เปลว สีเงิน
“วิดีโอคลิป”…….
ที่ดูกันมาก เผยแพร่กันมาก ชื่นชม ปลาบปลื้มกันมาก ขณะนี้ คือ
คลิป “นิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร” พิษณุโลก
ร่วมขับร้องเพลง “ฮัก”
ถวายกำลังใจแด่ “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี”
ระหว่างพิธี “พระราชทานปริญญาบัตร” แก่ผู้สำเร็จการศึกษามหาวิทยาลัยนเรศวร ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๕
ที่หอประชุมมหาราช “อาคารองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” มหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อ ๒๑ กพ.๖๗
อย่าว่าแต่ใครอื่นเลย….
แม้แต่ผมเอง ทั้งเปิดดู ทั้งแชร์แล้ว-แชร์อีก จนนับครั้งไม่ถ้วน ด้วยเหตุ ๓ ประการ
๑.ปลาบปลื้ม-ชื่นชม ต่อการแสดงออกบ่งบอกเนื้อแท้แห่งจิตใจนิสิตและคณาจารย์ ต่อ “กรมสมเด็จพระเทพฯ”
๒.การเอื้อนเอ่ยถ้อยทำนองสอดประสาน ทั้งพร้อมพรัก หนักแน่น เน้น…แผ่วเบา อ่อนเอื้ออ้อน รอนๆ ประโลมหัวใจอ่อนๆ ให้ระอุอุ่น
ช่างดื่มด่ำเข้าไปในดวงจิต ประหนึ่งลีลาภาษาทิพย์ ในท่วงทำนองคนธรรพ์ ก็ปานนั้น
ต่อให้ใจเป็นหิน เมื่อได้ยินประหนึ่งเสียงน้ำริน กระซิกเซาะซอกหิน หินนั้น พลันละลาย ไปกับสายเสียงเอื้อนอ้อน ที่เหล่านิสิตฯแม่เนื้ออ่อน
ถอดจิตวิญญานขับขาน บอกว่าสุดรัก และภักดี
๓.เป็นภาพเหตุการณ์และบรรยากาศให้ความรู้สึก ระหว่าง “เจ้าฟ้า-เจ้าแผ่นดิน” กับ “ประชาชน”
เมื่อ “รักบริสุทธิ์” เป็นพื้นจิต
บริสุทธิ์ระหว่างเจ้ากับประชาชนนั้น มันเหนือกำแพงกั้นทางสังคมแห่งชนชั้นทั้งมวล!
ผมเห็นในคลิป….
“กรมสมเด็จพระเทพฯ” ทรงยืนฟังบทเพลงที่นิสิตคณาจารย์ขับขานตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยพระทัยเต็มตื้น
เป็นการ “ถวายกำลังใจ” จากเหล่านิสิตและคณาจารย์ที่มีมนต์ขลังและศักดิ์สิทธิ์นัก
เมื่อจบ พระองค์เสด็จเข้าไปทรงยืนใกล้ๆ หมู่นิสิตที่รายล้อม และตรัสขอบใจ เหล่านิสิตจิตตั้ง-มโนน้อม ค้อมกายลงกราบพร้อมกัน
เป็น ๑ ภาพ ที่ ๑,๐๐๐,๐๐๐ ความหมาย อย่างนั้นจริงๆ!
เพจ “วงดนตรีลูกทุ่งมหาวิทยาลัยนเรศวร NU Band” โพสต์ข้อความไว้ว่า…..
นิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร
โดยชมรมวงดนตรีลูกทุ่งมหาวิทยาลัยนเรศวร NU Band นิสิตโครงการผู้มีความสามารถพิเศษด้านศิลปวัฒนธรรม (โครงการลูกพระฆเนศ) ชมรมสืบสานล้านนา
และชมรมสืบสานวัฒนธรรมม้ง มหาวิทยาลัยนเรศวร
ได้ร่วมขับร้องเพลง “ฮัก” เพื่อถวายกำลังใจผ่านเสียงเพลงแด่ “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี”
พิธีพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษามหาวิทยาลัยนเรศวร ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๕
วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ (เป็นวันที่ ๒)
………………………..
เพลง “ฮัก”
ศิลปิน : หนุ่ม มีซอ
คำร้อง/ทำนอง : หนุ่ม มีซอ
“พอแต่ได้ย่างกายได้สูดอายกลิ่นเจ้า กะหลงมัวเมา ฮำคนิงแต่นำน้อง อยากสิจับตาจ้อง ย่านทางเจ้าสิเปิดนายเจ้าผุแก้ม ปายลาย
ใจแพพัง ตั้งครั้งแต่คราวก่อน ไห้ใส่หมอนใจอาวอนแต่นำเขา อยากสิลืมทุกเรื่องที่ผ่านได้ทำให้ใจมันปวดร้าว
จนมาพ้อเจ้าคนไค เจ้าผุงามโอ้ยปานแต้ม อ้ายขอแนมแน่จักหว่าง ซ่อยชุบใจที่เพพัง หล่าพะนางคนไค สิเป็นไปได้บ่ คันอ้ายสิขอไปเคียงกาย คันเจ้าบ่มีไผ (ได้อยู่เด้อ้าย)
ขั้นได้นางมาเคียงข้าง สิขอฮักนางไปจนแก่ โปรดรับใจเอาใว้แน ให้เจ้าแลแน่เด้อคำ ยามหนาวอ้ายกะสิกอด ยามนอนอ้ายกะสิหอม (อ้ายก็สิหอม)
จนมาพ้อเจ้าคนไค เจ้าผุงามโอ้ยปานแต้ม อ้ายขอแนมแน่จักหว่าง ซ่อยชุบใจที่เพพัง หล่าพะนางคนไค สิเป็นไปได้บ่ คันอ้ายสิขอไปเคียงกาย คันเจ้าบ่มีไผ (ได้อยู่เด้อ้าย)
ขั้นได้นางมาเคียงข้าง สิขอฮักนางไปจนแก่ โปรดรับใจเอาใว้แน สิดูแลบ่ลาไล อ้ายสิคอยถนอม ซอมเจ้าจนมื้อตาย แม่นขี้ดินกบไว้ ทางใจกะยังบ่เซา ฮักคือกันเด้อ…ฮัก”
ผู้ฝึกซ้อม
นายศิวดล มาตราช นักวิชาการละครและดนตรี
นายณัฐพล ประดิษฐ์กุล นักวิชาการศึกษา
กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร
นายปรัชญา ธรรมโชติ (โบ๊ท เพลงเอก)
ที่ปรึกษา
รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี
รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร
อำนวยการฝึกซ้อม
ดร.จรัสดาว คงเมือง
รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ศิษย์เก่า และศิลวัฒนธรรม
ดร.จารุวรรณ แดงบุบผา
ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต
นางพรธิดา บุญยะโรจน์
รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองกิจการนิสิต
นางสาวธัญญารัตน์ อินทร์เมือง
หัวหน้างานกิจกรรมพัฒนานิสิต
ครับ จากคลิปนี้…..
“มหาวิทยาลัยนเรศวร” เป็นรอยสักสลักติดหัวใจคนไทยคู่พระนาม “พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” พระผู้กู้ชาติ-กู้แผ่นดินตลอดไป
และทำให้ผมเกิดมุมคิดบางอย่าง ที่พูดกันว่า “คนรุ่นใหม่” ไม่เอาชาติ ไม่เอาศาสนา ไม่เอาพระมหากษัตริย์แล้ว
ถามว่า ไปเอาความเข้าใจนั้นมาจากไหนกัน?
ส่วนใหญ่จะอ้าง ชาติตะวันตก ในอาเซียน-เอเชีย ก็จะอ้างจากสิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น
ว่าเดี๋ยวนี้ เขาประกาศตัว “เป็นคนไม่มีศาสนา” แล้ว!
ก็เลยปั่นกระแสกันเป็น “เทรนด์เท่”
ใครอยากเป็นรุ่นใหม่เท่ๆ ต้องไม่เคารพนับถือใดๆ ต้องใช้ลัทธิต้าน แสดงตนเป็นปฎิปักษ์ต่อสิ่งเก่า
อยากทำอะไรก็ทำตามใจชอบ วัตถุสนองอยาก คือคำตอบชีวิต เพราะมันเป็นของที่ต้องมี โดยไม่เกี่ยงวิธีและรูปแบบที่จะทำให้ได้มา!
ความจริง เป็นค่านิยม “รุ่นใหม่” สังคมประเภทจอกแหน ลอยตามกัน ตามประสาพืชไร้รากในบึง-ในบ่อน้ำนิ่ง ที่รอเน่าเป็นน้ำครำ
เพราะสังคมยุคสื่อ “มือถือคือพระเจ้า” นั่นแหละ เรื่องดี-คนดี โพสต์ให้ตาย ก็ไม่มีคนกดไลก์-กดแชร์
เรื่องแย่ๆ คนระยำ ทำเลวๆ แหมมม…ดังเปรี้ยง!
แย่งกันดู แย่งกันแชร์ โทรทัศน์แห่จองตัว “ถึงขั้นประมูล” ไปสัมภาษณ์ออกจอ
คนโกง-คนเลว เป็นฮีโร่ คนกะล่อนเป็นพ่อของฟ้า แมงดา-กะหรี่ เป็นดารา พวกล่มฟ้า-ล่มแผ่นดิน เป็นนักการเมือง
พื้นที่สื่อ ทั้งในจอ ในกระดาษ ในโซเชียล จึงพรึ่ดไปด้วยเลวแล้วได้ดี-เด่น-ดัง ยิ่งปั่นมาก ยิ่งได้สตางค์มาก
ส่วนข่าวคนทำดี ไม่มีสื่อไหนให้พื้นที่ เพราะโพสต์ไป คนไม่ดู ไม่แชร์ ก็อดแหงแก๋ ตามยุค “ธุรกิจออนไลน์”
ไม่ต้องดูอื่นไกล…
สมมติเช่น ข่าวนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร ดีและงดงามอย่างนี้
ก็แพร่หลาย กดไลก์ นำไปแชร์ให้ชื่นชมเป็นแบบอย่างสังคมกันไม่เท่าข่าว “หยก” ข่าว “บุ้ง” ข่าว “แบม-ตะวัน” ตะบันสังคมเลว
ยิ่งข่าวสร้าง-ข่าวปั่น เรื่องผัว-เรื่องเมียชาวบ้าน ยิ่งเป็นประเภทดาราด้วยแล้ว จริง-ไม่จริง ไม่รู้
ดูกันตาทะลุ ฟังกันหูแตก คนโพสต์รวยจากยอดไลก์-ยอดแชร์ สบายไป ส่วนใครจะเดือนร้อน-ฉิบหาย ช่างมึง!
จริงๆ แล้ว เท่าที่ผมดูและสังเกต คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะนักเรียน-นักศึกษา ส่วนใหญ่ ทุกวันนี้
ที่ใฝ่รู้-ใฝ่เรียน ทัศนคติ-โลกทัศน์ อยู่ในชาติ, ศาสน์ และสถาบันพระมหากษัตริย์ มีมากกว่ารุ่นใหม่ประเภทจอกแหน
อย่างนักศึกษาราชภัฎ ราชมงคล หลายแห่ง มีความคิดนำ คิดสร้างสรรค์ ทางวัตกรรมด้วยภูมิปัญญา ตื่นตา-ตื่นใจ มีให้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน
ยิ่งด้านอนุรักษ์ สืบสาน-เสริมสร้าง “ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น” ให้ดำรงคงอยู่ เห็นแล้วดีใจ-ภูมิใจ ใครว่ารุ่นใหม่ “ใจเป็นทาส” ไม่จริง
อย่างที่ “โรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์” อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เป็นต้น
ผมดูคลิป คุณครูออกแบบท่ารำ รังสรรค์สร้อยสังวาลย์เครื่องประดับ นั่งประดิษฐ์กันเอง เพื่อการสืบสานประเพณีสี่เผ่าไทศรีสะเกษ
หรืออย่างที่นักเรียนหญิง “โรงเรียนสุรนารีวิทยา” บรรเลงและร้องพลงมาร์ชราชสีมา ที่ลานข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี วันก่อน
เนี่ย….
รุ่นใหม่ “หัวใจไทย” แท้ๆ มีมาก แต่ถูกสังคมสามนิ้ว “รุ่นใหม่ต้องชังชาติ” กดทับ โดยใช้ “สื่อสารออนไลน์” ปูพรม ถีบข่าวคนดีออกไป เอาข่าวคนจัญไรตามแต้มสี
สร้างกระแส “ล้มเจ้า” คือ รุ่นใหม่ ทันสมัย
ยึดมั่นใน “ชาติ,ศาสน์.สถาบันพระมหากษัตริย์” คร่ำครึ-ล้าหลัง ฝรั่งมันบอก…เชย!
ไทยวันนี้ ไถลเกินคำว่า “วิกฤตทางสังคม” ไปมากแล้ว
อย่างคุณป้าเสื้อแดงคนหนึ่ง ออกมาดีใจที่ทักษิณพ้นคุก และบอกว่า
“คนดีแบบท่านหาไม่ได้แล้วจริงๆ ในบ้านเรา ถึงท่านจะโกง แต่ประชาชนคนไทยกินได้ ได้อยู่ ได้กิน”
ประเทศ (ยัง) ไม่ล่มสลาย
แต่ “สังคมไทย” ถึงขั้น “ฉิบหาย” แล้วจริงๆ!
เปลว สีเงิน
๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗