29 ตุลาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เลิศสงคราม ปลัดอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม 1 ใน 14 จำเลยคดีตากใบ ปรากฎตัวมาทำงานเมื่อวันที่ 26 ต.ค.หลังจากคดีหมดอายุความ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแสวิพากวิจารณ์ต่างๆ ว่า
ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากที่ทราบข้อมูลเบื้องต้นทราบว่านายวิษณุได้แจ้งลา ช่วงวันที่ 16 – 18 ต.ค.67 โดยระบุว่าลาพักผ่อน แต่ภายหลังได้รับหมายจากตำรวจมาดำเนินคดีในวันที่ 15 ต.ค. นายอำเภอท่าอุเทนได้ยกเลิกใบลา และสั่งให้นายวิษณุเข้ารายงานตัว
แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้มารายงานตัวและมีการลาเพิ่มเติมทำให้ขาดราชการ 6 วัน แต่ก็ยังไม่ถือว่าขัดระเบียบ เพราะตามระเบียบให้ลาได้ 15 วัน จึงจะไล่ออกได้ ฉะนั้น ในกรณีนี้จึงต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน ว่าในเมื่อในอำเภอเรียกตัวแล้วเหตุใดจึงไม่มารายงานตัว ซึ่งเราต้องฟังเขาก่อน ส่วนบทลงโทษต้องเป็นไปตามระเบียบ
เมื่อถามว่า จะมีการสอบจริยธรรมหรือไม่ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ใช่ เคยบอกไว้ว่าคนพวกนี้คงไม่ได้อยู่อย่างสุขสบาย เพราะมีแรงกดดันมหาศาลจากสังคม
“เปลี่ยนชื่อเป็น “เอ๊ะ” ได้เลย เพราะเจอชื่อนี้เมื่อไหร่ก็ต้องเอ๊ะไว้ก่อน ซึ่งเป็นโทษทางสังคมที่เขาจะได้รับ” นายอนุทิน กล่าว
ถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อการเติบโตทางราชการของนายวิษณุหรือไม่ รมว.มหาดไทยตอบว่า สำหรับตนคิดว่ากระทบ สมมติเขาเติบโตไปถึงจุดหนึ่งแล้วมีชื่อปรากฏขึ้นมาต้องมีคำว่าเอ๊ะแน่นอน แต่ตนต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
ซักว่า จะสั่งย้ายไป อ.ตากใบ จ.นราธิวาส หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าตนสั่งก็ผิดเพราะไม่สามารถก้าวก่ายข้าราชการประจำได้ เพราะเป็นอำนาจของปลัดกระทรวงมหาดไทย
เมื่อถามว่า มีข้อเสนอให้ตัดบำเหน็จบำนาญของนายวิษณุ นายอนุทิน กล่าวว่า การจะลงโทษอะไรใครก็ต้องยึดตามระเบียบ เพราะหากทำผิดระเบียบจะถูกฟ้องได้