ผักกาดหอม
ตามแทบไม่ทัน…
ความเคลื่อนไหวการบ้านการเมืองช่วงนี้คึกคักจริง
“นักโทษชายทักษิณ” บอกว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน ไปๆ มาๆ กำลังเช็กเรตติงการเมือง ถ้ายังได้รับความนิยมสูง ช็อตต่อไปคงไปยืนค้ำหัวรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
ส่วนบรรดาลิ่วล้อที่เผ่นไปตั้งหลักต่างประเทศก็เริ่มเดินตามรอยนายใหญ่ ทยอยกลับเข้าประเทศไทยแล้ว
“จักรภพ เพ็ญแข” นำร่อง ลี้ภัยไปร่วม ๑๕ ปี กลับมารูปร่างตุ้ยนุ้ย น่าจะมีความเป็นอยู่ดีพอควร
เป็นการกลับมาหลังหารือกับ “นักโทษชายทักษิณ”
และดูเหมือนว่า ได้รับมอบหมายงานจากนายใหญ่ในทันที
จากบทสัมภาษณ์งานแรกของ “จักรภพ เพ็ญแข” คือ พาเสื้อแดงกลับบ้าน
“…ผมขอเสนอตัวเป็นคน ที่ช่วยเหลือสำหรับคนที่อยากจะกลับมา แล้วสามารถจะกลับมาได้ เพราะเรื่องคดีความยกตัวอย่างเช่น คุณจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ที่พูดอย่างนี้ ไม่ได้พูดเพราะว่าเลือกที่รักมักที่ชังตามตำแหน่งหน้าที่ แต่ดูตามคดีแต่ละท่าน
ถ้าคดีจัดการได้ง่ายแล้วก็มองเขาไว้ก่อน
การช่วยเหลือคือต้องให้ความมั่นใจว่าเข้ามาแล้ว ผมเองก็เป็นเหมือนหนูทดลองยาเหมือนกัน ว่าผลเป็นอย่างไร เราก็ต้องบอกให้ความมั่นใจ เพราะเราบังคับความเชื่อของแต่ละคนไม่ได้
พอมีความมั่นใจแล้ว มันถึงจะมาเรื่องคดี ว่าคดีไหนอยู่ที่ตรงไหนอย่างไร จะสู้ด้วยข้อกฎหมายแบบไหน
อย่าลืมว่ากฎหมายไม่ได้อยู่ที่เดิม มีกฎหมายใหม่ๆ ออกมาเยอะ
อย่างวันนี้ผมมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ มีความรู้ใหม่ว่ามีพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการป้องกันการทรมาน นั่นหมายความว่าในการสอบปากคำ ต้องมีการบันทึกบรรยากาศไว้ตลอดด้วยวิดีโอ ทำให้รู้สึกว่ามีอะไรที่พัฒนาขึ้นเยอะ
เหล่านี้เราก็ต้องบอกแต่ละคนว่ามันไม่ได้เหมือนเดิมแล้วนะ เพราะบางคนออกจากประเทศไป ๗ ปี ๘ ปี ๑๐ ปียังฝังใจอยู่กับเรื่องเดิม…”
เริ่มชัดเจนนะครับหลัง “นักโทษชายทักษิณ” กลับมา มีการขยับขยายเพื่อหาช่องทางให้ คนในเครือข่ายระบอบทักษิณทยอยกลับ
จะเป็นคนกลาง หรือคนทำดีล ก็แล้วแต่จะเรียก แต่สิ่งที่ต้องจับตามองหลังจากนี้ คือความเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของ “จักรภพ เพ็ญแข” ว่าไปพบใครบ้าง คุยอะไรกันบ้าง
โดยเฉพาะหน่วยงาน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีความ
อย่าง “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” ไม่มีคดี ม.๑๑๒ ก็อาจกลับมาง่ายหน่อย
เช่นเดียวกับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
ย่ามใจกันขนาดนี้แล้ว คงกลับมาแบบไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวเช่นกัน
หลายคนหนีไปเพราะขัดคำสั่ง คสช.ไม่ไปรายงานตัว กลุ่มนี้กลับมาได้ทันที แต่บางคนไม่อยากกลับตั้งแต่แรก และใช้กรณีขัดคำสั่ง คสช.เป็นเงื่อนไขในการขอลี้ภัย
พูดง่ายๆ อยากไปอยู่เมืองนอก!
กลุ่มนี้คงไม่กลับ เพราะบางคนหลอกฝรั่งสำเร็จได้สัญชาติอื่นไปแล้ว
ครับ…หลังจากนี้หากเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานไหนยืนกุมเป้าคุยกับ “จักรภพ เพ็ญแข” ก็สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจมีการใช้ “ทักษิณโมเดล”
อ้อ…อีกอย่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ๒๕๖๕ ออกสมัยรัฐบาลลุงตู่นะครับ “จักรภพ เพ็ญแข” ควรจะรับรู้ถึงข้อนี้ด้วย
นี่บอกเอาบุญเพราะเห็นไม่ได้อยู่เมืองไทยมานาน เดี๋ยวจะแยกไม่ออก ว่าใครเป็นเผด็จการหรือประชาธิปไตย
โพสต์ของ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ถึง “จักรภพ เพ็ญแข” ก็พอมองเห็นครับว่า ระบอบทักษิณมีแผนจะทำอะไรกัน
“…วางหน้าที่บนบ่าของคุณลงเถอะ
ผมฟังคุณจักรภพ เพ็ญแข ให้สัมภาษณ์ หลังจากเดินทางเข้ามอบตัว ก็คิดว่าเป็นการพูดสรุปหลังจากการพูดคุยกับผู้มีอำนาจทุกฝ่ายแล้ว ผมสรุปประเด็นสั้นๆ บางประเด็นที่คุณจักรภพพูดได้ว่า
ประชาธิปไตยได้รับอนุญาตให้เจริญเติบโต
ผู้ยึดอำนาจเปลี่ยนวิธีคิดไปเยอะ
อย่าพูดว่ามี deal อะไรกับใคร แต่พูดได้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นถ้าไม่มีการพูดคุยกัน
ขณะนี้ ฝ่ายที่สร้างประชาธิปไตยก็มุ่งมั่นในการสร้างต่อไป ส่วนฝ่ายที่ทำลายประชาธิปไตย ก็ลดบทบาทในการทำลายลง
ผมฟังแล้วก็ชื่นใจว่า ต่อไปนี้ การรักษาชาติ บ้านเมือง อยู่ในมือของฝ่ายประชาธิปไตยของคุณทักษิณ ชินวัตรแล้ว เมื่อผนวกกับฝ่ายก้าวหน้าของพรรคสีส้ม ก็ถอนหายใจ สบายใจได้ว่าต่อไปนี้ ชาติมั่นคงแล้ว
พวกเราที่อาจถูกมองว่า เป็นฝ่ายทำลายประชาธิปไตย ก็ควรลดบทบาทลงตามคำแนะนำของคุณจักรภพ เพ็ญแข
วางหน้าที่บนบ่าทั้งสองของคุณลงเถอะ คุณไม่เหนื่อยบ้างหรือ ที่แบกชาติบ้านเมืองมา ๑๗-๑๘ ปี
ครั้งหน้า ผมจะออกไปใช้สิทธิไม่ประสงค์เลือกพรรคการเมือง และผู้สมัครคนไหน…”
“นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” สบายใจแบบสิ้นหวัง!
ฝ่ายที่ชูทักษิณจนสำลักประชาธิปไตย มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ เริ่มมีพฤติกรรมทำลายกระบวนการยุติธรรม เข้าใกล้จุดย่อยยับเต็มทน
เมื่อมองไปข้างหน้าเครือข่ายระบอบทักษิณกำลังกลับมาก่อตัวใหม่ ก็จะมีกิจกรรมใหม่ที่สุ่มเสี่ยงเกิดขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน
ที่พูดกันหนาหูว่า การฟื้นระบอบทักษิณเพื่อไว้ต่อกรกับพรรคก้าวไกลที่มีทัศนคติล้มล้างสถาบัน เป็นโจทย์ที่ผิดตั้งแต่เริ่มแรก
เพราะกลายเป็นสร้างแนวร่วมให้พรรคก้าวไกล
ไปเพิ่มความนิยมให้พรรคก้าวไกลมีมากขึ้น
มองแบบคนคิดมาก!
เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีดีลซ้อนดีล
เพราะระดับหัวเขายังคุยกันอยู่
ตบตา! ปล่อยให้หางทะเลาะกัน
แต่หากไม่คิดมาก จะเอาอย่าง “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ก็ได้ เลือกตั้งครั้งหน้า “โหวตโน”
ครับ…การเมืองหลังจากนี้จะมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นอีก
ตามไม่ทัน จะเสียรู้โจร