ผักกาดหอม
เอาจริงๆ…
ช่องทางที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จะกลับบ้านแบบเท่ๆ ทำได้ง่ายกว่า พี่ชาย ด้วยซ้ำ
อยู่ที่ความด้านครับ
จะด้านพอหรือเปล่า
กรณี “นักโทษชายทักษิณ” ไม่ติดคุกแม้วันเดียว ได้ท้าทายคุณธรรม จริยธรรม การบังคับใช้กฎหมายของกระบวนการยุติธรรม ภาพพจน์กรมราชทัณฑ์เรี่ยดินมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
หากเกิดกรณี “นักโทษหญิงยิ่งลักษณ์” ซ้ำอีก คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ทั้งในแง่กระบวนการยุติธรรม และการดีลทางการเมือง
กระบวนการยุติธรรมไม่มีอะไรต้องยับเยินไปกว่านี้อีกแล้ว
น่าเห็นใจนักโทษคนอื่นๆ โดยเฉพาะ “เทพไท เสนพงศ์” วันนี้แม้จะออกจากคุกแล้ว แต่ยังมีสถานะนักโทษชายอยู่ เพราะได้รับการพักโทษ
“เทพไท” เขียนถึงกรณี “ยิ่งลักษณ์” ได้น่าสนใจทีเดียว
“….’ยิ่งลักษณ์ ยังไม่มีสิทธิ์ขออภัยโทษ’
ผมเห็นการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่ได้ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษนั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่มีคุณสมบัติในการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเลย ซึ่งหลักเกณฑ์การขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นการเฉพาะราย มีดังนี้
๑.ผู้ต้องโทษที่คดีถึงที่สุดแล้ว
๒.ถูกคุมขังรับโทษอยู่ในเรือนจำ
๓.ยอมรับผิด และสำนึกผิดในการกระทำ
๔.ถ้าอ้างเหตุเป็นผู้ป่วย มีปัญหาด้านสุขภาพ ต้องมีบันทึกความเห็นของแพทย์หรือจิตแพทย์
๕.สำเนาคำพิพากษาทุกชั้นศาลที่ปรากฏและรับรองสำเนาถูกต้องโดยจ่าศาล
๖.เอกสารประกอบคุณงามความดีตามที่ได้อ้าง
สำหรับผู้มีสิทธิ์ยื่นคือ นักโทษ หรือผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง (เช่น บิดามารดา บุตร คู่สมรส) สามารถยื่นเรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษผ่านเรือนจำ ทัณฑสถาน กระทรวงยุติธรรม สำนักราชเลขาธิการ กระทรวงการต่างประเทศ หรือสถานทูต ทั้งนี้ ไม่ว่าจะยื่นผ่านหน่วยงานใด ก็จะต้องส่งเรื่องให้เรือนจำ/ทัณฑสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องโทษ ดำเนินการสอบสวนและรวบรวมเอกสารทุกกรณี จากนั้นจะเสนอความเห็นให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมลงนาม เพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ผ่านสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสำนักราชเลขาธิการ
ทั้งหมดนี้คือขั้นตอนที่นักโทษทั่วไปปฏิบัติกัน แต่ถ้าเป็นนักโทษพิเศษ ที่มีอภิสิทธิ์ชน หรือเป็นนักโทษเทวดา ก็จะมีช่องทางพิเศษ เช่น กรณีของคุณทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการให้ไม่ต้องผ่านเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ใช้เวลาเพียง ๒ วันเท่านั้น
ส่วนตัวผมได้ขอพระราชทานอภัยโทษเช่นเดียวกัน ได้ยื่นไปตั้งแต่วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๖ จนถึงวันนี้ ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
สำหรับกรณีของคุณยิ่งลักษณ์ ถ้าจะมีการยื่นขอพระราชทานไปโทษจริง รัฐบาลชุดนี้คงเป็นผู้ดำเนินการให้ทุกอย่าง และคงใช้เวลาไม่ต่างกับกรณีของคุณทักษิณแต่อย่างใด
ขอให้คนไทยทั้งประเทศเฝ้าระวัง อย่าให้กระบวนการยุติธรรมไทย ถูกย่ำยีเป็นครั้งที่ ๒ นะครับ…”
ใช่ครับ วันนี้ “ยิ่งลักษณ์” ยังไม่มีสิทธิ์ขออภัยโทษ
แต่ทันทีที่ “ยิ่งลักษณ์” เหยียบแผ่นดินไทย กระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายจะเริ่มต้นขึ้นทันที เช่นเดียวกับกรณี “นักโทษชายทักษิณ”
และ “ยิ่งลักษณ์” ก็อาจไม่ติดคุกแม้วันเดียวเหมือนกับพี่ชาย!
มันมีช่องทางครับ กรณี “นักโทษชายทักษิณ” ได้ทำให้เห็นกันแล้ว
คือ…ป่วยหนัก!
ยิ่งมากโรคยิ่งดี
โรคเหล่านี้คือทางรอด ไม่ต้องนอนคุก แต่นอนห้องวีไอพีแอร์เย็นฉ่ำในโรงพยาบาลนอกเรือนแทน
จุดเริ่มต้นตรงนี้จึงสำคัญ เพราะเป็นการกลัดกระดุมเม็ดแรก
หากได้รับพระราชทานอภัยโทษ จากโทษจำคุก ๕ ปี เหลือ ๑ ปี ก็ดำเนินตามแผนการลำดับถัดไป
พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ แต่ละปีมีข้อความคล้ายๆ กัน
ยกตัวอย่าง พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.๒๕๖๕
มาอ่านกฎหมายกันหน่อยครับ….
มาตรา ๔ ผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ ต้องมีตัวอยู่ในความควบคุมของทางราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่หรือที่อาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนด…
เท่านี้ก็เข้าเกณฑ์แล้วครับ
เพราะ “ยิ่งลักษณ์” อยู่ในความควบคุมของทางราชการแล้ว แม้จะถูกส่งตัวไปนอนห้องแอร์ในโรงพยาบาลนอกเรือนจำก็ตามที
ระหว่างนี้ “ยิ่งลักษณ์” ต้องป่วยหนัก อยู่ในขั้นโคม่ายิ่งดี
มาตรา ๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ มาตรา ๑๕ และมาตรา ๑๖ นักโทษเด็ดขาดดังต่อไปนี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป
(๑) ผู้ต้องโทษจำคุก ไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ่งมีโทษจำคุกตามกำหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
(๒) ผู้มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(ก) เป็นคนพิการโดยตาบอดทั้งสองข้าง มือหรือเท้าด้วนทั้งสองข้าง หรือเป็นบุคคลซึ่งแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นคนทุพพลภาพมีลักษณะอันเห็นได้ชัด
(ข) เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคอัมพาต โรคสมองเสื่อม โรคสมองพิการ โรคจิต โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังขั้นรุนแรง โรคตับวายเรื้อรัง โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) โรคโลหิตจางจากไขกระดูกไม่สร้างเม็ดโลหิต หรือโรคเรื้อน หรือเป็นคนเจ็บป่วยซึ่งมีภาวะติดเตียง หรือมีโรคที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตที่จำเป็นต้องรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางราชการได้ทำการรักษามาแล้วไม่น้อยกว่าสามเดือนในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ และแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าไม่สามารถจะรักษาในเรือนจำให้หายได้ และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๒ ของโทษตามกำหนดโทษ
(ค) เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายหรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) ระยะสุดท้าย ซึ่งแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นระยะสุดท้ายและไม่สามารถจะรักษาในเรือนจำให้หายได้
(ง) ข้อนี้ข้ามไปเพราะใช้อายุ ๖๐ ปี เป็นเกณฑ์ แต่ “ยิ่งลักษณ์” อายุ ๕๗ ปี
(จ) เป็นหญิงซึ่งต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรก และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๒ ของโทษตามกำหนดโทษ
ครับ…จับตาดูดีๆ วันที่กรมราชทัณฑ์ย้าย “ยิ่งลักษณ์” จากแดน ๗ ไปโรงพยาบาลนอกเรือนจำ จะมีโรคสมองเสื่อม โรคสมองพิการ โรคจิต โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังขั้นรุนแรง โรคตับวายเรื้อรัง โรคไตวายเรื้อรัง ฯลฯ หรือไม่
บางปีกำหนดให้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๓
หากปีนี้ กำหนด ๑ ใน ๓ “ยิ่งลักษณ์” นอนโรงพยาบาลนอกเรือนจำไม่กี่เดือนก็เข้าเกณฑ์กรณีเจ็บป่วยแล้ว
แต่เกณฑ์ตาม (จ) ดูจะง่ายสุด
“ยิ่งลักษณ์” กลับมาแน่