เศรษฐา “ไส้เทียน-เผาเทียน” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

เฮ้ยยยย…..
ผมว่ามันจะเลอะเทอะกันไปใหญ่แล้วนะ!
กับคิดวิปริต “นายกฯเศรษฐา”
ที่จะเอา “ตำรวจจีน” มาเดินลาดตระเวนตามเมืองท่องเที่ยวในไทย เพื่อดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวจีน
ขอถาม “นายกฯเศรษฐา”
รู้จักคำว่า “บูรณภาพแห่งดินแดน” มั้ย?

และรู้มั้ย ในยุคล่าอาณานิคม….
กว่าไทยเราจะได้คำว่า “บูรณภาพแห่งดินแดน” สมบูรณ์ยั่งยืน ที่ใครจะมามีอำนาจหรืออภิสิทธิ์ใดๆ เหนือแผนดินนี้ไม่ได้ จนถึงทุกวันนี้ นั้น

เราต้องเอาดินแดน ในเขมร ในมลายู ในลาว ในพม่า ที่บรรพมหาษัตริย์ของเราทรงบุกเบิกไว้
มากต่อมาก……..
ไปแลกกับความเป็นเจ้าเข้าครองจาก “อังกฤษ-ฝรั่งเศส”

เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งคำว่า
“บูรณภาพแห่งดินแดน” เพียงคำนี้-คำเดียวเท่านั้น!

แล้วมาวันนี้ จะเอา “ความคิดขี้ข้า” เพียงหวังยอดนักท่องเที่ยวจีน ถึงขนาดจะให้ “ตำรวจจีน” เข้ามาเดินตรวจตรา ดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวจีน

ก็หมายความว่า….
รัฐบาลเพื่อไทย เชิญให้ “ตำรวจจีน” เข้ามามีอำนาจในประเทศไทย “บังคับใช้กฎหมาย” ในเมืองไทยกับนักท่องเที่ยวจีนในไทยอย่างนั้นหรือ!?

ไม่บ้าไปแล้วรึนั่น!

เป็นนายกฯ มีอำนาจควบคุมส่งการ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” แล้วไม่รู้หรือ คำว่า “เจ้าพนักงาน” หมายถึงบุคคลประเภทใดบ้าง?

กว้างๆ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑(๑๖)บอกว่า

“เจ้าพนักงาน” หมายความว่าบุคคลซึ่งกฎหมายบัญญัติว่า เป็นเจ้าพนักงานหรือได้รับแต่งตั้งตามกฎหมาย ให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ไม่ว่าเป็นประจำหรือครั้งคราว

“พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ” ตามประมวลหมายอาญา หมายความถึง
เจ้าพนักงานซึ่งกฎหมายให้มีอำนาจและหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน รวมทั้งพัศดี เจ้าพนักงานกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กรมเจ้าท่า พนักงานตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าพนักงานอื่น ๆ

ในเมื่อทำการอันเกี่ยวกับการจับกุมปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายซึ่งตนมีหน้าที่ต้องจับกุมหรือปราบปราม ฯลฯ…”

แล้วการที่นายกฯสั่งการ….
ให้ “ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ไปหารือกับ “สถานทูตจีน” เกี่ยวกับโครงการลาดตระเวน
ที่จะให้ “ตำรวจจีน”
มาเดินลาดตระเวนดูแลนักท่องเที่ยวจีน ตามแหล่งท่องเที่ยวทั้ง “เมืองหลัก-เมืองรอง” ในประเทศไทย นั้น

“ตำรวจจีน” เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายไทยตั้งแต่เมื่อไหร่ มีกฎหมายฉบับไหน….

ให้ตำรวจจีนหรือตำรวจชาติใดๆ ในโลก เข้ามามีอำนาจในบ้านเมืองไทย ตรวจค้น จับคนชาติของตนในเมืองไทยได้?

ไทยเป็นประเทศที่มีบูรณภาพแห่งดินแดน เป็นประเทศเอกราช “คนทุกชาติ” รู้และเคารพในสิทธิและอำนาจของชาติไทยดีอยู่แล้ว

จู่ๆ เศรษฐาจะยกประเทศไปเป็น “เมืองขึ้น” ของชาติอื่นซะนี่ ด้วยคิดเพียงแค่ “แก้ผ้าประเทศ” ให้ฟรีทุกอย่าง
วีซ่าฟรี สิทธินอกอาณาจักรฟรี แลกกับยอดนักท่องเที่ยว แล้วคุ้ม

ผมก็ว่า “สิ้นสุดทางเลื่อน” แค่นี้ ก็พอเหอะ

ขืนอยู่บริหารนานไป ด้วยทัศนคติ-แนวบริหาร “มุ่งปริมาณ” ละทิ้ง “คุณภาพ” แบบนี้
เสี่ยงต่อปัญหา “ความปลอดภัยประเทศ, ปัญหาอาชญากรรม, ปัญหาคนหลบหนีอยู่ในประเทศ

และปัญหา “เศรษฐกิจสีเทา,ปัญหาสังคม”
รวมทั้งแก๊ง “อาชญากรรมข้ามชาติ” มันจะตามมาแน่นอน!

มันเป็นการ “มักได้” เฉพาะหน้า หวังเอาตัวเลขไปเคลมทางผลการเมือง แต่ลงท้าย “ผลจากมักได้” จะทำลายทั้งการท่องเที่ยว ทั้งภาพพจน์ประเทศ

ที่ควรคิดให้มาก คือ ที่ได้จาก “มักง่าย” แล้วต้องเผชิญกับ “ปัญหาอาชญากรข้ามชาติ” เข้ามาส้องสุมในประเทศ

นั่นเราจะเสียทั้ง “ต้นทุนสังคม” และเสียทั้งงบประมาณ,กำลังเจ้าหน้าที่ไปในการปราบปราม ดูแล
เผลอๆ เป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ไปร่วมมือกับพวกอาชญากร,พวกเศรษฐกิจเทา
เพราะปราบไปก็เท่านั้น ร่วมไปกะพวกมัน รวยด้วย-สบายด้วย!

ลงท้าย ไทยจาก “เมืองน่าอยู่-อู่อารยวัฒนธรรม” กลายเป็นดินแดน “แก๊งโจรข้ามชาติ”
ที่รัฐบาลเพื่อไทย เปิดช่องอ้าซ่า ใครก็ได้ ขอเพียงมีเงิน ก็เข้ามาได้!

๙ ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์……
เป็น ๙ ปี ที่เพียรพยายาม “ยกระดับประเทศ” ทุกด้าน สู่มาตรฐาน “คุณภาพยั่งยืน” มุ่งอนาคต

“อุตสาหกรรม” ที่หมดยุค ก็ยกระดับสู่ “นวัตกรรม” New S-Curve

โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมเพื่อการขนส่ง ทั้งระบบ “รถ-เรือ-ราง” ทั้งปฎิวัติ ทั้งสานสร้าง สู่โลกใหม่ “ไวปานเนรมิตร”

“การท่องเที่ยว” ไทยมีเสน่ห์อยู่ในตัวมันเอง “โลกรับรู้” อยู่แล้ว ไม่จำป็นต้อง “ถ่างขา-อ้าซ่า” เรียกแขก
โดยไม่รักษาศักดิ์ศรีไว้บนความเสมอภาคทางสิทธิกับแต่ละประเทศแบบนี้

เราเพียง “บริหาร-จัดการ” มาตรฐานด้าน “คุณภาพ” การท่องเที่ยวไว้

“ไม่มั่ว-ไม่งก” กวักมือเรียกทุกคนที่มีเงินซื้อตั๋วก็ให้เข้ามาได้ แม้เรามีนักท่องเที่ยวน้อยลงหน่อย แต่ “มากด้วยคุณภาพ”

“คุณภาพ” นั้น จะเป็นตัวสร้างความ “ยั่งยืน” ให้มากกว่า เอา “คุณภาพมาตรฐาน” ไปแลกกับ “ปริมาณ” ที่มากแบบมั่วๆ!

นี่ไปถึงขั้น….
จะให้ “ตำรวจจีน” เข้ามาใช้อำนาจในประเทศ หวังเอาใจนักท่องเที่ยวชาติของเขา

นักท่องเที่ยวชาติไหนเห็น ก็จะถ่ายรูป ไปโพสต์กันขรมว่า “ไทยกลายเป็นเมืองขึ้นจีน ยอมให้จีนส่ง “ตำรวจจีน” เข้ามามีอำนาจในไทย”

นี่ มัน “สร้างค่า” หรือ “ด้อยค่า” ประเทศกันแน่ หรือผมงั่ง แต่ท่านโง่ ที่คิดอย่างนี้ ใครก็ได้ช่วยตอบที …เอ๋ เป็นงง!?

คำถามที่จะเกิดตามมา คือ…..
ประเทศอื่นๆ จะส่งตำรวจมามีอำนาจเพื่อดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวชาติของเขาบ้างได้ไหม?

และถ้ามีการจับกุม จะใช้กฎหมายของใครและขึ้นศาลประเทศไหน?

ประเทศไทยมีกฎหมายทาสให้ “อำนาจนอกชาติ” เข้ามาควบคุมคนชาตินั้นๆ ในประเทศไทยได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

แต่ก็ไม่แน่นะ!
เพราะได้ยิน รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ “นายภูมิธรรม เวชยชัย” รวมทั้งนายกฯเศรษฐา พูดประจำว่า

การทำงานของเพื่อไทย มีหลักการว่า
“ติดคน-แก้ที่คน …ติดกฎหมาย-แก้กฎหมาย”!

อย่างเรื่องแจกดิจิทัล ๑ หมื่น ทุกฝ่าย (เว้นเพื่อไทย) ประสานเสียงค้าน ด้วยคำว่า คุก..คุก..คุก..ขรมทั้งเมือง

เมื่อติดที่กฎหมาย เดี๋ยวเพื่อไทยเขาก็ไปแก้กฎหมายเองแหละ

เรื่องจะให้จีนส่ง “ตำรวจจีน” เข้ามามีอำนาจในไทยนั่นเหมือนกัน เมื่อติดที่กฎหมาย

“เศรษฐา-ภูมิธรรม” เขาก็คงแก้กฎหมาย เพราะทุกเรื่อง-ทุกนโยบาย ได้จุดธูป “อัญเชิญเทวดา” จากชั้น ๑๔ มาปรึกษาเรียบร้อยแล้ว!

นี่ เห็นนายกฯ เศรษฐาบินไปประชุมเอเปกที่ซานฟรานซิสโกแล้วเมื่อวาน (๑๒ พย.๖๖)
จะกลับ ก็ ๑๙ พย.กลับมา ๒๓-๒๔ ก็ทำสถิติต่อ บินไปประชุมที่สิงคโปร์

๒๗ พย. “วันลอยกระทง” ก็จะไป “เผาเทียน-เล่นไฟ” ที่สุโขทัย รุ่งขึ้น ๒๘ พย.บินกลับมาประชุมครม.
ประชุมเสร็จ บินไปนอนเชียงใหม่ ๒๘-๒๙ พย.สองคืน แล้วเปลี่ยนไปนอนอุตรดิตถ์อีก ๑ คืน

รุ่งขึ้น ๑ ธค.ไปพิษณุโลก เพื่อขึ้นเรือบินไปภูเก็ต ถึง ๓-๔ ธค.ประชุมครม.สัญจร
แล้วยังไม่กลับนะ ลาราชการต่อ ๖-๗ ธันวา.นัยว่าไปประชุมสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่เขาใหญ่ โคราช

สรุป เป็นครึ่ง-ค่อนเดือน……..
เศรษฐาเป็นนายกฯ “กึ่งสัมภเวสี” เร่ร่อนสัญจรไม่ยอมนั่ง-นอนอยู่ทำเนียบ

ค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่ากิน-ค่าอยู่ ค่าประชุมสัญจรของของคณะ “ภาษีกู” ทั้งนั้น
จะหนีปัญหาหรือหลบคำถามเรื่อง “กู้มาแจก” หรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่า…เวลาของเศรษฐา “กระชั้น” เข้ามาทุกที!

ก่อนไปซานฟรานฯ ยังโชว์พาวนายกฯ ที่สนามบิน
“เรียกข้าราชการ” ไปจี้เรื่องงานที่สั่งไป…

เรื่องส่วยทางหลวง เรื่องรถบรรทุกน้ำหนักเกิน เรื่องหมูเถื่อน เรื่องการดูแลนักท่องเที่ยวจีน
ถมึงตึง ฉุนเฉียว เกรี้ยวกราดใส่บรรดาข้าราชการ ออกสื่อ
เห็นแล้วอนาถ

“ข้าราชการ-งานหลวง” ไม่ใช่งานและพนักงาน “บริษัทแสนสิริ” นะท่าน
การเป็นผู้นำแล้วชอบตำหนิคนทำงานในที่สาธารณะแบบนี้ ไม่ใช่คุณสมบัติของผู้บริหารที่ดีเลย
อ้อ…ไปสิงคโปร์ อย่าลืมพบคนที่ใช่ด้วยล่ะ!

เปลว สีเงิน
๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

Written By
More from plew
“รอยรั่ว” ที่บ่อนทำลาย – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน บอกแล้วไม่ผิด! กรณีคำชี้แจงพยานเรื่อง “๘ ปีนายกฯ” รั่ว มันไม่ได้รั่วแบบพลั้งเผลอหรือบกพร่องโดยสุจริตหรอก หากแต่มันมีขบวนการ “จงใจ” ให้รั่ว!
Read More
0 replies on “เศรษฐา “ไส้เทียน-เผาเทียน” – เปลว สีเงิน”