เปลว สีเงิน
บอกว่า “โลกแตก”
เพราะ “ยิว-อาหรับ” เปิดฉาก “สงคราม” แล้ว คนไทยเฉยๆ
แต่เมื่อวาน (๘ ตุลา.๖๗)
คุณ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เลขาฯพลังประชารัฐ ประกาศ
“วันนี้ได้รับการยืนยันล่าสุดแล้วว่า จะเป็นวันที่ ๑๐ ตุลา. แน่นอน
ซึ่งวันนี้ ๘ ตุลา.เหลือเวลาไม่ถึง ๔๘ ชัวโมงแล้ว
ที่พรรค “แกนนำรัฐบาล” พรรคหนึ่ง อาจจะล่มสลายได้
โดยในวันที่ ๑๐ ตุลา.สื่อมวลชน จะได้ทราบเวลา ๐๗.๐๐ น.เป็นต้นไป จะแจ้งให้ทราบ
ว่าเรื่องอะไร ที่ไหน เวลาเท่าไหร่ ผมยืนยันว่า เป็นเรื่องใหญ่ และอาจจะพัฒนาไปสู่บทจบของพรรคแกนนำรัฐบาล”
เท่านั้นแหละ ทั้งประเทศเหมือนตูดติดสปริง “เด้งผึง” ไปตามๆ กัน
บางคนไซต์จัดถึงขั้น “หงายท้องตกเตียง” ถามวุ่นวาย พรรคไหนวะ “แกนนำ” ที่ไพบูลย์กระต๊ากว่า “จะนำไปสู่บทจบ”?!
พรรค “แกนนำรัฐบาล” ก็มีพรรคเดียวคือ “พรรคเพื่อไทย”
จะว่าเป็น “พรรคภูมิใจไทย” ก็ไม่น่าใช่
เพราะ “ภูมิใจไทย” เป็น “พรรคแก่นใน” ของ “พรรคแกนนอก” อีกทีมากกว่า!
คุณไพบูลย์ทำคน “ตาค้าง” ทั้งคืนนี้เลยนะ…แบบนี้ ถ้ารุ่งขึ้น ๗ โมงเช้า ของ ๑๐ ตุลา.
รัฐบาลเพื่อไทย ยังกินดี-อยู่ดี-มีเกียรติ-มีศักดิ์ศรี-มีไอแพดเป็นคัมภีร์ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นละก็
“เสียหมา” เลยนะ…คุณไพบูลย์
แถม “พลังประชารัฐ” และลุงป้อม พลอยล้มละลายทางความเชื่อถือ “เสียทั้งคน-เสียทั้งพรรค” ในตลาดการเมืองไปเลย!
มีเรื่องอะไรบ้างล่ะ……
เป็นเหตุนำสู่จุดวิบัติทางการเมืองของนายกฯแพทองธารและพรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำรัฐบาล?
ผม “มองไม่เห็น” นะ
ที่ไม่เห็นเพราะ “จุดสลบ” ของนายกฯ และรัฐบาล พรุนรอบตัวไปหมด เรียกว่า “แตะตรงไหน-สลบตรงนั้น”!
นักข่าวถาม รมว.กห.ภูมิธรรม ถึงเรื่อง “นายกฯ คนละครึ่ง” ว่าเป็นได้มั้ย………
“ช่วงกลางตุลา.จะเปลี่ยนตัวนายกฯ โดยเอา “นายกฯคนนอก” มาเป็น?”
“นายกฯ น้อย” บอก “อย่าไปคิดเลย คิดก็ปวดหัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เพิ่งจะมาทำงานได้ ๑ เดือนเอง อะไรจะไปเร็วขนาดนั้น?
และเรื่อง “รัก ๑๐ ล้อ รอ ๑๐ ตุลา.” ที่นายไพบูลย์เป็นพรายกระซิบ เมื่อนักข่าวถาม นายภูมิธรรมที่หน้าแดงเป็นกวนอู ตอบตามสไตล์
“……….ได้ยินที่นายไพบูลย์พูด ก็ยังนั่งคิดอยู่ว่า มันมีอะไรที่รัฐบาลทำผิดหรือ จะต้องล่มสลาย?”
(โอ๊ย…จาระไนไม่หมดหรอกท่าน)!
จะว่าไป นายภูมิธรรมก็น่ารักเหมือนลุงป้อม จะต่างกันนิด ลุงป้อมแค่ ๑ ไม่ คือ “ไม่รู้”
แต่นายภูมิธรรม มีถึง ๒ ไม่ คือ “ไม่เกี่ยว” กับ “ไม่รู้ทราบ”
นักข่าวถาม เกี่ยวกับ “ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจมั้ย?”
นายภูมิธรรมว่า “เรื่องชั้น ๑๔ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล”
เรื่อง “พลเอกพิศาล พัฒนวงษ์คีรี” สส.เพื่อไทย หนีศาล คดีสลายชุมนุมหน้าสภ.ตากใบ ปี ๔๗ ยุคทักษิณ มีคนตาย ๗๘ ศพ ซึ่งคดีจะหมดอายุความ ๒๕ ตุลา.นี้
นายภูมิธรรม ก็บอก เรื่องนี้ “ไม่เกี่ยวกับพรรค”!?
นักข่าวถามเรื่อง “เนวิน” ไปพบ “ทักษิณ” ที่จันทร์ส่องหล้า ฮือฮากันอยู่ตอนนี้
นายภูมิธรรม ก็บอก “ผมยังไม่ทราบว่าเขาพบกัน”
เหมือนตอน “พรรคร่วม” ถูกเรียกเข้าจันทร์ส่องหล้า ไปตกลงให้ชัยเกษมเป็นนายกฯ หลัง “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยให้ “เศรษฐา” พ้นนายกฯ
นั่น…คนทั้งเมืองทราบเพราะเห็นบรรดารถพรรคร่วมวิ่งเข้าจันทร์ส่องหล้าคาจอโทรทัศน์
นายภูมิธรรมคนเดียวบอก “ไม่ทราบ..ไม่รู้..ไม่เห็น”
ทำเอา “ลุงป้อม” ของผม ม้วนต้วนเป็นกิ้งกือเขิลลล!
จะว่าไป……
การที่นายไพบูลย์ออกมาย้ำเรื่อง “แกนนำรัฐบาลพรรคหนึ่งอาจจะล่มสลาย” ให้นักข่าวเฝ้าจับตาดูตอน ๗ โมงเช้า วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ตุลา.นั้น
เข้าตำรา “ไม่มีมูลฝอย หมาไม่ขี้”!
ถ้าพูดหนเดียว แล้วเงียบ พอตีความได้ว่า ไพบูลย์-พลังประชารัฐ เกไพ่ เด็จพี่พร้อมพงศ์-เพื่อไทย
แต่นี่… พูดวันก่อน แล้วเมื่อวาน ออกมาย้ำจริงจังเป็นตุ-เป็นตะ ประจวบกับจู่ๆ มีข่าว
“เนวิน ชิดชอบ” ที่ “ผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ” กับ “ทักษิณ ชินวัตร” มาร่วม ๒๐ ปี เดินทางเข้าไปพบทักษิณที่จันทร์ส่องหล้า
โดยรัฐมนตรีมหาดไทย….
“นายอนุทิน ชาญวีรกูล” ร่วมไปเป็น “น้ำประสานทอง” ในวัน “สุริยันจันทร์จูบ”!
“สุริยคราส-จันทรคราส” เป็นปรากฎการณ์จักรวาล มีอิทธิพลส่งผลต่อมนุษย์บนโลก
แต่เมื่อ “สุริยัน-จันทร์จูบ” ๑๘ ปี จะมีเป็นปรากฎการณ์สักครั้ง ซึ่งครั้งนี้ ประจวบรัฐบาลเพื่อไทยพอดี
ที่จะไม่มีอิทธิพลส่งผลต่อการเมืองไทยด้านใด-ด้านหนึ่งนั้น เห็นจะมิเป็นเช่นนั้นดอก
เลยสอดประสานขานรับกับข่าว ๑๐ ตุลา.ของคุณไพบูลย์ แต่มันคืออะไร ผมก็ต้องตอบตามสไตล์ท่านรองนายกฯภูมิธรรม+ลุงป้อม
“ไม่รู้”
แล้วมันเกี่ยวกับความล่มสลายของพรรคแกนนำรัฐบาลด้วยเรื่องอะไร?
“ไม่ทราบ”!
ถามว่ามีอะไรผิดมั้ย ที่คนทั้ง ๓ รัฐมนตรีมหาดไทย-เนวิน-ทักษิณ จะพบและกินข้าวกัน
ทั้งนิตินัย, พฤตินัย ไม่มีอะไรผิด เพราะตอนนี้ ทักษิณเขามี “ใบบริสุทธิ์” แล้ว จะพบปะกับใคร ก็เป็นเรื่องปกติ
ส่วนนายเนวิน ไม่มีอะไรต้องห้ามทางการเมือง เพียงแต่ตัวเขาไปบ้ากีฬาในสนามแข่งแทนเข้าไปบ้าการเมืองในสภา
เรื่องพรรค เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นสมาชิก ก็ใช่……..
แต่อยู่วงนอกให้ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” เข้าไปคลุกวงใน ดังนั้น “เนวิน-ทักษิณ” เกี่ยวก้อยหรือชนโป้ง มี “อนุทิน” เป็นกรรมการ ก็ไม่ผิดกติกาอะไร
แต่มันเป็นปรากฎการณ์สร้างความ “เอะใจ” ให้สังคมการบ้าน-การเมืองเท่านั้นแหละ!
“ทักษิณ-เนวิน” ดีกัน ผมไม่เอะใจ ดีใจด้วยซ้ำ ที่เห็นคนโกรธกัน หันมาคืนดีกัน
แต่เอะมาก ในความเป็น “แก่นและแกน” รัฐบาลปัจจุบันจากพรรคทั้งสอง
ถ้าไม่มีเหตุ “สำคัญ-เร่งด่วน” ชนิดคอขาด-บาดตายอย่างใด-อย่างหนึ่งแล้วละก็
ผู้ยิ่งใหญ่ “ฝ่ายแดง” และ “ฝ่ายสีน้ำเงิน” ไม่จำเป็นต้องไปพบปะพูดจาเพื่อ “แปรศาสตราเป็นแพรพรรณ” โดยตรงเช่นนี้หรอก
ประเด็นอยู่ที่ว่า……..
การพบปะพูดจากันนี้ เป็นไปเพื่อดำรง-รักษา “ประโยชน์ชาติ-ประชาชน” ผ่านทางการเมือง
หรือเป็นไปเพื่อ “แบ่งผลประโยชน์” ชาติบ้านเมืองและประชาชนไปเพื่อ “ประโยชน์ร่วม” ตัวเอง ผ่านทางการเมือง?
การเมืองมันเรื่อง “กระดานหก” นั่นคือธรรมชาติของมัน
แต่การป้องกัน-รักษา “สังคมชาติบ้านเมือง” ร่วมกันมิให้หก บนกระดานหกการเมือง
ตรงนี้แหละ เราควร “เพ่งเล็ง” แล้วประเมินผลว่าจะเป็นไปในทางไหน จากเหตุการณ์วันที่ ๑๐ ตุลา. (ถ้ามีจริง) ตามนายไพบูลย์กระปูดข่าว!
ไตรงค์ มี “แดง-ขาว-น้ำเงิน”
ผิดจาก ๓ สี นี้แล้ว ไม่ใช่ธงไตรรงค์ ฉะนั้น กลั้นใจแล้วถ่างตารอถึงวันที่ ๑๐ ตุลา.ก่อน
ถ้าไม่มีอะไรเป็นคลื่นกระฉอกการเมืองระบบรัฐสภา ต้องตื๊บนายไพบูลย์ ฐานทำให้ตื่น จนตาไม่หลับ!
อีกเรื่องที่ควรต้องทราบ…….
ใครจะเป็น “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” คนใหม่ ใจจด-ใจจ่อกันมาก เพราะบ่ายวาน (๘ ตุลา) “คณะกรรมการคัดเลือกเขาจะประชุมกัน
แต่ปรากฎว่า “วิเรขา สันตะพันธุ์” เลขาฯคณะกรรมการคัดเลือกฯ แถลง
“จำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนสำหรับการพิจารณาของที่ประชุม
ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอขยายระยะเวลาเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล เพื่อให้การพิจารณาคัดเลือกมีความรอบคอบที่สุด
จะรวบรวมกลับมานำเสนอคณะกรรมการคัดเลือกฯ โดยเร็ว ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมอีกครั้งในเดือนพฤศจิกา.”
สาาาาาาธุ!
หลายวันแล้ว ที่มีเสียงคัดค้าน เช่น
“คุณธาริษา วัฒนเกส” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เขียนข้อความเผยแพร่…..
“….ในขณะนี้ มีแต่จิตสำนึกของ “คณะกรรมการสรรหาประธานธนาคารแห่งประเทศไทย” เท่านั้น ที่จะยับยั้งหายนะทางเศรษฐกิจ
ที่ผ่านมารัฐบาลได้แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนต่อธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งในเรื่องไม่ลดดอกเบี้ย และการคัดค้านนโยบายการแจกเงินหนึ่งหมื่นบาท เป็นต้น
ล่าสุดมีการคาดหมายว่ารัฐบาลจะส่งคนของตนเข้าไปเป็น “ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย”
ซึ่งวัตถุประสงค์ ก็เพื่อจะใช้ธปท.เป็นเครื่องมือในการสนองนโยบายของรัฐบาล
ซึ่งหากภาพนี้เกิดขึ้น หายนะของเศรษฐกิจไทยก็จะตามมาอย่างแน่นอน เหมือนที่เราเห็นในต่างประเทศที่รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงในธนาคารกลาง
การกระทำดังกล่าว ทำให้ความเชื่อมั่นของต่างประเทศต่อระบบเศรษฐกิจสั่นคลอน
เพราะธนาคารกลางที่ถูกแทรกแซง จะไม่สามารถมีบทบาทในการดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว
เศรษฐกิจจึงเสี่ยงที่จะเสียหายจากนโยบายที่เน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นเพียงอย่างเดียว….”
“โป้งเดียวจอด” เลย!
น้ำป่าหลากที่แม่สาย-เชียงใหม่ ท่วมแค่บ้าน-แค่ถนน แต่ถ้าปล่อย “น้ำการเมือง” เข้าท่วม “แบงก์ชาติ” ละก็
“ฉิบหายทั้งชาติ”!
แต่ท่าน “ธาริษา” และคณะศิษยานุศิษย์ “หลวงตาพระมหาบัว” เป็นเขื่อนต้านกระแสตัณหาเถื่อนให้ “หยุดท่วม” ได้หวุดหวิด
“กิตติรัตน์” ก็รอไป “ชาติหน้าบ่ายๆ นะ”!