เวลา “กับปัญหา” รอระเบิด – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“หายไปวัน” ก็ไม่ได้ไปไหน
“ไข้ทับหัวฝน” ปนเปกับ “โรคขาประจำ” มันจรมาเยี่ยมพร้อมๆ กัน เลยต้องนอนต้อนรับเขาหน่อย
เรื่องของคนแก่นะครับ ไม่น่าสนใจ

แต่เรื่องราว “แต่ละเรื่อง” ในบ้านเมืองเรา ที่เกิดสะสมวันละเรื่อง-สองเรื่องนี่ซีครับ มันน่าสนใจ และน่าห่วง
“ค่าแรงขั้นต่ำ” วันละ ๔๐๐ ที่รัฐบาล “หักดิบ” ไตรภาคี นั่นเรื่องหนึ่งละ

เรื่อง “ข้าว ๑๐ ปี” กินได้ ของรัฐบาล อีกเรื่อง
การตายของ “บุ้ง” ในเรือนจำ นี่ก็อีกเรื่อง

เงินดิจิทัล ๕ แสนล้าน “แจกได้-ไม่ได้” เป็นปัญหาจุกจิกหัวใจคนรอคอยอีกเรื่อง
เรื่องนักโทษเทวดา “กรวดในรองเท้า” ที่นับวันจะทำให้ประเทศเป็น “มะเร็งสังคม” นี่ก็อีก

ยิ่งไปเอา “ไฟนอก” จากคนข้างบ้านเข้ามาเป็น “ไฟใน” หวังเบ่งบารมีให้เหนือใครๆ อวดชาวโลก-ชาวไทย

แล้วรู้มั้ย….
ระดับตัวใหญ่ๆ ของ “กี่ฝ่ายต่อกี่ฝ่าย” ที่กั้นม่าน-ชักใยอยู่ในเมืองไทย?

ทะลึ่งเข้าไปเล่นในเกมของเขา ซึ่งเราไม่มีผลได้-ผลเสียอะไรกับเขาแบบนั้น
ระวังเหอะ พวกเขาจะใช้ “บ้านเราเป็น” สนามประลอง”!

“กัญชา” คลอดจากครรภ์ “ยาเสพติด” เป็นพืชเศรษฐกิจสมุนไพรทางยาและอาหาร ลงทุนทางธุรกิจอุตสาหกรรมด้านนี้กันไปพอสมควร

จู่ๆ นายกฯสั่ง ให้เอากัญชายัดคืนครรภ์มารดาเป็น “ยาเสพติด” เหมือนเดิม!
ของที่ “พองลม” แล้วจะ “ยัดกลับคืน” ปฎิกริยาที่ตามมา ก็คือการ “ขัดขืน” ประเด็นที่จะเป็นปัญหาจากนี้
จะเกิด “๒ ฝ่าย” จะผ่าสังคม เป็น “สองซัก” อีก!

เรื่องเศรษฐกิจปากท้องชาวบ้าน รัฐบาลสตาร์ท “เครื่องไม่ติด”
ข้าวปลาอาหาร “แพงทั้งแผ่นดิน” คนไม่มีเงินผ่อนบ้าน-ผ่อนรถ หนี้สินกู้ยืม ก็ไม่มีเงินผ่อน “ทั้งต้น-ทั้งดอก”

“บัตรเครดิต” รูดเอามากินก่อนตาย ครบเดือนไม่มีจ่าย ก็รูดอีก
เป็นอย่างนี้ติดต่อมาหลายเดือนแล้ว กลายเป็นหนี้ “งูกินหาง” ตัวเอง จนเวลานี้ เกิดปัญหา “หนี้พอกหนี้”
กลายเป็น “หนี้เน่า” ในระบบการเงินประเทศแข่ง “ข้าวเน่า” ยอดเฉียด “งบประมาณแผ่นดิน” แล้ว

ไม่แค่นี้……..
ยังมีปัญหา “กระจุ๋ม-กระจิ๋ม” ทางสังคม ทยอยสะสมเข้าสต๊อก รอการบริหารวันละเรื่อง-สองเรื่อง

ก็ยังไม่มีเรื่องไหนได้รับการสะสางให้เข้าที่-เข้าทางเลยซักเรื่อง!

เช่นเรื่อง การเลือกสว. เรื่องเงิน ก.ย.ศ. เรื่อง “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” เรื่องยาเสพติดในหมู่เยาวชน

เรื่อง “ลัทธิวิปริต-วิปลาส” หลอกลวงผู้คนมากมาย เป็นสัญญานบ่งบอก ว่าเมื่อ “สังคมสิ้นหวัง” จากรัฐบาล
พวกโฉดชั่วก็อาศัยเป็นช่องฉกฉวย “หลอกแดก” จากพวก “สังคมไร้ราก”

ปัญหาเหล่านี้ ตอนนี้ อาจเป็น “ฟืนเปียก” แต่เมื่อสะสม-ปนเปเข้าด้วยกันมากๆ ขึ้น
ไฟ “ลุกพรึบ” ได้ นั่น…ยังเห็นไฟ

แต่ถ้าเกิดเป็นก๊าซพิษ “ระเบิดตูม” ขึ้นมา เรื่องเล็กมันจะเป็นเรื่องใหญ่

ยิ่งเห็น “ท่านผู้นำ” รัฐบาล โฉบไป-โฉบมา “หาเสียง-หาแสง” สนุกสนานไปวันๆ

จะไม่ตระหนักถึงปัญหาหรือไม่มีน้ำยาก็สุดจะเดา แต่การไม่ลงลึกและละเลยในทางแก้ไขทำให้ “สะเด็ดน้ำ” ในแต่ละเรื่อง
ในฐานะ “พลเมืองชรา”
ขอบอกว่า “น่าห่วง” ครับ…น่าห่วง!

อย่างเรื่อง “ค่าแรงขั้นต่ำ” เรื่อง แจกเงินดิจิทัลคนละ ๑ หมื่น เรืองการตายของ “บุ้ง-ทะลุวัง” และเรื่อง “ข้าว ๑๐ปี”
เหล่านี้ เป็นปัญหา “กระดานหก”

“เรื่องค่าแรง” ฝ่ายแรงงานสนับสนุน แต่ฝ่ายผู้จ้างแรงงาน ต่อต้าน และทั้งสองฝ่ายมีเหตุผลของตนด้วยกันทั้งคู่
รัฐบาล แทนที่จะใคร่ครวญ “ชั่งน้ำหนัก” ว่า

นั่นเพื่อแก้ปัญหาการเมือง ว่าด้วย “สัญญาว่าจะให้ของพรรคการเมือง” ตอนหาเสียง
หรือตอบโจทย์สภาพ “เศรษฐกิจ-สังคม-การลงทุน” ว่าด้วยตลาดและการจ้างงานปัจจุบัน ว่าสอดคล้องสภาพจริงหรือไม่?

แต่รัฐบาล “หักดิบ” มุ่งตอบโจทย์การเมืองเลือกตั้ง ด้วยการขึ้น “ค่าแรงขั้นต่ำ” ถ้วนหน้า

ไม่สนว่า ภาวะเศรษฐกิจ “ภายใน-ภายนอก” ปัจจุบันเป็นเช่นใด จะมีผลต่อการผลิต-การลงทุน ในภาคอุตสาหกรรมส่งออก อุตสาหกรรมเกษตร การจ้างงานครอบครัว ธุรกิจ SME ขนาดไหน หรือไม่ เช่นนี้

แรงงาน “เสมอตัว” กับ “ได้” แต่รัฐบาล “ได้เสียง” จากคนงาน “เข้าใหม่” ที่ไม่ต้องมี “เกณฑ์วัด” ประสบการณ์ ฝีมืองานใดๆ ทั้งสิ้น

เรียกว่า มาสมัครงานวันแรกปุ๊บ ทั้งที่ยังไม่รู้ ไม้กวาด บุ้งกี๋ อยู่ไหน ก็ได้ ๔๐๐ บาท ปั๊บ

แต่ภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรม-เกษตร-ผู้จ้างแรงงาน ครอบครัว จะได้งานจากคนงาน หรือต้องเป็น “โรงเรียนฝึกงาน” ให้คนงานก็ยังไม่รู้

ที่รู้แน่ๆ “ภาระเพิ่ม” ในภาวะ “ต้นทุนหาย-กำไรไม่มี”!

การแก้ปัญหาค่าแรงแบบ “ผ้าขาด” ก็เอากรรไกรมาตัดตรงขาดทิ้ง แบบนี้ แทนที่รอยขาดจะหาย
กลับได้ “รอยโหว่” ตรงรอยขาดเป็น “รูโตขึ้น”!

เรื่อง “บุ้ง” นี่เหมือนกัน รัฐบาลเพื่อไทย เข้าตามภาษิตที่ว่า “ทุกขะโต ทุกขะฐานัง” ทำกรรมอย่างใดไว้ ย่อมได้รับอย่างนั้นสนอง

ตอนเป็นฝ่ายแค้น เล่นบท “ฝ่ายประชาธิปไตยสามนิ้ว” แดงผสมส้ม ต้องล้ม ต้องปฎิรูป ต้องแก้

มาเจอเรื่องบุ้งย้อนศร รัฐบาลเพื่อไทยก็ “ไปไม่เป็น” เท่านั้น ทำได้แต่เพียง “อู้อี้เหมือนถูกผีอำ”

เมื่อขบวนการสามนิ้ว ใช้ “ปลายเหตุ” คือการตายของบุ้ง ขึ้นมาปลุกกระแสนิรโทษกรรมผู้ต้องคดี มาตรา ๑๑๒ เรียกร้องปฎิรูประบบยุติธรรม

และลามถึงต่อมตาปลาตัวเอง เมื่อสามนิ้วเขาถาม “เป็นคนต้องเท่ากัน” แต่ทำไม “ทักษิณติดคุก” กลับ “ไม่ติดคุก”?
แล้วทำไม พวกเขาทั้งที่ยังเป็นผู้ต้องหา กลับต้องติดคุก?

มันเป็น “ตรรกะพื้นฐาน”

แต่เมื่อคนเคย “ร่วมตั้งคำถาม” พลิกไปอยู่ในฐานะ “ผู้ตอบคำถาม”
ก็ต้อง “กัดลิ้น” ตัวเองไปเท่านั้น

แบบนี้ ไอ้หนุ่มหัวตั้งที่พาไอ้แก่นิ้วพิการ ๔-๕ คน ไปนั่งจิบไวน์ อยู่แถวๆ ถนนฌ็องเซลิเซ่ ไม่พากันหัวเราะกลิ้งสะใจไปแล้วรึนั่น!?

นี่ก็เป็นอีกชนวนหนึ่ง ที่จะลามเป็นไฟ สู่สภา สู่ถนน สู่ทำเนียบได้ แล้วรัฐบาลเพื่อไทย มีแผนรับมือเรื่องนี้อย่างไร

ลิ่วล้อทั้งหลาย….
รีบไปถาม “นายกฯ ตัวจริง” เขาด่วน ว่าจะตัดไฟแต่ต้นลมยังไง ก่อนจะถูกครอกตายไปด้วยกันหมด

เรื่องแจกดิจิทัลคนละ ๑ หมื่นนั่น ตอนนี้ ผมมองว่า ไม่เป็นไฟลวกมือ “เศรษฐา-เพื่อไทย” เท่าไหร่
เพราะมีผู้เชี่ยวชาญด้าน “บริหารไฟ” เข้ามาจัดการแทนแล้ว คือ “รัฐมนตรีคลัง” ที่ชื่อ “พิชัย ชุณหวชิร”

๘-๙ เดือนที่ผ่านมา “การเงิน-การคลัง” ซึ่งเป็น “เนื้อเต่า-ยำเต่า” ในกระดอง “เศรษฐกิจประเทศ”
รัฐมนตรีคลังที่ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” มีชื่ออย่างเดียว
คือ “เซ็นชื่อ” ลงในธนบัตรไทย ในฐานะรัฐมนตรีคลัง

ก็ไม่รู้ว่า นั่นคือเกียรติยศ หรืออัปยศ จารึก-ประจาน การเป็น “รัฐมนตรีคลัง” ของตัวเอง!?

เห็นเมื่อวาน (๑๖ พค.๖๗) รัฐมนตรีคลัง เชิญผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” มานั่งคุยกัน

คน “รู้งาน” ด้วยกัน นั่งคุยใน “ภาษาเดียวกัน” ย่อมเข้าใจ ฉะนั้น ผมมองว่า เมื่อเอา “สังคมชาติบ้านเมือง” เป็นตัวตั้ง ในการพูดคุย
ปัญหาที่ไม่ได้รับการบริหาร “หมักหมม-สะสม” ไว้ ๘-๙ เดือน จะค่อยๆ ได้รับการคลี่คลาย ให้เข้าที่-เข้าทาง

แต่ก็นั่นแหละ……
“การเงิน-การคลัง” ประเทศ ไม่เหมือนปัญหาบริษัท มันต้องใช้เวลา ใช้ความร่วมมือและความเข้าใจจากคนทุกภาคส่วน

ที่น่าเป็นห่วงก็ตรงว่า “เวลารัฐบาล” กับ “เวลาระเบิด” ของปัญหาเศรษฐกิจทั้งภาครัฐ-ภาคครัวเรือน และเวลา “ระเบิดทางสังคม”
มันจะทันกันหรือไม่เท่านั้น นี่คือโจทย์ใหญ่ที่ผมมองเห็น!

ประเด็น “ข้าว ๑๐ ปี” เห็นรัฐมนตรีภูมิธรรมให้สัมภาษณ์แบบมีอารมณ์วันก่อน ทำให้นึกถึง “นายกฯ ประยุทธ์”

ตอนนั้น ว่าเขา นายกฯ เผด็จการ เอะอะของขึ้น แล้วทีตัวเอง รัฐมนตรีฝ่ายประชาธิปไตย เป็นไง

ถูก “หมอวรงค์” มือปราบโกงข้าวจีทูจี จับพิรุธแล้วจี้ถามเข้าหน่อย ถึงขั้นขู่จะฟ้อง หาว่าหมอวรงค์ทำลายเศรษฐกิจ ทำลายชื่อเสียงประเทศ

นั่นผมไม่ติดใจ แต่ที่ท่านบอก จะส่งขายแอฟริกา พูดเต็มปาก-เต็มคำ ว่าคนแอฟริกาชอบข้าวเก่าแบบนี้ นั่นน่ะ
มันเป็นข่าว “ดันตลาดข้าวไทย”
หรือเป็นข่าว “ดับอนาคต” ตลาดข้าวไทย ก็ไม่ทราบ?

ตอนนี้ เป็นข่าวฉาวไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศแถบแอฟริกา เช่น ไนจีเรีย เขาบอกว่า ไทยดูถูกเขามาก!!!

ก็โงหัวคุยเท่านี้นะ

ขืนคุยมาก จะไปขัดบรรยากาศ “ซอฟต์ พาวเวอร์” ของนายกฯเศรษฐา ที่ยกคณะบินไป “หาแกลบ” แถบยุโรป เอามายาประเทศเปล่าๆ

หวังว่า “ผ้าพันคอ” ผืนใหม่ เตะตาบรรดาเจ้าของแบรนด์ฝรั่งเศส-อิตาลีนะ!

เปลว สีเงิน
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗

Written By
More from plew
“เฟกนิวส์” ในสำนักข่าวฝรั่ง
ก็แปลก………. ไม่ว่า ยาจก วณิพก ขอทาน เศรษฐี ผู้ดี คนมีศักดิ์ และไพร่ ทำไมถึงกลายเป็นคนพูดและฟังภาษาคนและภาษาไทยไม่รู้เรื่องไปได้ก็ไม่รู้?
Read More
0 replies on “เวลา “กับปัญหา” รอระเบิด – เปลว สีเงิน”