เปลว สีเงิน
สรุปแล้ว……..
การป่วยของนักโทษทักษิณเป็น “ความลับขั้นสูงสุดของชาติ”
ถึงวันนี้ “รัฐบาลเพื่อไทย” ทั้งนายกฯ ทั้งรัฐมนตรียุติธรรม
ปิดเป็นความลับ ไม่ตอบสังคมว่า
แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ, ผบ.เรือนจำ แทงความเห็นต่อการป่วยนักโทษทักษิณมาให้อธิบดีราชทัณฑ์ เสนอมาให้ทราบหรือยัง
ว่า ครบ ๑๒๐ แล้ว จะให้นอนต่อที่ชั้น ๑๔ หรือส่งเข้าคุกหรือให้ออกไปนอนบ้านแทนคุก?
นักข่าวไปถาม “รองนายกฯสมศักดิ์” รวมถึงเรื่องกมธ.การตำรวจ จะไปตรวจพิสูจน์ที่ ชั้น ๑๔
“คนดีศรีสุโขทัย” ตอบเท่ ว่า
“……..เรื่องการ “อยู่นอก-อยู่ใน” เป็นเรื่องของการตรวจสอบของแพทย์และเอกสิทธิ์ส่วนตัวของผู้ต้องขัง การไปเยี่ยมผู้ต้องขัง หากไม่ยินยอม ก็ไปเยี่ยมไม่ได้ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ หากไม่เปิดเผย ก็ต้องไม่เปิดเผย
ส่วนที่กรรมาธิการจะขอไปตรวจชั้น ๑๔ ในวันที่ ๑๒ มกราคมนั้น หากเขาไม่อนุญาตก็ไม่ได้ เพราะเป็นเอกสิทธิ์ของผู้ป่วย
หากถามว่าเป็นโรคอะไร เจ็บป่วยอะไร และเขาไม่อยากเปิดเผย หากเปิดเผย จะถูกฟ้องตายห่า”
ใช่ครับทั่น “ใครเปิดเผย ถูกฟ้องตายห่า”
แต่ผมว่า……
คน “ปกปิดข้อมูล” และคน “ใช้อำนาจเอื้อมิให้นักโทษทักษิณต้องเข้าคุกแม้แต่วันเดียว นั่นตะหาก
จะ “ตายห่า-ตายโหง” ก่อน เห็นด้วยกะผมมั้ย?
ไม่เถียงเรื่อง “สิทธิขั้นพื้นฐานที่ผู้ต้องขังพึงได้รับตามมาตรฐานสากล”
แต่การทึกทักเอาหลักการครอบจักรวาลเหนือกฎหมายบ้านเมือง มันไม่ใช่กระมังครับ ท่านรองนายกฯ
ท่านหรี่ตาอ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓๒ หน่อยดีมั้ย ตรงที่ว่า “การนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ประโยชน์ไม่ว่าในทางใดๆ จะกระทำมิได้
เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเพียงที่จำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ”
ทักษิณเนี่ย ตอนเป็นนายกฯ ใช้อำนาจหน้าที่ “โกงบ้าน-โกงเมือง” ติดคุก ๘ ปี ได้รับพระมหากรุณา ลดโทษเหลือ ๑ ปี
เพราะสำนึกผิด รับสารภาพว่า “โกงบ้าน-กินเมือง” จริง!
แต่พอเข้าเรือนจำ…….
ทางราชทัณฑ์ “เลือกปฎิบัติ” นักโทษทักษิณมิต้องเข้าคุก
ให้ไปพัก “แดนพยาบาล” โซนพิเศษ ไม่ต้องเข้าห้องขังเหมือนนักโทษ เป็นหมื่น-เป็นแสนคน
ตกดึก อ้างป่วยหนัก
ให้ฮ.บินมารับตัวจากแดนพยาบาลไปนอนห้องรอยัล สวีท ชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจ ใช้สิทธิ “บัตรทอง” ในการรักษา!
ป่วยไม่ว่า จะรักษาบนชั้น ๑๔ จะกี่ภพ-กี่ชาติ ก็ไม่มีใครว่า
ประเด็นที่เป็น “ปัญหาสาธารณะ” ก็คือ
๑.ทักษิณป่วยหนัก ขั้นฉุกเฉิน-ฉับพลัน จริงมั้ย?
๒.มีตัวตนอยู่จริง บนชั้น ๑๔ จริงมั้ย?
๓.ป่วยขนาด ๔ เดือนรักษาไม่หาย จริงมั้ย?
๔.เป็นผู้ต้องขังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลนาน “ราชทัณฑ์-แพทย์ผู้รักษา” ได้ปฎิบัติตามคู่มือการควบคุมเคร่งครัดหรือไม่ เช่น….
-ห้ามผู้ต้องขังป่วยติดต่อพบปะหรือรับการเยี่ยมจากผู้หนึ่งผู้ใด เว้นการเยี่ยมจากญาติ มีเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตและควบคุมอย่างใกล้ชิดจริงหรือไม่?
-ญาตินำอาหารมาเยี่ยมได้บันทึกแบบการส่งมอบอาหารส่วนตัวให้แก่ผู้ต้องขังโรงพยาบาลภายนอกหรือไม่?
-ในระหว่างควบคุม เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุม ใช้เครื่องพันธนาการหรือไม่
ถ้าไม่ เป็นการไม่พันธนาการตามความเห็นแพทย์ โดยมีคำสั่งแพทย์ไว้เป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่?
-เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมได้ขอใบแสดงความเห็นแพทย์เป็นระยะๆ โดยระบุวันที่อยู่พักรักษาตัวต่อเนื่องและชัดเจนเพื่อนำเสนอผู้บัญชาการเรือนจำ/ผู้อำนวนการทัณฑสถานหรือไม่?
-จัดทำรายละเอียดผู้ต้องขังป่วยโรงพยาบาลภายนอกให้ฝ่ายรักษาการณ์ มอบให้เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมผู้ต้องขังป่วยหรือไม่?
ข้อสงสัยคร่าวๆ เหล่านี้….
ประกอบพฤติกรรม “เลือกปฏิบัติ” ของราชทัณฑ์ แพทย์ รวมทั้งฝ่ายการเมือง ที่เอื้อให้นักโทษทักษิณ ได้รับอภิสิทธิ์เหนือกว่านักโทษทั่วไป
จึงเกิดภาพ “ความเหลื่อมล้ำ” เป็นข้อคลางแคลงใจต่อสังคมสาธารณะว่า
ทักษิณ เป็นคนที่เท่ากัน แต่ทักษิณเป็นคนในสภาพนักโทษ สิทธิเสรีภาพของนักโทษ เป็นสิทธิภายใต้กรอบทัณฑ์อาญา จะเสมอเหมือนสุจริตทั่วไปย่อมมิได้
ยิ่งกระทำผิด โกงบ้าน-กินเมือง ในขณะเป็นนายกฯ นับเป็นบุคคลสาธารณะ คอร์รัปชั่น เอาผลประโยชน์สาธารณะไปเป็นผลประโยชน์ส่วนตน
ดังนั้น การที่รองนายกฯ สมศักดิ์ อ้างเอกสิทธิ์นักโทษทักษิณ
ห้ามใครไปตรวจ ไปแตะ ใครไปตรวจ-ไปแตะ ไปเปิดเผยอาการป่วยทักษิณ จะถูกฟ้องตายห่า นั้น
ระหว่างช่วยกันปกปิดเรื่องที่ควรเปิด กับช่วยกันเปิดในเรื่องไม่ควรปกปิด
ใครจะตายห่าก่อนกัน ก็ให้มันรู้กันไป
ผมพูดอย่างนี้ ท่านรองฯ สมศักดิ์ เห็นด้วยมั้ย?
ยิ่งอ้าง กล้องวงจรปิดชั้น ๑๔ เสียทั้งหมด ยิ่งน่าสงสัย ว่า มีข้าราชการ-นักการเมือง หรือใครที่ “ไม่ใช่ญาติ” แอบขึ้นไปพบนักโทษจริงหรือไม่?
กรณีทักษิณ ช่วยกันให้กฎกูเหยียบย่ำกฎหมาย ซ้ำอ้างเอกสิทธิ์ ห้ามแถลง-ห้ามเปิดเผยอาการป่วย
งั้น พวกนี้ ทำไมไม่ถูกฟ้องตายห่าล่ะ?
เมื่อ ๒๒ ส.ค.๖๖ที่ “เรือนจำพิเศษกรุงเทพ”
กรมราชทัณฑ์ ตั้งโต๊ะแถลง โดยนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม
ดร.อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, นายสิทธิ สุชีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร, นายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
แถลงเกี่ยวกับมาตรการดูแล “นายทักษิณ ชินวัตร” ว่า
เป็นกลุ่มเปราะบาง อายุเกิน ๖๐ ปี ดูจากประวัติการรักษา และผลการตรวจจากแพทย์ พบว่าคุณทักษิณมีโรคประจำตัว ต้องติดตามโดยแพทย์เฉพาะทางตลอด
เบื้องต้น ได้แยกขังไว้ที่โซนพิเศษ แดนพยาบาล แดน ๗ (สถานพยาบาลในเรือนจำ) โดยแยกคุมขังเพียงคนเดียว
มีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอด ๒๔ ชั่วโมง
นายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาล กล่าวว่า โรคที่เฝ้าระวัง คือ
“โรคหัวใจ” คือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อยู่ระหว่างการติดตามการรักษา ทานยาละลายลิ่มเลือด
“มีปัญหาทางปอด” เนื่องจากมีประวัติเป็นปอดอักเสบรุนแรงจากการติดเชื้อโควิด-19 แม้จะหายแล้ว แต่ยังมีพังผืดในปอด ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย โดยทั้ง 2 โรค จำเป็นต้องเฝ้าระวังและการดูแล
“ความดันโลหิตสูง” รักษาโดยการรับประทานยา มีความดันโลหิตที่ผิดปกติ
“ภาวะเสื่อมตามอายุ” มีภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมในหลายระดับ มีการกดทับเส้นประสาท ทำให้มีการปวดเรื้อรัง การเดิน ทรงตัวผิดปกติ
ทั้งนี้ นายทักษิณเป็นกลุ่มเปราะบาง
ดังนั้น จึงต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของเรือนจำที่ต้องจำเป็นต้องอยู่พื้นที่เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดปลอดภัย
หากเจ็บป่วยสามารถเข้ารักษาได้ทันท่วงที
นายนัสที ทองปลาด กล่าวว่า ในส่วนของการปฏิบัติ เมื่อมีการรับตัว หลังจากรับตัวเสร็จ ก็จะจำแนกไปอยู่ตามลักษณะของผู้ต้องขัง
หากเป็นกลุ่มเปราะบาง จะต้องมีแดนสถานพยาบาล สำหรับกิจกรรมอื่นๆจะเป็นเช่นเดียวกับคนอื่น ไม่ว่าเป็นอาหาร การทำกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงสิทธิในการพบทนาย การเยี่ยมญาติ ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ
ทั้งนี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า
“อาการของนายทักษิณนั้นปกติ” ไม่มีอาการวิตกกังวล ไม่ได้ร้องขออะไรพิเศษ …ฯลฯ….
…………………….
๓๑ ต.ค.๖๓ “โรงพยาบาลพระรามเก้า” แถลงข่าวกรณี ภาณุพงศ์ จาดนอก (ไมค์), พริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) และปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล (รุ้ง)
เข้ารักษาที่รพ.พระรามเก้า คืนที่ ๓๐ ตค.๖๓
โดย “นายแพทย์สมชัย ลีลาศิริวงศ์” ที่ปรึกษากรรมการผู้อานวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า แถลงอาการ ดังนี้
– อาการของภาณุพงศ์ จาดนอก
มีบาดแผลตามร่างกาย และแจ้งว่าวูบหมดสติไปเป็นเวลา ๒๐ นาที จากเหตกุารณ์ชมุนุมเมื่อวานนี้ ฯลฯ
-อาการของพริษฐ์ ชิวารักษ์
มีประวัติเป็นหอบหืด แพทย์ตรวจพบบาดแผลหลายตำแหน่ง มีเศษแก้วกระจกในแผลที่ศีรษะ และกระจายตามร่างกาย แขนขา ฯลฯ
-อาการของปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล
มีอาการอ่อนเพลียมาก จากการขาดสารน้ำ และไม่ได้พักผ่อน ตรวจพบว่ามีบาดแผลที่เท้า ๒ ตำแหน่ง ฯลฯ
“นายแพทย์สมชัย ลีลาศิริวงศ์” แถลงว่า ทั้งหมดนี้ เป็นไปตามจรรยาบรรณทางการแพทย์ ฯลฯ
…………………………
๙ ก.ย.๖๔ “กรมราชทัณฑ์” เผยแพร่ข่าว ระบุว่า กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ถูกส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จำนวน ๔ ราย ประกอบด้วย
‘เพนกวิน’ พริษฐ์ ชิวารักษ์, ‘ไมค์’ ภาณุพงศ์ จาดนอก, ‘ไผ่’ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา,และ ‘บอย’ ชาติชาย แกดำ
แพทย์ประจำทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตรวจร่างกาย พริษฐ์รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ กินได้ ขับถ่ายปกติ
ภาณุพงศ์ รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองและนอนหลับได้ รับประทานอาหารได้ ไม่มีอาการผิดปกติ
จตุภัทร์ รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย สีหน้าสดใส ชาติชาย รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ เดินทำกิจวัตรได้เองตามปกติ
……………………….
๓ ก.พ.๖๖ “รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ” ออกแถลงการณ์ ชี้แจงอาการป่วย น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ (ตะวัน) และน.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ (แบม) ฉบับที่ 3
หลังเข้ารักษาตัวเป็นวันที่ ๑๐ ทานตะวัน ยังคงไม่รับประทานอาหาร แต่จิบน้ำ รู้สึกตัวดี อรวรรณ ยังคงไม่รับประทานอาหาร แต่จิบน้ำ รู้สึกตัวดี
……………………..
เนี่ย….
ทำไมนี่แถลงได้ ทั้งที่ไม่มีคนไปถาม
แต่กับ “นักโทษทักษิณ” คนเดียว ใครพูด-ใครเปิดเผย ถึงขั้น “ถูกฟ้องตายห่า”
ใครช่วย ก็ให้มัน “ตายห่า” ด้วย ดีมั้ย ได้ “สมน้ำ-สมเนื้อ!
เปลว สีเงิน
๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๖