ผักกาดหอม
นั่งยัน นอนยัน ว่าไม่หนี
ก็คงจะไม่หนี
วานนี้ (๑๗ มิถุนายน) ทนายความของ “นักโทษชายทักษิณ” บอกว่าลูกความ จะไปพบอัยการตามนัด ๑๘ มิถุนายน เวลา ๐๙.๐๐ น.
“…ท่านทักษิณจะเดินทางไปพบอัยการตามนัด เนื่องจากหากไม่ไปตามนัด ก็จะผิดสัญญาประกัน…”
เหตุผลง่ายๆ ครับ จะผิดสัญญาประกัน
คือการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นอัยการโดยมีหลักประกัน
๕ แสนบาท!
มีการอธิบายจากอัยการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า หลักประกันที่ “นักโทษชายทักษิณ” ใช้ในการประกันตัว เป็นสมุดบัญชีที่ได้รับการรับรองจากธนาคาร วงเงิน ๕ แสนบาท
ทางอัยการจะอายัดบัญชีดังกล่าวไว้ โดยอัยการไม่มีเงื่อนไขในการปล่อยตัว แต่ขึ้นกับเงื่อนไขของกรมคุมประพฤติที่กำหนดระหว่างพักโทษ
ย้ำกันอีกที เงื่อนไขพักโทษกรมคุมประพฤติมี ๘ ข้อ
๑.จะต้องพักอาศัยอยู่ตามที่อยู่ตามที่ได้แจ้งไว้กับทางเรือนจำ
๒.ห้ามออกนอกเขตท้องที่ที่อาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาต
๓.ห้ามประพฤติตนเสื่อมเสีย เช่น เล่นการพนัน ดื่มสุรา ยาเสพติด และกระทำผิดอาญาขึ้นอีก
๔.ประกอบอาชีพโดยสุจริต
๕.ปฏิบัติตามลัทธิศาสนา
๖.ห้ามพกพาอาวุธ
๗.ห้ามไปเยี่ยมบ้านหรือติดต่อกับนักโทษอื่นที่ไม่ใช่ญาติ
๘.ให้ไปรายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติเรือนจำ เจ้าพนักงานปกครอง หรือหัวหน้าสถานีตำรวจทุกเดือน
ก็เป็นเงื่อนไขเดิมที่ถูกตั้งคำถามกันเยอะ เพราะ “นักโทษชายทักษิณ” ไม่เคยแสดงให้เห็นว่าเป็นนักโทษที่อยู่ระหว่างการพักโทษ
แต่กลับเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างถี่ยิบ ชี้นำพรรคเพื่อไทย
แสดงตนเป็นผู้มีบารมีเหนือรัฐบาลเศรษฐา
มันกระทบต่อสังคมในวงกว้างยิ่งกว่าเงื่อนไขพักโทษชนิดเทียบกันไม่ได้เลย
ระเบียบกรมคุมประพฤติมันมีช่องว่าง ให้นักโทษที่อยู่ระหว่างการพักโทษ ไปทำเรื่องที่ยุ่งเหยิงส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งประเทศ
ก็ปล่อยปละละเลยให้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านทั้งนักโทษและกรมคุมประพฤติ
ครับ…เมื่อทนายบอกว่า “นักโทษชายทักษิณ” ไปพบอัยการตัวส่งฟ้องศาลแน่นอน ก็คงจะเป็นไปตามนั้น
กระบวนการก็ไม่มีอะไรมาก
อัยการส่งฟ้อง ศาลอาญาก็รับตัวไป
จากนั้นทำเรื่องประกันตัวในชั้นศาล
ถ้าได้ประกันตัว ก็วางหลักทรัพย์
และศาลจะกำหนดเงื่อนไขการประกันตัว
หลักๆ คือห้ามทำความผิดเดิมซ้ำ ห้ามเดินทางไปต่างประเทศ
กรณีที่จำเป็นต้องไปต่างประเทศต้องแจ้งศาลพร้อมรายละเอียด
อยู่ที่ศาลจะให้ไปหรือไม่ไป
แต่ในอดีต ศาลเคยอนุญาตให้ “นักโทษชายทักษิณ” เดินทางไปต่างประเทศมาแล้ว ในปี ๒๕๕๑
“นักโทษชายทักษิณ” และ “หญิงอ้อ” ขออนุญาตศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้เหตุผลเดินทางไปปฏิบัติภารกิจประเทศจีนและญี่ปุ่น
ระบุวันเดินทางระหว่างวันที่ ๓๑ กรกฎาคม – ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๑ ในรายละเอียด “หญิงอ้อ” ให้เหตุผลขอเดินทางไปร่วมพิธีเปิดงานกีฬาโอลิมปิก ที่ประเทศจีน ระหว่างวันที่ ๕-๑๐ สิงหาคม
เมื่อถึงวันนัดให้ไปรายงานตัวต่อศาลวันที่ ๑๑ สิงหาคม ทั้งสองคนไม่ไปรายงานตัวต่อศาล แต่ไปปรากฏตัวที่ลอนดอนพร้อมครอบครัว วันที่ ๒๑ ตุลาคม
นั่นคือการกลับมาและหนีไปเป็นครั้งที่ ๒
และหนียาว ๑๗ ปี
โดยการหนีครั้งแรก หรือจะเรียกว่ากลับประเทศไทยไม่ได้ก็มีค่าเท่ากัน คือ หลังถูกรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙
มาครั้งนี้หากหนีอีก จะถือเป็นการหนีครั้งที่ ๓
แต่พักเรื่องหนีเอาไว้ก่อน มาดูว่า “นักโทษชายทักษิณ” มีพยานหลักฐานอะไรในการต่อสู้คดี ม.๑๑๒ ในชั้นศาล
“นักโทษชายทักษิณ” ไม่เบานะครับ จบโทและเอก หลักสูตรอาชญาวิทยา ฉะนั้นอย่าประเมินการตกเป็นผู้ต้องหาและกำลังจะเป็นจำเลยคดี ม.๑๑๒ ต่ำเกินไป
ตามหลักอาชญาวิทยา สมัยก่อนโน้นเมื่อนานมาแล้ว เชื่อว่าสาเหตุของอาชญากรรม เกิดจากความชั่วร้าย เกิดจากภูตผี ปีศาจ
ตลอดจนอำนาจเหนือธรรมชาติที่ทำให้เกิดอาชญากรรม
ผู้ที่เป็นอาชญากรเนื่องจากไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เพราะอำนาจเหนือธรรมชาติดลบันดาลให้เกิดอาชญากรรมขึ้น
แต่สมัยนี้ สภาพจิตใจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้บุคคลต้องประกอบอาชญากรรม
การกระทำผิดของอาชญากรยังสามารถอธิบายได้แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยา สังคมศาสตร์ พฤติกรรมศาสตร์
หรือจะอธิบายแนวคิดของอาชญาวิทยาตามแนวพุทธศาสนาก็ได้
คือการก่ออาชญากรรมเพราะไม่สามารถระงับกิเลสที่เกิดขึ้นกับจิตใจได้
เกิดอวิชชาและมีความหลงที่นำไปสู่การประกอบอาชญากรรม
หากบุคคลใดมีการดำเนินชีวิตตามหลักมงคลชีวิต ๓๘ ประการย่อมจะไม่มีการกระทำผิด และอาชญากรรมย่อมไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
นี่คือวิชาอาชญาวิทยาพื้นฐาน “นักโทษชายทักษิณ” เรียนมาหมดแล้วครับ
ไปดูว่า ข้อต่อสู้ ที่ “นักโทษชายทักษิณ” จะงัดมาใช้ในศาลมีอะไรบ้าง
ฟังจากคำพูด ชัดเจนครับ
“คดี ม.๑๑๒ ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“ถูกยัดข้อหาตอนปฏิวัติ”
“ผลไม้ที่เกิดจากต้นไม้ที่เป็นพิษ”
“มีการข่มขู่พนักงานสอบสวน โดยผู้บังคับบัญชา”
“คลิปตัดต่อ”
ดร.อาชญาวิทยา ปากล้า แต่ขาสั่น!
เจอกันที่ศาล