เรื่อง “น้ำยา” นายกฯ – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ตกลง เรามี “นายกฯไว้ทำไม?”
ปัญหา “เต็มบ้าน-เต็มเมือง” ทั้งเรื่องหลัก-เรื่องรอง กองสุมรอให้ผู้นำตัดสินใจและสั่งการ
แต่เศรษฐาเอาแต่ “ร่อนไป-ร่อนมา” หนึ่งเดือนมี ๓๐ วัน อยู่ติดทำเนียบซัก ๑๐ วัน ก็ไม่แน่ใจ
เพราะเห็นเป็นนายกฯ มาครึ่งปี ถ้าไม่อ้าง “ลงพื้นที่” ไปยืนชี้โบ้-ชี้เบ้ ให้เป็นข่าว ตามจังหวัดโน้น-นี้ เรียงเป็นรายสัปดาห์
ก็โน่น…บินไปต่างประเทศ!

ไหนว่าประเทศอยู่ในภาวะ “วิกฤตเศรษฐกิจ” ไง่ละ
วิกฤติ แต่นายกฯ กลับขนคณะ ทัวร์เหนือ-ทัวร์ใต้-ทัวร์อีสาน สลับบินต่างประเทศ ตลอด ๖ เดือน
ถ้าไม่เรียก “ล้างผลาญในวิกฤต” แล้วจะเรียกว่าอะไร?

นี่เห็น “ก้าวไกล-ฝ่ายค้าน” การละคร จะเปิดเวทีอภิปรายรัฐบาลแบบไม่ลงมติ

ประเด็นที่เป็เหตุซักฟอกแบบหยอกๆกัน ชัยธวัชบอกว่า…..
“ตอนนี้รัฐบาลชุดใหม่ได้บริหารประเทศมาเป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้ว แต่พบว่า ไม่ได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เพิกเฉยต่อคำแถลงนโยบายของตนเอง

ไม่มีการขับเคลื่อนนโยบายและการแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชนที่เร่งด่วนอย่างเป็นรูปธรรม
ปล่อยปะละเลย ให้มีกลุ่มผู้มีอิทธิพล ทั้งในและนอกประเทศ เอารัดเอาเปรียบประชาชน

ปล่อยให้ข้าราชการมีการเรียกรับผลประโยชน์ รีดไถประชาชน
หลักนิติธรรมถูกทำลาย เลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม
บริหารประเทศอย่างไร้จริยธรรม ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ และไร้วุฒิภาวะ”

ก็มีส่วนจริงระดับ ๙๐% นะ!

“ฝรั่งต่างชาติ” ทำตัวเป็นเจ้าเข้าครองประเทศ มีทั้งแก๊งฟอกเงิน แก๊งมาเฟีย แก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ
พวกหนีคดี ใช้ช่อง “ฟรีวีซ่า” เข้ามาซ่อนตัว
แล้วกร่างแย่งอาชีพคนไทย ไม่เว้นกระทั่งกะเทย แถมไล่กระทืบคนไทย มี “ฝังราก” ไปทั่วทั้งประเทศ

“ฝรั่ง-สวิส” เตะหมอที่ภูเก็ตหมาดๆ เมื่อวาน “ฝรั่ง-สวิส” อีกเหมือนกัน ต่อยหญิงชราที่ตรัง ขั้นสาหัส
มันไม่ใช่เรื่อง “ทำร้ายร่างกาย” แบบคดีมโนสาเร่ทั่วไป
แต่มันโดยสันดาน “ฝรั่งสถุล” ประเภทเทา “เศษเดน” ในสังคมบ้านเขา

เมื่ออยู่บ้านตัวเองไม่ได้ มีเงินซักก้อน ก็หนีมาหาเมียไทย แล้วหลบๆ ซ่อนๆ ประกอบอาชีพเทาๆ
เป็นที่รู้ทั้งโลก เมืองไทย “มาง่าย-อยู่ง่าย” แค่มีเงินก็ซื้อได้ทั้งนั้น

ด้วยสันดานต่ำชั้นของมันเป็นทุนเดิม เมื่อทุกอย่างง่าย มันจึงดูถูกประเทศไทย-คนไทย กร่าง หยามคนไทยไปทั่ว!

เรื่องนี้ เป็นปัญหา “โครงสร้างสังคมชาติ” ที่ต้องตระหนัก จะมองว่าเป็นคดี “มโนสาเร่” แค่ทำร้ายร่างกาย กระทืบแล้วจ่ายเงิน ก็จบ แบบนั้นไม่ได้

ต้องถือเป็นเรื่องนโยบาย ที่รัฐบาลต้องแอ็กชั่นให้สังคมโลกรู้ ทั้งต้องรื้อระบบ เพราะไม่ใช่ฝรั่งชั่วฝ่ายเดียว
คนไทยในระบบรัฐบางส่วน ก็ชั่วด้วย!

แต่ไหนล่ะ ผู้นำบริหารประเทศ ที่จะ “ตีเหล็กกำลังร้อน”?
“หัว” ไม่อยู่ส่ายนำทิศทาง แล้ว “ส่วนหาง” จะกระดิกตามได้ถูกยังไง?

ก็ยังดีนะ….
ผมดูข่าวสัมภาษณ์ “ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง” อาจารย์รัฐศาสตร์ ม.รังสิต ถึงเรื่องฝรั่งถีบหมอที่ภูเก็ต วันก่อน

ตอนหนึ่ง ผศ.ดร.วันวิชิต พูดว่า….
“ต้องขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกับความขึงขังเอาจริงเอาจังของท่าน นี่คือโอกาสที่ท่านจะแสดงผลงานในการปราบผู้มีอิทธิพล

นายอนุทินบอกว่า การจัดการมาเฟียต่างชาติ ต้องกล้าถอดวีซ่าก่อน หลังจากนั้น กระบวนการเรื่องนี้ ขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว

เพราะนายอนุทิน ส่งสัญญาณไปแล้ว ว่าให้ดูเรื่องวีซ่า หัวขยับ หางก็ต้องส่าย ตอนแรกอาจจะกล้าๆ กลัวๆ แต่นายอนุทิน มท.๑ สั่งมาแล้ว ก็ต้องลุย

เราต้องการความดุดันแบบนี้ เรื่องมาเฟีย เรื่องอิทธิพล ควรจะเร่งปฏิกิริยาในการจัดการ เป็นสิ่งที่สมควรทำ ไม่ควรหายไปตามกาลเวลา

และเชื่อว่า ถ้าเดินหน้าอย่างจริงจัง ภูเก็ตในสายตานักท่องเที่ยว จะเกิดความมั่นใจในความปลอดภัยมากขึ้น”

อย่างนี้นี่เอง…..
ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง “พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร” รองผบก.ตม.๑ ถึงได้แถลง
ว่าไม่ต่อวีซ่าธุรกิจให้ฝรั่งถีบหมอแล้ว จะให้วีซ่าเฉพาะระหว่างคดีเท่านั้น

หมายความว่า จบคดีทางศาลแล้ว ฝรั่งถีบหมอ มาทางไหน ถีบมันกลับไปทางนั้น ให้อยู่เมืองไทยไม่ได้แล้ว

ที่ระบบราชการปุ๊บปั๊บ ก็เพราะมหาดไทย โดย “รัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีระกูล” แอคชั่นถึงทางจังหวัดนั่นเอง

“นายศรัทธา ทองคำ” รองผวจ.ภูเก็ต รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
ทำหนังสือถึงผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต ขอให้พิจารณาดำเนินการ

“เพิกถอนหนังสือเดินทางของ MR.URS BEAT FEHR”

“…….จังหวัดภูเก็ตพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของ MR.URSFEHR มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม

หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขและความเรียบร้อยของประชาชน

จึงขอให้พิจารณาดำเนินการเพิกถอนหนังสือเดินทางของ MR.URS BEAT FEHR โดยเร่งด่วน และรายงานผลให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตทราบ”

ก็มีเหตุผลที่ “ผศ.ดร.วันวิชิต” ขอบคุณรัฐมนตรีอนุทิน

อาจารย์วันวิชิตขอบคุณรัฐมนตรีมหาดไทยไปแล้ว ผมก็ขอชื่นชมคนที่ควรได้รับคำชื่นชมในกรณีนี้บ้าง

“ชาวภูเก็ต” นั่นแหละครับ!
เพราะสามัคคีรวมใจคนภูเก็ต มันมีพลังหนักแน่นยิ่งกว่าพลังคลื่นในทะเลซัดหาดซะอีก

ทำเอา “ทุกระบบ-ทุกองค์กร” ตื่น นอนหลับไม่รู้-นอนคู้ไม่เห็นอยู่ไม่ได้แล้ว

 ใครมีอำนาจหน้าที่ตรงไหน ต่างออกมาทำหน้าที่ “ตรวจสอบ” ตรงนั้น
คืนศักดิ์ศรี-คืนผืนดิน-ผืนทราย ที่ “นายทุน+คนรัฐ” สมคบเอาไปเป็นสมบัติส่วนตัว คืนมาเป็น “สมบัติสาธารณะ”
และ “เฉดหัว” มันออกไป….

“ฝรั่ง-ต่างชาติ” คนไหน เข้ามาอาศัยแผ่นดินไทยอยู่
แต่กลับทำระยำ ย่ำศักดิ์ศรีคนไทย “เจ้าของแผ่นดิน”!

ความจริง อำนาจในตำแหน่งนายกฯ
อำนาจนั้น เหมือนคน “ถือกรรมสิทธิ์คอนโดฯ”

คอนโดฯ มันโด่เด่ในอากาศ ก็เท่ากับถือกรรมสิทธิ์ในอากาศ!
แล้วมันมีตัวตนในอำนาจให้จับต้อง เหมือนมีที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์มั้ยล่ะ เซลแมนอสังหาริมทรัพย์ น่าจะตอบได้นะ

จึงเห็น “ผู้นำบริหาร” สั่งการโขมงโฉงเฉงไปทุกเรื่อง แต่ไม่ได้เรื่องซักเรื่อง

เพราะอำนาจสั่งการทางปฎิบัติ อยู่ที่แต่ละ “เจ้ากระทรวง” จะไปสั่งข้าราชการโดยตรงในสังกัดตะหาก

จะว่าไปแล้ว “มหาดไทย” นี่ ตำแหน่งเล็กกว่านายกฯ
แต่มีพื้นที่ให้จับต้องและสั่งการเป็นรูปธรรมมากกว่านายกฯ

พื้นที่ประเทศไทย ๕๑๓,๑๒๐ ตร.กม. แบ่งเป็น ๗๖จังหวัด ๘๗๘ อำเภอ และ ๗,๒๕๕ ตำบล
อยู่ในอำนาจสั่งการของรัฐมตรีมหาดไทยทั้งหมด!

ส่วนนายกฯ มีพื้นที่สั่งการแค่ ๒ ไร่ ๓ งาน ๔๔ ตารางวา คือที่ “ทำเนียบรัฐบาล” แค่นั้นเอง
น้อยแต่มากตรงอำนาจ “สั่งการ” รัฐมนตรีได้ทุกกระทรวง
แต่อำนาจสั่งการ “บ่มิไก๊”

ถ้าคนมีอำนาจ ไร้เสียซึ่ง “บารมี”!

ทั้งหมดนี้ ไม่มีปัญหา ยังไงๆ นายกฯ ก็ต้อง “ใหญ่กว่า” ทุกรัฐมนตรีอยู่แล้ว

แต่ปัญหามันมีอยู่ตรงว่า….
“น้ำยา” ของคนที่ใหญ่กว่านั่นน่ะ…มีมั้ย?!

เปลว สีเงิน
๗ มีนาคม ๒๕๖๗

Written By
More from plew
ล็อกทำไม “กรุงเทพฯ”? – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน ผมว่านะ…. บางทีเราก็ใช้คำกันเกินเหตุ เช่น “กรุงเทพฯ แตกแล้ว” ป่วยโควิด “ล้นโรงพยาบาล” แล้ว ทุกโรงพยาบาล “ไม่รับ”...
Read More
0 replies on “เรื่อง “น้ำยา” นายกฯ – เปลว สีเงิน”