หัวอก “ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง” นี่ คงเกิดปีชงกับ “แบงก์ชาติ” แน่เลย
สมัยเป็นรมว.คลัง ยุค “ยิ่งลักษณ์”
เคยทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการธปท.ให้บีบ “คณะกรรมการนโยบายการเงิน-กนง.” ลดดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อทำให้เงินบาทอ่อนค่ามาครั้ง
จนเกิดกระแสร้อนฉ่าตอนนั้น….
จะปลด”ดร.ประสารประสาร ไตรรัตน์วรกุล” ที่เป็นผู้ว่าฯ ธปท.ออกจากตำแหน่ง เพราะไม่ยอมอยู่ในโอวาทรัฐบาล!

มาวันนี้….
นายกิตติรัตน์ จากอดีตรัฐมนตรีคลัง ดาวน์เกรดลงมาเป็น “ประธานที่ปรึกษานายกฯเศรษฐา”
เอาอีกแล้ว “วันดี-คืนดี” ก็โพสต์เฟซ
……………………….

กิตติรัตน์ ณ ระนอง – Kittiratt Na-Ranong
“ธุรกิจที่การแข่งขันต่ำ รวมหัวกัน “ทำกำไรสูง” บนความวินาศของลูกค้า… ถือว่าน่ารังเกียจนัก
และที่น่าตำหนิที่สุด คือ “ผู้มีอำนาจหน้าที่โดยตรง” ที่ (ไม่) กำกับดูแล
…………………

กิตติรัตน์ ณ ระนอง – Kittiratt Na-Ranong
ลดดอกเบี้ยให้เร็ว และมากคือทางรอด
…………………..

เมื่อประธานที่ปรึกษา “ตลกหน้าฉาก” จบ ตัวนายกฯ ก็ “รำออกฉาก” ด้วยการโพสต์รับลูก
………………..

เศรษฐา ทวีสิน – Srettha Thavisin
จากการที่แบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยทั้ง ๆ ที่เงินเฟ้อติดลบติดต่อกันหลายๆ เดือนนั้น ไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจเลย
และยังมีผลกระทบต่อประชาชนที่มีรายได้น้อย และ SME อีกด้วย

ผมจึงอยากให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูราคาสินค้าเกษตรบางชนิดให้เหมาะสม เพราะอาจจะต่ำไปก็ได้

และหวังว่าแบงก์ชาติจะช่วยดูแลประชาชน ไม่ขึ้นดอกเบี้ยสวนทางกับเงินเฟ้อนะครับ
……………………………

ก็เลยเกรียวกราวกันใหญ่ ว่า “สึนามิเพื่อไทย” กำลังก่อตัวถล่ม “แบงก์ชาติ”
เป้าหมายซัด “ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ให้กระเด็นเก็นเก้ ตกเก้าอี้ “ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ” ไปเลย

ข้อหาเดียวกับยุคยิ่งลักษณ์นั่นแหละ”….
ไม่บริหารแบงก์ชาติอยู่ในโอวาทรัฐบาล”!?

เรื่องบีบ “อยากปลด” จริงไม่จริง นักเลงเขาไม่ถามกัน เพราะปฎิกริยา ทั้งนายกฯ ทั้งที่ปรึกษา ชัดกว่า “ร้อยคำแจง” เห็นๆ อยู่

เรื่อง “การเงิน-การคลัง” บอกตรงๆ ผมไม่มีความรู้จะสะเออะไปวิจารณ์
เพราะมันประกอบด้วยตัวเลขทางวิชาการ ทางสถิติ- ข้อมูล การประเมินสถานการณ์ด้วยสายตาเหยี่ยว
และมุมมองด้านวิเคราะห์ “กว้าง-ยาว-ลึก” ที่ต้องใช้ประสบการณ์คมปานมีดโกน

พลาดน้อย คือเลือดซิบ พลาดมาก คือเลือดโชก
ผิดพลาด คือ “ชีวิต” ทางเศรษฐกิจและเครดิตประเทศ!

ดังนั้น ผมจึงกลวงโบ๋ ที่จะวิพากษ์-วิจารณ์ความเชื่อมโยงระหว่างเงินเฟ้อกับดอกเบี้ยนโยบาย ว่า ณ จุดไหน เป็นจุดพอดี-ไม่พอดี

เรื่องเศรษฐกิจ-การเงิน จะใช้แค่ “ความรู้สึกเอา-ความนึกคิดเอา” ไปสรุปว่าอย่างนั้นใช่-อย่างนี้ไม่ใช่ มันไม่ได้เลย

ผมจึงบอกไม่ได้ว่า….
ระหว่าง “ข้อมูลเชิงลึกทางวิชาการ” กับ “ตัณหาเชิงตื้นทางการเมือง” อย่างไหนเป็นเหตุจูงใจ

ให้ทั้ง “นายกิตติรัตน์” และ “นายกฯ” ต้องออกมาโพสต์ถึงแบงก์ชาติด้วยกริยาการแห่งถ้อยคำไร้การบดเอื้องเช่นนั้น!?

ประการแรก นายกฯ “ฝ่ายการคลัง” ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ “ฝ่ายการเงิน” เหมือน ๒ ขาประเทศ
ก้าวย่างเป็นจังหวะสัมพันธ์กันด้วยเซลล์ประสาทสั่งการเซลล์เดียวกัน

แต่ทีนี้ ขานายกฯ เกิด “รีเฟลกซ์แอกชั่น” เหมือนไปเหยียบขี้หมา เซลล์ประสาทด้านขานายกฯ จึง “ชักกระตุก” พาให้ขาอีกข้าง เสียจังหวะสัมพันธ์ ในการเดินไปด้วย

แทนที่นายกฯ จะพลิกฝ่าเท้าข้างตัวเองดู ว่าเหยียบผิด-เหยียบถูกอะไร แต่นี่..ไม่
ดันไปโทษ “ขาอีกข้าง” ว่ามึงเดินยังไง ทำให้กูเหยียบขี้หมา?

ว่ากันตามเนื้อผ้า “นายกฯ” คือผู้นำบริหารประเทศ

ผู้นำที่ดี ต้องฟังให้มาก คิด-ใคร่ครวญให้มาก แต่ไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างที่ตัวเองคิด

แต่ดูเหมือน นายกฯ จะฟังน้อย คิดใคร่ครวญน้อย แต่พูดมากกว่า ที่รู้-ที่ฟัง และที่คิด!

ขอถามคำ……
ท่านเชิญผู้ว่าฯ แบงก์ชาติมาปรึกษาหารือ นำตัวเลข นำข้อมูล-ข้อวิเคราะห์ มากางศึกษาร่วมกัน

แล้วใช้สายตาเหยี่ยวโฟกัสสถานการณ์ข้างหน้าจนตกผลึกร่วมกันแล้วหรือยัง ก่อนออกมาโพสต์เช่นนี้?

วิสัย “ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ” นั้น ไม่เฉพาะคนนี้….
เท่าที่ผมสังเกต แทบทุกคน ไม่ต่าง “ผู้ดีในราชสำนัก” ทุกยุค-ทุกสมัย เขารักษากริยามารยาท สำรวมกิริยา-วาจา รู้จักกาละเทศะ

เคร่งครัดในคำพูด เมื่อพูด หมายถึงคำพูดนั้น ผ่านชั้นสมองแห่งความรับผิดชอบกลั่นและกรองออกมาก่อนแล้ว

คำพูดผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ…
ถึงไม่ใช่ “กฎหมายการเงิน” ในทางนิตินัย

แต่ในทาง “มาตรฐาน” แห่งทิศทาง “เศรษฐกิจ-การเงิน”
คำพูดผู้ว่าฯแบงก์ชาติ คือ “มาตรฐานทิศทางการเงินประเทศ”!

เป็นไง….
ระยะนี้ ลูกค้า “ทิ้งดาวน์” หรือค้างงวดชำระค่าคอนโดฯ กันมาก เพราะแบงก์เข้มงวดปล่อยสินเชื่อหรือยังไง ถึงต้องโวยวายเรื่องดอกเบี้ยกับแบงก์ชาติ?

ความจริง กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ ๒.๕๐% ต่อปี คือไม่ขยับขึ้น-ไม่ขยับลง ตั้งแต่ประชุมครั้งล่าสุด เมื่อต้นเดือนธันวา.๖๖ แล้วนี่

แล้วทำไมเพิ่งมาโวยวาย พ่นไฟใส่ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติเอาตอนนี้ล่ะ?

ผู้ว่าฯ เศรษฐพุฒิ ไม่ยอมเป็นตรายางเรื่องเงินกู้ ๕ แสนล้านให้อย่างนั้นหรือ

หรือสร้างบรรยากาศกลบกระแส “คำตอบกฤษฎีกา” ที่ไม่เป็นใจให้ “กู้มาแจก” มันจะพากันหน้าแหกทั้งพรรคเพื่อไทย
เลยพาโล ทำเป็นโกรธ….

แล้ว “โทษแบงก์ชาติ” ไม่ยอมลดดอกเบี้ยส่งเดชไปเลย?

อันที่จริง การกำหนดอัตรา “ดอกเบี้ยนโยบาย” นั้น
ไม่ใช่คนเป็นผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ จะไปประกาศิต “ให้ขึ้น-ให้ลงได้”

มันเป็นอำนาจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เขาประชุมกัน ปีละ ๖-๘ ครั้ง ผู้ว่าฯ แค่ประธาน
เขาดูตัวเลข ดูข้อมูล ประเมิน-วิเคราะห์ ถกเถียง กันแล้ว

ก็โหวตเสียง “เคาะออกมา” ตามมติเสียงข้างมาก ว่าจะปรับขึ้น-ปรับลง หรือคงไว้

แต่ก็นั่นแหละ กนง.มี ๗ คน ขืนไปด่ากราด ๗ คนก็ ๑๔ ตีน ต่อให้ทำสลบหลบตีน ก็อาจเจอเข้าซักตีน

ฉะนั้น ตวาด-กราดเกรี้ยวเอาเฉพาะผู้ว่าฯ คนเดียว ปลอดภัยสุด!

ยิ่งคนเป็นผู้ว่าฯ ต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวประหนึ่งนางในวรรณคด้วยแล้ว ย่อมไม่มีปาก-มีเสียง

และที่จะโพสต์ด่า-โพสต์โต้ เหมือนดาราแย่งผัว-แย่งเมีย ก็ทำไม่ได้และทำไม่เป็น

ฉะนั้น กูบริหารเฮงซวย คิดใหญ่ แต่ทำห่ะ…อะไรไม่เป็น ก็หาทางด่า “โยนบาป” ไปให้ผู้ว่าฯ ตาสี-ตาสา ไม่รู้เรื่องหรอก
และยังไงๆ “ผู้ดีบางขุนพรหม” ก็ถลกผ้าถุง ยืนท้าวสะเอวด่ากลับไม่เป็นหรอก!

ในภาพรวมนั้น ประเทศเรา “ล้มเหลว” ในทางโครงสร้างต่อเนื่้องมานานแล้ว

ทุกวันนี้ คนแก่มากขึ้น กำลังงานเข้าสู่ระบบลดลง แถมประสิทธิภาพ-ศักยภาพในแรงงาน ไม่ได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับวัฎฎจักรโลก

ในอุตสาหกรรมการผลิต ทั้งอุตสหกรรมเครื่องจักรอุตสาหกรรมเกษตร ยังคงรูปเดิมๆ แตกยอดเชิง “วิจัย-พัฒนา” น้อยมาก

ทุกอย่าง พึ่งเงินอุดหนุน พึ่งเงินประกันพืชผล พึ่งการอุ้มจากรัฐ ขณะเดียวกัน ภาค SMEs รัฐก็ดีแต่พูด
แต่ไม่ทุ่มเท-ไม่ส่งเสริม ด้วย “วิจัย-พัฒนา” ต่อเนื่องและจริงจัง

การลงทุนภาครัฐและการมุ่งมั่นต่อยอดไทยสู่นวัตกรรมอุตสาหกรรม รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานต่างๆสู่ศตวรรษใหม่ เพิ่งวางรากฐานจริงจัง ใน ๙ ปี ยุครัฐบาลประยุทธ์นี่เอง

เรื่อง “เงินเฟ้อ” ไปโทษใครเขา?
๔ เดือนที่เป็นรัฐบาล อ้างยังใหม่ ยังหารายได้เข้าประเทศไม่ได้ ก็โอเค.

แต่ ๔ เดือนที่หาเงินไม่ได้ รู้มั้ย ด้วยนโยบายผลาญเงิน เอาเงินมาแจก ทั้งตีปีบขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ทั้งปรับค่าแรงขั้นต่ำ ทั้งแจก ๕ แสนล้าน

ทำได้แค่ไหนไม่รู้ แต่พูดที ราคาสินค้าขึ้นไปตามน้ำลายรัฐบาลที แล้วเงินมันจะไม่เฟ้อตามฟองน้ำลายได้ไงไหว?

ไอ้เงินแจก เงินลดค่าน้ำ/ค่าไฟ ประเดี๋ยวประด๋าว

มันเป็นตัวสร้างจีดีพีเทียม สร้างอัตราเงินเฟ้อเทียม ราคาสินค้านั้น เมื่อขึ้นแล้ว ถึงน้ำมันลด ค่าไฟลด มันก็ไม่ลด

ที่สำคัญคือ รัฐบาลเศรษฐา สร้างแต่ดีมานด์เทียมทางการบริโภค แต่ด้านซัพพลาย คือภาคการผลิต แทบไม่มีเลย

เพราะ “การลงทุน” ขณะนี้ น้อยมาก ยิ่งภาครัฐ “ตายสนิท”

โชคดีที่ มีการท่องเที่ยวและการส่งออก ๒ ตัวเท่านั้น พอพยุงเศรษฐกิจประเทศให้เดินได้
ถึงไม่โต ก็ยังต้วมเตี้ยมไปได้ช้าๆ ดีกว่า “ไม่ตาย” เลย!

แล้วไปโทษอะไรแบงก์ชาติเขา…หือ?

ถ้าแบงก์ชาติไม่รักษา “เครดิตการเงินประเทศ” ปล่อยให้พังสนองพรรคการเมืองไปอีกตัว
ต้องจับ “กาโม่กทม.” กับ “โย่งกางเกงแดง” บูชายัญละทีนี้!

เปลว สีเงิน
๑๐ มกราคม ๒๕๖๗

Written By
More from plew
“ไก่” กับสหาย “น้ำเมา”-เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน พูดถึงเรื่อง “ไก่” ทำให้ผมระลึกชาติเมื่อ ๕๐ ปีที่แล้ว! อย่าหาว่า “คนเก่า” เอาแต่ “เล่าความหลัง” เลยครับ...
Read More
0 replies on “หัวอก “ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ” – เปลว สีเงิน”