ปลูกถ่ายไตแบบ Living สู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม

โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย เป็นโรคที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะจะต้องเผชิญกับการฟอกไตไปตลอดชีวิต จนทำให้บางคนต้องสูญเสียโอกาสในการทำงานและการใช้ชีวิต ซึ่งปัจจุบันการปลูกถ่ายไตเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง

นายแพทย์ณฐพุฒิ บุญวิสุทธิ์ อายุรแพทย์โรคไต โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า การผ่าตัดปลูกถ่ายไต เป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดของผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ซึ่งมีอัตราความสำเร็จสูงและทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องฟอกไตไปตลอดชีวิต เพียงแต่ผู้ป่วยจำเป็นต้องรับประทานยากดภูมิเพื่อป้องกันร่างกายต่อต้านไตใหม่ หรือที่เรียกว่าภาวะสลัดไต โดยวิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยทุกรายที่ไม่มีข้อห้าม เช่น อวัยวะสำคัญอื่นทำงานล้มเหลว มีโรคมะเร็ง หรือโรคติดเชื้อที่ยังอยู่ระหว่างการรักษา

การรับไตบริจาคจากผู้อื่นมี 2 รูปแบบ ได้แก่

รับไตบริจาคจากผู้ที่เสียชีวิต : มาจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตายจากการประสบอุบัติเหตุ หรือสาเหตุอื่นๆ โดยในทางกฎหมายและทางการแพทย์ถือว่าเป็นผู้เสียชีวิตแล้ว แต่อวัยวะภายในยังทำงานเป็นปกติดี โดยในประเทศไทย ศูนย์รับบริจาคอวัยวะของสภากาชาดไทยจะเป็นผู้จัดสรรไตให้แก่ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังตามลำดับคิวต่อไป ซึ่งอัตราความสำเร็จในการปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตายประมาณ 85 – 90%

รับไตบริจาคจากผู้ที่ยังมีชีวิต : มาจากญาติที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด หรือเป็นการบริจาคไตของคู่สามีภรรยาที่แต่งงานและอยู่ด้วยกันมากกว่า 3 ปีขึ้นไป จึงจะสามารถทำเรื่องขอบริจาคให้ผู้ป่วยไตได้ แต่หากในกรณีที่ทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องรอจนครบ 3 ปี ซึ่งอัตราความสำเร็จในการปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคที่มีชีวิตประมาณ 95 – 98% สำหรับผู้บริจาคไตที่มีชีวิต จะต้องผ่านการตรวจร่างกายอย่างละเอียดโดยจะต้องมีร่างกายที่แข็งแรงมากกว่าเกณฑ์มาตรฐานคนทั่วไป

นายแพทย์ธัชชัย พิพิธพันธ์พิพิท ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า เทคนิคการผ่าตัดปลูกถ่ายไต เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการผ่าตัดปลูกถ่ายไต การผิดพลาดในการผ่าตัดอาจส่งผลให้เกิดการล้มเหลวของการปลูกถ่ายไตโดยไม่สามารถแก้ไขได้ ประกอบกับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต มีขั้นตอนที่ซับซ้อน ดังนั้นทีมผ่าตัดปลูกถ่ายไต ต้องมีความชำนาญและประสบการณ์สูง รวมถึงความรู้ในขั้นตอนการผ่าตัดอย่างละเอียด ปัจจุบันการผ่าตัดนำไตออกจากผู้บริจาคที่ยังมีชีวิต จะมีวิธีการผ่าตัด 2 ประเภทคือ ผ่าตัดแบบเปิดสีข้าง (open donor nephrectomy) และการผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้อง (laparoscopic donor nephrectomy)

ผ่าตัดแบบเปิดสีข้าง (open donor nephrectomy) เป็นการผ่าตัดที่จะต้องดมยาสลบ โดยใช้เวลาในการผ่าตัด 2-3ชั่วโมง วิธีการผ่าตัดแบบนี้จะมีแผลยาวประมาณ 10-12 นิ้ว ต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 7 วันเพราะผู้ป่วยจะมีอาการปวดหรือชาหลังการผ่าตัดพอสมควร หลังจากนั้นผู้บริจาคก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติภาย4 – 6 สัปดาห์

ผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้อง (laparoscopic donor nephrectomy) เป็นการผ่าตัดส่องกล้องที่จะต้องดมยาสลบแล้วนำไตออกมา ใช้เวลาผ่าตัด 1–2 ชั่วโมง วิธีการผ่าตัดแบบนี้จะทำผู้ป่วยมีแผลขนาดเล็กกว่า มีอาการปวดหรือชาจากการผ่าตัดน้อยกว่า และมีระยะฟื้นตัวสั้นกว่าการผ่าตัดแบบเปิด จึงพักฟื้นในโรงพยาบาลสั้นกว่า คือประมาณ 3 วัน หลังจากนั้นผู้บริจาคก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติภาย 1-2 สัปดาห์

หลังจากที่ผู้บริจาคไตได้บริจาคไตให้กับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย สามารถที่จะใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ เนื่องจากการคัดเลือกผู้บริจาค แพทย์จะดูหลายปัจจัยร่วมกันอย่างละเอียด จึงมั่นใจได้ว่าการมีไตเหลือเพียงข้างเดียวเพียงพอที่จะทำหน้าที่กำจัดของเสียและน้ำส่วนเกินออกนอกร่างกาย ตลอดจนยังคงสามารถทำหน้าที่อื่น ๆ ของไตได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้อายุขัยของผู้บริจาคไตยังยืนยาวเท่ากับคนปกติ เพียงแต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับไตที่เหลืออยู่ และในช่วง 1 เดือนหลังการผ่าตัด ผู้บริจาคไตควรมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจการทำงานของไตและสุขภาพร่างกายทั่วไป และหลังจากนั้นควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพอย่างน้อยเป็นประจำทุกปี

ทั้งนี้ หลังจากที่ปลูกถ่ายไตแล้ว ไตจะมีอายุการใช้งานนานขึ้นเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น ไตจากผู้บริจาคที่มีชีวิตจะมีโอกาสที่การใช้งานของไตจะอยู่ได้นานกว่าผู้ที่ได้ไตบริจาคจากผู้บริจาคสมองตาย การทำงานของไตตั้งต้น อายุ หรือโรคประจำตัวของผู้บริจาคไตล้วนเป็นปัจจัยสำคัญทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือการดูแลรักษาตนเองต่อเนื่องของผู้ป่วยหลังรับการปลูกถ่ายไต พฤติกรรมที่เหมาะสมและการควบคุมการกินยาที่สม่ำเสมอ จะส่งผลให้อายุการใช้งานของไตมีอายุยาวนานมากที่สุด

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
นม 137 ดีกรี ร่วมส่งกำลังใจต้านภัยโควิด 19
ตัวแทนบริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด  ผู้นำในการผลิตและจำหน่ายนมอัลมอนด์ นมวอลนัท และนมพิสตาชิโอ แบรนด์  137 ดีกรี มอบผลิตภัณฑ์นมอัลมอนด์มูลค่ากว่า 400,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสู้ภัยโควิด 19 และสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยที่มารักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ 
Read More
0 replies on “ปลูกถ่ายไตแบบ Living สู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม”