหตุและผลและรู้บุคคลมากกว่า รู้แค่ทำตามใบสั่ง!

ถ้าผมเป็น “หิรันตยักษ์” ได้รับพรจากพระอิศวร “ม้วนแผ่นดิน” ได้ละก็นะ รายการนี้ก็จะม้วน เพื่อหนีอาย
แต่ไม่ขอเป็น “ทศกัณฐ์” เด็ดขาด เพราะมีตั้ง ๑๐ หน้า
เวลาอาย ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ตรงไหนได้ครบทุกหน้า

ในเมื่อทศกัณฐ์ มี “ก้น” เดียว!?
งั้นเอาชื่อ “๗ สัตบุรุษ” มาให้ท่านหลับตานึกหน้าเอาเองละกัน
……………………………

“๗ คณะกรรมการคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” ประกอบด้วย

๑.นายสถิตย์ ลิ่มพงษ์พันธุ์ ประธานคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ธนาคารแห่งประเทศไทย

๒.นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์

๓.นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

๔.นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ

๕.นายอัชพร จารุจินดา อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

๖.นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา อดีตเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

๗.นายสุทธิพล ทวีชัยการ อดีตเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
……………………………

เคยอ่านกาพย์กลอนเรื่อง “พระไชยสุริยา” กันมั้ย?

“สุนทรภู่” ท่านแต่งเพื่อให้อ่านเป็นแบบเรียน-แบบศึกษาภาษาไทย ทั้งมีคติธรรม “สะท้อนสังคม” สะกิดใจ

เอามาพูดกันประจำยุคนี้ ก็ตรงคำว่า “พาราสาวะถี” ที่มา ก็มาจากกาพย์กลอน “พระไชยสุริยา” นี่แหละ

ผมว่าบ้านเมืองตอนนี้ หลายๆ อย่างใกล้เป็น “พาราสาวะถี” ท่านสุนทรภู่เขียนล่วงหน้าไว้ยังกะมี “อนาคตังสญาน”

“พาราสาวะถี” ใน “พระไชยสุริยา” ไม่มีเทวดา
แต่พาราสาวะถี ในยุค “มีเกียรติ-มีศักดิ์ศรี-มีกิน-มีใช้” มีเทวดาประทับกำกับอยู่
องค์นี้ “ขลังที่สุด” ประชาฝักถั่วไทยขนานนามว่า “เทวดาเหนือคุก”

เทวดาองค์นี้ “ดลบันดาล” ได้ทุกอย่างในสาวะถีประเทศ
อยากให้ “กิตติรัตน์” เป็นประธานบอร์ดฯ”
ก็ ดลบันดาลให้ “๗ สัตบุรุษ” เลือกให้กิตติรัตน์เป็น ชนิดหมอบราบคาบเกือก

อยากทับซ้อน…
ก็ดลบันดาล ให้เกาะกูดส่วน “โผล่พ้นน้ำ “เป็นของไทย แต่แผ่นดินเกาะกูดส่วน “ใต้น้ำ” ในอ่าวไทย ซึ่งมีก๊าซ-มีน้ำมัน เป็น “พื้นที่ทับซ้อน” ซะงั้น!?

มิใยที่ใครจะ “กระแอม-กระไอ” ข้ารับใช้ในการเมืองก็ไม่ฟังใครทั้งนั้น นอกจากเทวดา จนมีเสียงตะโกนถาม
“พวกมึงจะมูมมามแบบ” มาไว-เคลมไว “กันไปถึงไหน?”

รีบๆ ลนๆ ให้ตั้งโต๊ะเจรจา….
นัยว่าแอบตกลงสัมปทานขุดเจาะกับบริษัทต่างชาติไว้แล้วสมัยเรืองอำนาจ ตอนนี้ “น้ำขึ้น-รีบตัก” เพราะรู้ตัว
“กรรมชั่ว” เริ่มตามสนอง

ดังนั้น “กรรมส่วนกรรม” แต่ “ส่วนระยำ” กูขอโกยก่อน!
เหมือนตอนท้ายกาพย์ “พระไชยสุริยา” เปี๊ยบ นี่ไง…

“พาราสาวะถี ใครไม่มีปราณีใคร
ดุดื้อถือแต่ใจ ที่ใครได้ใส่เอาพอ
ผู้ที่มีฝีมือ ทำดุดื้อไม่ซื้อขอ
ใส่คว้าผ้าที่คอ อะไร่ล่อก็เอาไป

ข้าเฝ้าเหล่าเสนา มิได้ว่าหมู่ข้าไทย
ถือน้ำร่ำเข้าไป แต่น้ำใจไม่นำพา
หาได้ใครหาเอา ไพร่ฟ้าเศร้าเปล่าอุรา
ผู้ที่มีอาญา ไล่ตีด่าไม่ปราณี

ผีป่ามากระทำ มรณกรรมชาวบูรี
น้ำป่าเข้าธานี ก็ไม่มีที่อาไศรย
ข้าเฝ้าเหล่าเสนา หนีไปหาพาราไกล
ชีบาล่าลี้ไป ไม่มีใครในธานี”

อาจารย์ “ศรีศักร วัลลิโภดม” ที่ผมเคารพนับถือ ท่านเคยนำกาพย์กลอน “พระไชยสุริยา” ลงไว้ใน จดหมายข่าว “มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์”

และท่านเขียนอธิบายความในตอนนี้ไว้ว่า

เมืองไทยทุกวันนี้เหมือน “สาวะถี” ไม่มีใครปรานีใคร ผู้คนพลเมืองเกือบทุกท้องถิ่นในทุกภูมิภาค
ถูกแย่งที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย และทรัพยากรธรรมชาติจนสิ้นเนื้อประดาตัว

เสาหลักทั้งสามของการปกครองที่เรียก “ประชาธิปไตย”
คือ อำนาจนิติบัญญัติ, รัฐบาล และตุลาการ หมดสภาพ ระส่ำระสาย….

ไปตกอยู่ในเงื้อมมือของกลุ่มทรราช อันประกอบด้วยนักการเมืองที่ชั่วร้าย ข้าราชการที่ทุจริต นักวิชาการที่ขายตัวต่อทุนข้ามชาติ ที่เหนือรัฐและเหนือตลาด

สถาบันทางศาสนา ก็ไม่เหมือนเดิม….
เพี้ยนไปทางไสยศาสตร์และบริโภคนิยมในหมู่อลัชชี ที่แข่งที่อยู่อาศัยและขับไล่ผู้คนในชุมชนที่อยู่มาแต่ดั้งเดิม

สถาบันที่รักษาความมั่นคงภายใน เช่นตำรวจ ก็เป็นมิจฉาชีพ
ในขณะที่ “สถาบันทหาร” ที่มีหน้าที่ปกป้องแผ่นดินและอำนาจอธิปไตย ก็ขายแผ่นดิน

ยินยอมให้ศัตรูเข้ามาครอบครองและจับผู้คนไปขังคุก ดังเช่นกรณีเขาพระวิหาร และพื้นที่ในเขตจังหวัดทางภาคตะวันออก

สถาบันศาลและตุลาการก็ขาดความรู้และความเข้าใจจนตัดสินเอาผู้คนที่รัฐออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ทำกินไปขังคุกจนเจ็บป่วยล้มตาย

“หาได้ใครหาเอา ไพร่ฟ้าเศร้าเปล่าอุรา ผู้ที่มีอาญา ไล่ตีด่าไม่ปรานี”

ทุกวันนี้ แทบทุกพื้นปฐพีของบ้านเมืองถูกทุนเหนือรัฐและเหนือตลาดเข้ามาครอบครอง จนผู้คนแทบไม่มีที่อยู่อาศัย
เหมือนกับข้อความที่ว่า “ผีป่ามากระทำ มรณกรรมชาวบูรี น้ำป่าเข้าธานี ก็ไม่มีที่อาไศรย”

ในขณะที่บรรดาเดรัจฉานทั้งหลายคือ “ข้าเฝ้าเหล่าเสนา หนีไปหาพาราไกล ชีบาล่าลี้ไป ไม่มีใครในธานี”
คงไม่นานเกินรอ โอ้! สยามประเทศ…

ศรีศักร วัลลิโภดม

เปิดประเด็น :จดหมายข่าวมูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ ฉ.๘๙ (มีนาคม-เมษายน ๒๕๕๔)

ผลคัดเลือกตัว “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” เมื่อวานก็พิลึก
เลือก “ในที่ลับ” เสร็จ

ออกมา “ในที่แจ้ง” “คุณสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์” ประธานคณะกรรมการคัดเลือก ก็อธิษฐานจิต “รายงานตรง” เฉพาะเทวดา
แล้วก้มหน้าก้มตา หนีนักข่าวขึ้นรถ ไปไหนเรื่องเขา!

ไม่ (กล้า) บอก ว่าเลือกใครเป็นประธานบอร์ดฯ
เป็นความลับระดับชาติ ต้องส่งให้ “คณะรับเชิญกินมาม่า(ครม.)ก่อน!”

ถ้าตอบตอนนั้น ผมว่าสถิตย์กลัวคนคัดค้านที่รอฟังผลอยู่ที่นั้นตื้บเอามากกว่า แต่ตดประธานยังไม่ทันหายเหม็น ข่าวก็เซ็งแซ่ “กิตติรัตน์” ตาม “ออเดอร์”!

สรุป “เทวดาหนือคุก” เหนือทุกสิ่งในประเทศนี้ “สุดต้าน”

“รัฐบาล, รัฐสภา, ตุลาการ, การคลัง, การเงิน, การแพทย์, การตำรวจ, การทหาร, การพระ และการคุก”

ทั้งหมด…ตรง!!!
บารมีอธรรมไม่ต่างไฟลุกไหม้ปลายลำไส้เทียน
จะลุกโพลงส่งท้าย

แล้วเปลวไฟก็ “จมดับ” ไปกับน้ำตาเทียน ที่ละลายเป็น “ฉากสุดท้าย” อวสานเทวดา!

เปลว สีเงิน
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from plew
ทำไมจึงไล่นายกฯ? – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน เข้าพรรษา “พระเคร่งศีล” ยัง ๓ เดือน แล้วเรา-ชาว “กทม.และปริมณฑล” “มินิล็อกดาวน์” เคร่งวินัยกัน ๑๔...
Read More
0 replies on “สาวะถี “เทวดาเหนือคุก” #เปลวสีเงิน”