17 มกราคม 2567 เวลา 10.00 น. ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำร้องถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นาย ไชยา พรมมา) กรณีผู้บริหารกรมฝนหลวงฯ ที่อาจเอื้อประโยชน์ให้กับตัวแทนนายหน้าบริษัทที่เสนอขายเครื่องบินทำฝนหลวง 2 ลำมูลค่า 1,188 ล้านหลังจากพบพิรุธว่าก่อนเขียนทีโออาร์ยกโขยงกันเดินทางไปดูงานบริษัทผลิตเครื่องบินที่สาธารณรัฐเชคฯ พอกลับมาก็ร่างทีโออาร์ล็อกสเปกให้ตัวแทนบริษัทดังกล่าว
จนถึงเวลานี้ผู้บริหารกระทรวง และ ผู้เกี่ยวข้องยังมิได้ดำเนินการหรือสั่งการสืบสอบส่วนหรือปรับแก้ไขทีโออาร์ให้เปิดกว้างแต่ยังใด ผู้บริหารกรมฝนหลวงฯ ยังคงปล่อยให้มีการจัดซื้อจัดจ้างไปตามปกติ เพื่อได้บริษัทที่ชนะการประมูลตามโผที่วางไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยมีการยืนประกวดราคาไปวันที่ 5 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา และจากข้อมูลการเสนอราคาของเวปป์กรมบัญชีกลาง ก็พบว่า มีผู้ยื่นเข้าประมูลเพียงรายเดียว ซึ่งก็คือบริษัทที่ล็อกสเปกกันไว้ ตามที่องค์กรรักชาติ รักแผ่นดินได้เคยร้องเรียนท่านรัฐมนตรีและคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนฯ ไปก่อนหน้านี้แล้วนั่นเอง
การที่รัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกรมฝนหลวงฯ รับรู้ข้อมูลในการล็อกสเปกการเปิดประมูลจัดซื้อจัดหาเครื่องบินทำฝนหลวง 2 ลำงบ 1,188 ล้านบาทแล้ว แต่กลับไม่ดำเนินการสั่งให้มีการตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงหรือสั่งให้มีการทบทวน จึงอาจเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 หรือไม่ ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่หากปล่อยเลยไป อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายมากไปกว่านี้
ดังนั้น องค์กรรักชาติ รักแผ่นดินจึงจำต้องเดินทางมายื่นหนังสือติดตามทวงถามความคืบหน้ากับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า) และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นาย ไชยา พรมมา) ที่รับผิดชอบโดยตรง เพื่อขอให้ดำเนินการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงว่าผู้บริหารกรมฝนหลวงฯที่เกี่ยวข้อง มีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริตเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน วางตัวไม่เป็นกลาง หรือไม่ รวมทั้งขอให้ยกเลิกการยื่นประกวดราคาเมื่อวันที่ 5 ม.ค 67 ไว้ก่อน เพื่อจัดให้มีการจัดทำทีโออาร์ขึ้นมาใหม่ ให้มีความโปร่งใส เปิดโอกาสให้บริษัทตัวแทนเครื่องบินต่างๆสามารถเข้าประมูลได้หลายยี่ห้อ เพื่อให้ได้มาซึ่งเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยต่อนักบินนั่นเอง
หากรัฐมนตรีทั้งสองและหรืออธิบดีไม่ดำเนินการใด ๆ คงต้องส่งเรื่องนี้ไปยัง ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด