ไก่จีนจิกไก่ไทย #สันต์สะตอแมน

สันต์ สะตอแมน

ถ้วยตราไก่..

เป็นอีกสิ่งที่ผมผูกพันมาตั้งแต่วัยเด็ก เพราะอดีตแม่ขายก๋วยเตี๋ยว และเชื่อว่าหลายๆ ท่านก็น่าจะมีความผูกพันอยู่ด้วยเช่นกัน!

ทุกวันนี้เคยผูกพันยังไง ผมก็ยังคงผูกพันต่อไปอย่างนั้น แม้ถ้วยตราไก่ที่ผมใช้ ถ้าว่ากันโดยสภาพก็สมควรถูกปลดระวางได้แล้ว

เพราะใช้มานานจนแตกลายงาและมีร้อยร้าว แต่ก็ทิ้งไม่ลง เพราะความผูกพันนี่แหละ มันมีค่าทางใจมากเกินกว่าที่ประเมินค่า!

และที่หยิบเอาถ้วยชามรามไหมาอารัมภบท ก็ด้วยหลายวันก่อนนู้นได้อ่านข่าวเรื่อง “ถ้วยกระเบื้องตราไก่” จากประเทศจีนได้ทะลักเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา

แถมสนนราคาใบละ 5 บาท ในขณะที่ถ้วยตราไก่เมดอินไทยแลนด์ขาย 20 บาทต่อใบ เจอจีนเข้ามาค้าขายแบบนี้

ก็.. “ตายแหน่ๆ ถ้วยตราไก่ไทยตายแหน่ๆ” ไม่เท่านั้น ถ้วยตราไก่จีนมาหนนี้ไม่ได้มาเอ้กอีเอ้กธรรมดานะ

แต่มาในสไตล์ “ปลาหมอคางดำ” คือระบาดอย่างรวดเร็ว เล่นเอาโรงงานผลิตถ้วยตราไก่ท้องถิ่นตั้งรับไม่ทันกันเลย กว่าจะรู้ว่าโดนเข้าแล้ว..

อุตสาหกรรมเซรามิกที่มีมายาวนานของจังหวัดลำปาง เจ๊งกะโบ๊ะ ชักธงขาวยอมแพ้ไปหลายเจ้าแล้วข่าวว่าอย่างนั้น!

ครับ..เดือดร้อนกันอย่างนี้ ชาวเมืองรถม้าก็อยากรู้ว่า รัฐบาลทักษิณ เอ๊ยไม่ใช่สิ รัฐบาลแพทองธาร ท่านจะช่วยอย่างไรหรือจะช่วยตอนกี่โมง

หรือจะเทถ้วยตราไก่ไทย ให้ไปไม่กลับหลับไม่ตื่นฟื้นไม่มี แบบหายแซ้บหายสอย?

ผมน่ะก็ได้แต่เห็นใจและเป็นกำลังใจ ขอให้เจ้าของโรงงานอย่าเพิ่งท้อหรือเสียขวัญ และหวังว่ารัฐบาลนายกฯ หญิงคนใหม่จะไม่นิ่งดูดายอุตสาหกรรมท้องถิ่น

อย่างถ้วยตราไก่ลำปางที่กำลังเผชิญกับการรุกเข้าชิงตลาดด้วยกลยุทธ์การตลาดที่ชวนให้อกสั่นขวัญหาย!

ว่าไปแล้ว รัฐบาลน่าจะนำไปเป็นประเด็นเพื่อพัฒนาเครื่องเซรามิกท้องถิ่นเพื่อสร้างซอฟต์พาวเวอร์ด้านความนิยมสู่สากล ก็ไม่ใช่จะทำไม่ได้นะ

ดูอย่างเซรามิกญี่ปุ่นทำไมเป็นที่เลื่องลือ เช่นถ้วยโถโอชามกระเบื้องญี่ปุ่น แบรนด์ “นอริตาเกะ” งี้ แค่จานใบเดียวราคาเป็นพัน (บาท) แล้ว

เงินทุนสนับสนุนก็ได้ยินว่ามีอยู่แล้วมิใช่หรือ ทีควักช่วยกางเกงช้างยังทำได้ ล้วงให้สร้างหนัง และอื่นๆ รวมจ่ายไปก็หลายร้อยล้าน แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรกลับมา

ไม่มีใครรู้ว่า เม็ดเงินจากภาษีหลายร้อยล้านที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่าแค่ไหนกับที่จ่ายไป!

ภาพยนตร์ก็เงียบ แต่หนังที่ได้ผลเกินคาดดันเป็นหนังที่ไม่ได้อาศัยเงินภาษีประชาชนเลยสักสลึง แถมเจ้าของหนังยังต้องจ่ายภาษีให้รัฐบาลเสียอีก

ก็หนังเรื่อง “หลานม่า” ที่ระบือลือลั่นในคุณภาพไปทั่วโลกนั่นไง ตอนนี้เข้าฉายในจีน คะเนกันว่าโกยเป็นพันเป็นหมื่นล้านบาทแน่นอน!

แต่หนังที่ได้เม็ดเงินจากภาษีตามกองทุนซอฟต์พาวเวอร์กลับล้มเหลว ไม่คุ้มเอาเลย ไม่ได้ประโยชน์โพดผลใดๆ

ภาพยนตร์มันเหมือนทำง่ายแต่มันก็ไม่ง่ายจริงหรอกนะ สำคัญการจะอนุมัติเงินไม่ควรสักแต่เป็นใครก็เรียกๆ กันมาให้ทำหน้าที่พิจารณา..

ไม่งั้นก็จะไม่ต่างอะไรกับการตำพริกละลายแม่น้ำ!

ซึ่งถ้ามันเป็นแค่พริกก็จะไม่บ่น-ไม่ว่าให้เสียเวลาหรอก แต่นี่เงินของประชาชนที่เสียภาษีควรที่จะระมัดระวังถี่ถ้วนมั้ย?

อ้าว..ขึ้นต้น “ถ้วยตราไก่” ไหงมาลงท้ายที่หนังไทยเอาจนได้ ก็ฝากนายกฯ แพทองธาร จะหาทางช่วยบรรเทาทุกข์ของเจ้าของโรงงานผลิตถ้วยตราไก่ที่ลำปางอย่างไร..

รีบตัดสินใจ-ลงมือเสียแต่บัดนาว!

หรือหากมองว่าได้เวลาที่ถ้วยตราไก่จะล้มหายตายจาก ก็เปิดทาง-อำนวยความสะดวกให้ถ้วยตราไก่จีนและสินค้าจีนทะลัก-ไหลกันเข้ามาทุบราคาสินค้าไทยไปเลย

คนไทยจะได้มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี!?

Written By
More from pp
คาลเท็กซ์ มอบหน้ากากอนามัย N95 แก่โรงพยาบาลรามาธิบดี
บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ คาลเท็กซ์ นำโดย ดร. ศรุต วิทยารุ่งเรืองศรี ผู้จัดการฝ่ายกิจการองค์กร  มอบหน้ากากอนามัย N95 ภายใต้โครงการ “คาลเท็กซ์ ห่วงใยคนไทย ร่วมใจต้านไวรัสโควิด...
Read More
0 replies on “ไก่จีนจิกไก่ไทย #สันต์สะตอแมน”