14 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.30 น. ณ บ้านโป่งป่าแขม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พบปะและหารือการแก้ไขปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยมีนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และคณะร่วมด้วย
นางรัดเกล้า อินวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึง ผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์มอบเสื้อชนเผ่า และกระเป๋าให้กับนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีกล่าวทักทายพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ จากนั้น ผู้นำชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ทำพิธีต้อนรับตามประเพณีวัฒนธรรมชนเผ่าฮิ้วเมี่ยน ผู้อาวุโสผู้นำจิตวิญญาณของกลุ่มชาติพันธุ์กล่าวให้พรนายกรัฐมนตรีว่า ขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีมาเยี่ยม ขอให้มีความสุขและอยู่กับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ไปนาน ๆ และขอให้เดินทางกลับโดยปลอดภัยและสวัสดิภาพ อีกทั้งผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์เชิญนายกรัฐมนตรีดื่มชาเพื่อเป็นเกียรติและเป็นวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณทุกคนที่ให้การต้อนรับ และเชิญเข้ามาอยู่ในบ้านท่ามกลางกลุ่มผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่อยากให้คิดว่ามาในครั้งนี้มาในนามนายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี แต่มาในฐานะคนไทย ซึ่งกลุ่มชาติพันธุ์อยู่กับเรามานาน ถือเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับเชิญมาร่วมประเพณีไทย เป็นการต้อนรับที่อบอุ่นและประทับใจ ขอบคุณสำหรับคำอำนวยพรที่เป็นกำลังใจให้อยู่ในตำแหน่งและทำประโยชน์แก่พี่น้องชาวไทยและพี่น้องชาติพันธุ์ทุกคน และขอขอบคุณที่อวยพรให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ วันนี้เป็นการเดินทางมาครั้งแรก รู้สึกยินดีที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ทั้งนี้ พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์อยู่ในใจตลอด ยืนยันต้องดูแลด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียม และสามารถอยู่อาศัยในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในวันนี้ถือเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้มานั่งในบ้านและได้ลิ้มรสวิถีชีวิตของพี่น้องชาติพันธุ์ พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมรับฟังปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์ อาทิ การไม่มีสัญชาติไทย ถูกจำกัดสิทธิ การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ข้อพิพาทระหว่างชาติพันธุ์กับหน่วยงานราชการ และปัญหาไฟฟ้าที่ไม่ทั่วถึง
ภายหลังการรับฟังปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับปัญหาความไม่เสมอภาคเท่าเทียม การดูแลพี่น้องชาติพันธุ์ยังไม่ทั่วถึง น.ส. ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เชียงราย เขต 2 ก็ได้พยายามผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ ให้สำเร็จ ส่วนเรื่องของสิทธิพื้นฐาน บางคนมีลูกหลานที่เกิดในเมืองไทยมากกว่า 40 ปี แต่ยังไม่ได้รับการมอบสัญชาติไทย เมื่อไม่มีสัญชาติไทย สิทธิพื้นฐานทางต่าง ๆ เช่น ด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา ก็ไม่สามารถใช้สิทธิเหล่านั้นได้ ทั้งนี้ รัฐบาลให้สัญญาว่าเราจะให้การพิสูจน์ทราบสัญชาติให้จบได้ภายใน 5 วันไม่ใช่ 180 วัน นอกจากนั้น ปัญหาความไม่เสมอภาคเท่าเทียม รัฐบาลยืนยันจะต้องไม่มีการแบ่งแยก ทุกหน่วยงานต้องดูแลพี่น้องชาติพันธุ์ด้วยความเสมอภาค และเท่าเทียม
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่ออีกว่าสำหรับปัญหาโรงพยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ เป็นปัญหาที่หลายจังหวัดประสบพบเจอ ซึ่งรัฐบาลพยายามที่จะจัดสรรงบประมาณในการดูแลให้ทั่วถึง และอีกหนึ่งปัญหาที่สำคัญคือไฟฟ้าไม่ทั่วถึงนั้น รัฐบาลสัญญาว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เนื่องจากไฟฟ้าเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับ ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวฝากทุกหน่วยงานช่วยกันดูแลพี่น้องชาติพันธุ์ให้มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกับพี่น้องคนไทยทุกคน โดยนายกรัฐมนตรีจะกลับมาเพื่อติดตามความก้าวหน้าอีกครั้ง