เปลว สีเงิน
วันนี้ ผม….
“บอสเปลว” มาแจกการ์ดครับ!
จันทร์ที่ ๒๑ ตุลาคม นี้ ….
ปีที่ ๒๘ ขึ้นปีที่ ๒๙ ไทยโพสต์ “ตำรับเจ้าคุณปู่” ของแท้
ขอเชิญทุกท่าน…….
“ทั้งที่ชอบ-ทั้งที่ชัง” เชิญมามองหน้า-จ้องตากันให้ชัดๆใน “วันครบรอบ ๒๘ ขวบ” ที่สำนักงานไทยโพสต์ให้ชื่นใจกันหน่อย
เชิญให้มาแต่เช้าได้เลย ไม่ต้องกินข้าวก่อนมาให้หนักท้อง กระเช้าดอกไม้ ถ้าจะเอามา ขอเปลี่ยนเป็นของกินได้ จะได้นำไปแจกจ่ายต่อ
มาหากาแฟ อาหารเช้า ซึ่งผม ก็ไม่ทราบว่ามีอะไรบ้าง เพราะไม่ได้จัดหา เพียงแต่ใช้หลักสถิติที่ผ่านมา ๒๗ ปี ว่า พอถึงเวลา “มากท่าน-มากเจ้า” จำไม่หมด ว่าใครต่อใคร ขนข้าวปลา ขนูกขนม น้ำท่า มาเรียงแผงเหมือน “ตลาดท้ายวัง” ครั้งอดีตให้เลือกชิม จนคนกินท้อไปเอง
อิ่มแล้วเดินเขย่าท้อง ไปจองทุเรียนจากต้นที่ผมปลูกไว้เมื่อเดือนที่แล้วก่อนก็ได้
อีกซัก ๔-๕ ปี คนขายกิ่งตอนบอกว่า ถ้าไม่ตายน่าจะได้กินลูก
ผม-คนปลูกไม่ตาย หรือต้นทุเรียนที่ตอนกิ่งไม่ตาย ก็ไม่แน่ใจนะ คนขายพูดกำกวม น่าซักกร้วมจริงๆ
แต่รับประกันครับ ลองปลูกประชิดติดชายคลองเมืองนนท์ซะขนาดนี้ ถ้าใครว่าต้นของผมไม่ใช่ “ทุเรียนนนท์ฯ” แท้
รับรอง… “มีเคือง”!
แค่มี “คลองบางเขน” ผ่ากลาง ฝั่งขะโน้น-นนท์ฯ ฝั่งขะนี้-พระนคร เท่านั้นเอง!
พอซัก ๕ โมงเช้ากว่าๆ ผมก็ว่า สรรพาหารเพื่อบริการมื้อเที่ยง น่าจะลำเลียงมาให้ท่านเลือกชิมตามชอบแล้วหละ
ที่ผม “บอสเปลว” เชิญทุกท่านมา ก็ด้วยเจตนานี้
เชิญมาดูว่า ไทยโพสต์ “หนุ่มวัย ๒๙ ปี” หล่อเหลาขึ้นหรือเหล่เหย่ เท่านั้นแหละ
ไม่มีการเชิญชวนร่วมลงทุน ไม่มีการหว่านล้อมให้เอาสินค้าไปขาย ไม่มีการเชิญหวังชะเง้อรอกระเช้าเลี้ยงชีวิต
เพียงเชิญทุกท่านมากินอาหารให้สนุกสนานบันเทิงท้องมือเช้า-มื้อเที่ยง-มื้อบ่าย เรื่อยไปถึงเย็นค่ำด้วยกันตามสบาย ไม่มี “พิธีรีตอง” ใดๆ ทั้้งสิ้น……
มาก็ “ตัวใคร-ตัวมัน” ทุกท่านล้วนเป็น “หุ้นส่วนชีวิต” ไทยโพสต์ ด้วยกันทุกคน
ดังนั้น เมื่อทุกท่านมาถึง ก็ตามถนัด-ตามสบาย เจอหน้าก็ทักทายกัน
ไม่อยากเจอ ก็หาอะไรทาน นั่งคุย นั่งเล่นไปชิลๆ เพราะงานนี้ เป็นงานของทุกท่าน อยากกลับตอนไหน ก็ตามสบายอีกเหมือนกัน
ถ้าไม่มีท่านทั้งหลาย ก็ไม่มีไทยโพสต์วันนี้ ขอทุกท่านจงระลึกถึงความจริงตรงนี้!
อ้อ…เกือบลืมบอก
มาไทยโพสต์ ถ้าไม่ได้สบู่ “มาดามเฮง” ติดมือกลับไปเหมือนไม่ได้มา ฉะนั้น ปีนี้ก็เช่นกัน
ท่านมา ก่อนกลับ ถามหา “มาดามเฮง” คู่บุญ-คู่บารมี “ซึ่งกันและกัน” ติดมือกลับไปบ้านด้วย
แต่ปีนี้ “ทั้งปี” ยังไม่ได้เจอหน้ากล่าววาจาขอบคุณ “คุณวรรณชัย-เสี่ยขาว” เจ้าของผลิตภัณฑ์มาดามเฮงเขาเลย
นี่ผมก็คุยฉุ่ยล่วงหน้าไปงั้น …….
ยังไม่รู้เหมือนกัน ว่าปีนี้ คุณวรรณชัยจะให้พนักงานมาตั้งบูธแจกเป็นตัวอย่างหรือเปล่า ผมมันคนเคยได้ ก็เลยเคยตัวเป็นนิสัย
แต่ถ้าเจอคุณวรรณชัย จะได้บอกว่า เซรั่ม Madame Heng Drop Aging Lotion “โลชั่นใส สูตรต้นตำรับมาดามเฮง” เจ๋งจริง
ผิวหน้าผม “กล้วยตาก” ร้อยแดด ก็ประมาณนั้น
แถมแพ้น้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา คือประเภทออยล์ต่างๆ ทาแล้วเป็นต้องขึ้นเม็ดผื่นคัน
แต่โลชั่นใส “มาดามเฮง” ถูกกันดี ใช้ไป-ใช้มา ก่อนๆ คนเรียกคุณลุงบ้าง คุณปู่บ้าง ตามประมาณการผิวหน้า เพราะเหี่ยวย่นตามวัยแล้ว ยังแห้งเป็นขุย
หลังจากอาบน้ำแล้วใช้เซรั่มมาดามเฮง ผิวที่แห้งเป็นขุยค่อยดูเหมือนเนื้อไม้ที่ได้น้ำมันชะโลม
ที่สำคัญคือ ก่อนๆ เคยซื้อเซรั่มของฝรั่งขวดละหลายพันมาใช้ มันก็งั้นๆ
ลองใช้ “เซรั่มมาดามเฮง” ที่เขาแถมเป็นตัวอย่างไปกับสบู่มาดามเฮงบางรุ่นดู
จะด้วย “ผิวไทย-ถูกกับของไทย” หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ สำหรับผมนะ…..
จาก “หน้าแล้งน้ำ” ค่อยๆเป็น “หน้ามีน้ำ” ขึ้น นี่คนเขาทัก ไม่ใช่เพราะผมหลงน้ำหน้าตัวเอง
ก็ด้วย “เซรั่มมาดามเฮง” ขวดละระดับร้อยกว่าบาทเท่านั้น!
ไม่ใช่มาเป็นพรีเซนเตอร์ “เซรั่มมาดามเฮง” โฆษณาชวนเชื่อนะ หากแต่ผม-บอสเปลวใช้เอง และกำลังไปขอเสี่ยขาวมาใช้ต่อไปเรื่อยๆ
เพราะของเขาดีจริง “สำหรับผม”
แต่สำหรับคนอื่น อยู่ที่ “ผิวใคร-ผิวมัน” ต้องลองใช้กันดูเอง
บอกได้อย่างเดียว เราไม่จำเป็นต้องใช้ของนอก ขวดละค่อนหมื่นหรือกว่าหมื่น โดยที่ของไทยเราเองขวดละไม่กี่ร้อย แต่ได้ผลจริง จากที่ผมทดลองมาแล้ว
ผิวคนไม่เหมือนกัน….
ยิ่งเมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะแพ้ง่ายขึ้น ก่อนอายุ ๕๐ ยาหม่องที่ว่าแรงๆ ผมทาแบบชะโลมเลยนะ
ทั้งจมูก ทั้งนวดขมับ นวดคิ้ว ให้มันหายใจโล่ง หายมึนหัว ก็ไม่เห็นเป็นไร ไม่แพ้ใดๆ ทั้งสิ้น
พอแก่ตัว ยาหม่อง น้ำมันเหลือง ครีมทาแก้ปวดเมื่อย ประเภทร้อนๆ กระทั่งพลาสเตอร์ปิดแผล ผิวคนแก่ “แพ้หมด”
ทาพวกนี้ทีไร ได้เรื่องทีนั้น
ผื่นคันเป็นเดือนๆ ถึงจะหาย ประเภท เบบี้ออยล์ เคยอาบน้ำแล้วใช้ลูบตัว ก็ใช้ไม่ได้ ใช้แล้วผื่นคันทันที
แต่ Madame Heng Drop Aging Lotion โลชั่นใส สูตรต้นตำรับมาดามเฮง กลับถูกกับผิวคนสูงอายุอย่างผม กลายเป็น “ของต้องใช้” ประจำวันไปแล้ว
เอ้า…ไหนๆ คุยเรื่องครอบรอบวันเกิดไทยโพสต์ ก็คุยซะให้สม “ราคาคุย” ไปเลย
เดี๋ยวนี้ “ไทยโพสต์” เขาพัฒนาแล้วนะ
นอกจากหนังสือพิมพ์ อ่านก็ได้ ใช้รองเข่งก็ดี ไม่ฟรี ฉบับละ ๑๕ บาท แต่ถึงมีสตางค์เป็นถังเป็นกระสอบ ก็ใช่ว่าจะหาซื้อได้
จะอ่านไทยโพต์ “ต้องใช้เส้น” ครับ!
ต้องบอกรับกับเอเยนต์ตามแผงขายหนังสือพิมพ์ทั่วไปไม่งั้นเขาไม่สั่งไปขาย เพราะไทยโพสต์ไม่ใช่หนังสือพิมพ์ “คอตลาด”
ผมก็เลยหยิ่ง……
พิมพ์ส่งเฉพาะรายที่ “สั่งไปขายลูกค้า” ตามสั่งเท่านั้น ไม่ว่าในกรุงเทพและตามต่างจังหวัด “ทั่วประเทศ”
“ปริมาณ” ไม่ใช่ตัวบอก “คุณภาพ”
แต่ “คุณภาพ” เป็นตัวค้ำยัน “สังคมปริมาณ”
เหมือนเหล้า ดื่ม “ทั้งขวด” ไม่เมา “ดื่มแก้วเดียว” กลับเมาหัวทิ่ม นั่นไม่ใช่เพราะปริมาณ
“เมา-ไม่เมา” มันอยู่ที่ “จำนวนดีกรี” ในแอลกอฮอล์ที่ดื่มตะหาก!
หรืออย่างสังคม “ประชาธิปไตย” รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยเฉลี่ย จะสะท้อน “ปริมาณ” มากกว่า “คุณภาพ”
ไม่จำเป็นต้องให้ผมยกตัวอย่างนะว่า เช่น “รัฐบาลไหน”!
หนังสือพิมพ์ “ทั่วโลก” ในท้ายศตวรรษที่ ๒๐
เหมือนกันหมด
กลายเป็นสื่อบ่งบอกวรรณะและทัศนคติทางสังคมทั้งคนทำและคนอ่านไปแล้ว
ในเมื่อ “คนอ่าน” เลือกซื้อยี่ห้อที่เสนอข่าวตรงจริต “คนผลิต” อยากขายได้ (เยอะๆ) ก็ต้องทำคอนเทนต์สนองตอบ
ในเมื่อคนอ่าน “ซื้ออ่านตามจริต”
ผม “คนผลิต” ก็เลยเอามั่ง ผลิต “ตามจริตผมเอง” ซึ่งเป็นคนทำ
ข่าวสัตว์ในป่าไม่ลง ลงแต่ข่าวสิงสาราสัตว์ตามสภา ดาราวันนี้ “ใครได้ใคร-ใครเลิกใคร” ก็ไม่เอามาพาดหัวหน้าหนึ่ง
ยิ่งใกล้วันหวยออก สำนักไหน ต้นไม้ป่าไหน เถ้าธูปในกระถางเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ไหน และน้ำมนต์หยดเป็นเลขอะไร ก็ไม่สรรนำมาสนอง
ไทยโพสต์เลยชักแหงกๆ…
คน “คอเดียวกัน” บ่นอู้ ว่าหาซื้อทองง่ายกว่าหาซื้อไทยโพสต์ตามแผง!
ก็แหงละ “ทองทางสมองคิด” จะหาได้ง่ายกว่า “ทองแรงงานถลุง” ได้อย่างไร จริงมั้ย?
เพราะอย่างนั้น วานซืน มีผู้อ่านที่นครพนมโทรมา ให้ผมเก็บไทยโพสต์บางฉบับไว้ให้เขา บินมากรุงเทพฯ แล้วจะมารับที่ไทยโพสต์
ถามว่า ทำไมไม่ไปซื้อที่ร้านหนังสือพิมพ์ล่ะ เขาบอกที่นครพนมไม่มีหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ขาย
ถามคนขาย… เขาบอกว่า “ไทยโพสต์เจ๊งไปนานแล้ว!?”
เขาก็ยืนยันกับคนขายว่า “ไม่เจ๊ง… ยังอ่านในเว็บอยู่เลย” ผมก็เลยอธิบายให้เขาฟัง…..
ท่านผู้นั้นจึงเข้าใจ “ธุรกิจสื่อ” ที่ถูกสังคมปริมาณควบคุมและเป็นผู้กำหนดคุณภาพสื่อปัจจุบันไปแล้ว!
ฉะนั้น จึงขอบอกตรงนี้อีกนิดว่า ไทยโพสต์ยัง “อยู่ดี-มีแฮง” กำลังตะกายขึ้นปีที่ ๒๙ วันจันทร์ที่ ๒๑ ตุลา.นี้แล้ว
นอกจาก “หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์” เป็นรากแก้ว วันนี้ ยังแตกกิ่งก้าน และรากฝอย
เป็นโทรทัศน์ออนไลน์ เว็บไซต์ไทยโพสต์ ยูทูบ และ X ดูฟรี-อ่านฟรีกันได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง นอกเหนือจากตัวหนังสือพิมพ์
สรุป……
จันทร์ที่ ๒๑ ตุลา.ท่านไม่รู้จะไปไหน ก็นั่งรถหรือขับรถหรือจะเดินมาก็ได้ ตั้งแต่เช้าเลย
มาตามถนนประชาชื่น เลาะเลียบคลองประชาชื่น มาเรื่อยๆ จนถึงซอย ๔๖ ประชาชื่น
ถ้ามาจาก สี่แยกพงษ์เพชร ข้ามสะพานมานิด จะเจอไฟแดง เลยมาอีกนิด จะมีไฟเหลืองกะพริบ เพราะทางซ้ายมือเป็น “โรงเรียนเพชรรัตน์”
ซอย ๔๖ ประชาชื่น จะอยู่ด้านขวามือ ท่านก็เลี้ยวเข้ามาในซอยซัก ๓-๔ คืบ ก็เจอเลย ไปไหนไม่รอดแล้วหละ
เพราะสุดซอย ก็จ๊ะเอ๋ “ไทยโพสต์” พอดิบ-พอดี!
แต่ถ้าท่านมาจากทางเตาปูน ก็ขับตรงยาวไปลูกเดียว ไม่ต้องวอกแวกจะเลี้ยวซ่าย-เลี้ยวขวา ข้าม สี่แยกประชานุกูล
ซ้ายมือเป็น “โรงพยาบาลเกษมราษฎร์”
ก็ขับตรงไปเรื่อยๆ อีกซักพัก จนถึงไฟแดงหมู่บ้านประชานิเวศน์ ๑ ขวามือเป็นทางไปวัดเสมียนนารี และตลาดบองมาเช่
ยังไม่ต้องเลี้ยว เลี้ยวผิดชีวิตจะเปลี่ยนทันที อดทนไว้
ตรงไปอีก ใกล้ถึงแล้ว….
“ซอย ๔๖ ประชาชื่น” อยู่ทางซ้ายมือ เห็นไฟเหลืองกะพริบๆ เพราะขวามือเป็นโรงเรียนเพชรรัตน์ นั่นแหละ
ถึงแล้ว… เลี้ยวเข้าซอยมาเลย
ผมยืนเด๋อด๋า แต่เด่นสง่า-ชราหง่อม คอยอยู่
แล้วพบกันนะ!