เปลว สีเงิน
ดีแล้ว….
ที่รัฐมนตรีต่างประเทศ “ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร” แถลงถึงท่าทีไทยต่อกรณีระหว่าง “ปาเลสไตน์” กับ “อิสราเอล” ขณะนี้
ว่า…….
“รัฐบาลไม่ได้มีการประณามฝ่ายใด จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเรายังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่า ทางการเมืองระหว่างประเทศเกิดอะไรขึ้น
และเราไม่ได้ประณามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพียงแต่เราประณามเรื่องการใช้ความรุนแรง
โดยสิ่งที่เกิดขึ้นกับชาวไทยที่เป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถที่จะรับได้”
แต่ในความเห็นผม จากเหตุที่เกิด ประเด็นที่เหมาะสมทั้งต่อสถานการณ์และต่อบรรยากาศที่รัฐมนตรีต่างประเทศควรแสดงออก
มันมีคำที่สวยๆ น่าใช้เป็นคำแถลงมากกว่าที่ท่านใช้ทั้งหมดนั้นนะครับ
ในดินแดนปาเลสไตน์กับอิสราเอล ใครผิด-ใครถูก, ใครรุกรานใคร ถ้าจะให้ระบุลงไปว่า “ใครผิด-ใครถูก”
คนนั้น ต้อง “ระลึกชาติ” ได้
แล้วย้อนกลับตั้งต้นที่ยุค “เมโสโปเตเมีย” ว่าด้วย “ดินแดนพันธสัญญา” ซึ่งมีก่อนคริสตศักราชอีกซัก ๒,๐๐๐ ปีโน้นนนน
แล้วค่อยๆ เป็นเปาบุ้นจิ้น….
ไล่เลียงต้นสายปลายเหตุแต่ละยุค-แต่ละสมัย จากก่อนคริสต์กาล คือก่อน “พระเยซูเจ้า” จะเกิด ราวๆ ๒,๐๐๐ ปี
จนมาถึง ๗ ตุลา. คศ.๒๐๒๓ ที่ปาเลสไตน์-กลุ่มฮามาสกับยิว-อิสราเอล ถล่มจรวด-ขีปนาวุธใส่กัน สะเทือน-สะท้านโลกขณะนี้
มหากาพย์ ๔,๐๐๐ ปี นี้…….
ฉะนั้น คนวันนี้ การหยิบเฉพาะเหตุการณ์ “ช่วงใด-ช่วงหนึ่ง” มาตัดสิน ใครผิด-ใครถูก, ใครรุกรานใคร, ใครโจมตีใคร
ถ้าไม่ “ตาบอดคลำช้าง”
ก็เข้าทำนอง “เห็นช้างขี้ก็ขี้ตามช้าง” โดยไม่รู้จักประมาณรูทวารตัวเองว่าแค่ “รูทวารมด” แต่เห็น “สหรัฐ-ยุโรป” เขาขี้ก้อนโต ก็เบ่งตูดตามเขาไปมั่ง
ดังนั้น อะไรที่เกิดในดินแดน “ปาเลสไตน์-อิสราเอล” ในพจนานุกรม “การเมือง-การทูต”
คำว่า “ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง”
คำว่า “ประณาม”
คำว่า “ความรุนแรง”
คำว่า “ผู้บริสุทธิ์”
คำเหล่านี้ “ไม่มี” ครับ หรือพูดอีกที ไม่มีการบัญญัติเป็นศัพท์ใช้ในทางการเมือง-การทูตของไทย
ฉะนั้น ให้ถือซะว่า ที่นายกฯ เศรษฐาทวีตข้อความเท่วันก่อนก็ดี ที่รัฐมนตรีต่างประเทศปานปรีย์แถลงให้เข้าร่อง-เข้ารอยก็ดี
เป็น “ฉุกละหุก” ภาษา
“ในภาวะสะท้อนความตระหนกในฐานะมนุษยชาติ” ก็แล้วกัน!
เรื่องรามเกียรติ์ เรื่องสามก๊ก ว่ายาว ตัวละครเยอะ จำไม่หวัด-ไม่ไหวแล้ว ผมว่า ให้เอา ๒ เรื่องนี้ รวมกัน
แถมด้วยเรื่อง “มังกรหยก” นิยายจีนกำลังภายใน กับเรื่อง “มหาภารตยุทธ์” โบราณคดีอินเดีย รวมเข้าไปด้วยกัน
๔ เรื่อง……
ก็ยังไม่ซับซ้อน-ย้อนยอกและยาวนาน เท่า ๑ เรื่อง ว่าด้วย “ดินแดนพันธสัญญา” ที่แผ่นดิสก์สมองมนุษย์ว่ายาวแล้ว ก็ยังยาวไม่พอที่จะบันทึกเรื่องราวได้หมด!
เที่ยวนี้ การที่นักรบฮามาส บุกทางภาคพื้นดิน เข้าไปในแดนที่อิสราเอลยึดครองได้ ถือเป็นการ “กระตุกหนวดยิว” ชนิดยิวยอมไม่ได้
ดังนั้น เรื่อง “จบง่าย” ไม่มี!
เสีย ๑ อิสราเอล เป็นต้องเอาคืน ๑๐๐ เป็นอย่างนี้มาแทบทุกครั้ง เป็นพันๆ ปี
โดยสังเกตเห็นได้ทุกครั้ง….
เมื่อเกิดเหตุการณ์ อิสราเอลจะตอบโต้พลาง รุกกินแดนพลาง ทั้งด้านฉนวนกาซาและทั้งด้านเขตเวสต์แบงก์
เมื่อรุก “กินแดน” ได้แล้ว
ก็จะมีโต้โผทางโลกตะวันตก อังกฤษมั่ง สหรัฐฯ มั่ง ยูเอ็นมั่ง เป็นท้าวมาลีวราช เจรจาให้ทั้งสองฝ่ายสงบศึก
ก็สงบกันไปยกหนึ่ง สงบแบบฝ่ายปาเลสไตน์ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่มีกระดูกแขวนคอกลับไป
ส่วนอิสราเอล ได้แผ่นดินทั้งด้านฉนวนกาซาและด้านเวสต์แบงก์ พกใส่กระเป๋าตุงกลับบ้านทุกครั้ง!
ปาเลสไตน์โวย ว่าอิสราเอล ละเมิดข้อตกลง รุกกินแดนเรื่อยๆ ยูเอ็นสั่งให้ถอนกลับ
อิสราเอลก็เฉย!
และทั้งยูเอ็น ทั้งสหรัฐ ทั้งอังกฤษ ทั้งยุโรป ก็เอาหูไปนา-เอาตาไปไร่ มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
ปาเลสไตน์ จึงแค้นแน่นอก สิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมกัน ตะวันตกมีให้อิสราเอล แต่ไม่มีให้ปาเลสไตน์
ดังนั้น อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ปาเลสไตน์ จำต้องยึดแนวนี้ พิทักษ์สิทธิ์และปกป้องดินแดนของตน ด้วย ๒ มือ ๒ เท่าตัวเอง
ทางเขตเวสต์แบงก์ เป็นพื้นที่องค์กร PLO ของ “ยัสเซอร์ อาราฟัต” สมัยก่อนดังมาก ต่อมา คงเบื่อ หันมายึดแนวสันติ
ทางฉนวนกาซา ไม่พอใจ
จึงเกิด “นักรบฮามาส” จับอาวุธเข้าต่อสู้กับอิสราเอล ในการเลือกตั้ง กลุ่มฮามาสชนะเลือกตั้ง ได้เป็นประธานาธิบดีปาเลสไตน์ขณะนี้
ดังนั้น ไม่มีคำว่า “กองโจร” ไม่มีคำว่า “ก่อการร้าย” ฮามาสก็รัฐบาลปาเลสไตน์ จึงเป็นว่า เขตปกครองพิเศษปาเลสไตน์กึ่งประเทศกับอิสราเอล
“ปฎิบัติการทางทหาร” ต่อกัน ที่มีคำว่ากองโจรฮามาส ก่อการร้ายฮามาส นั่นเป็นคำที่พวกสื่อตะวันตกใช้เรียกในการเสนอข่าว
เหมือนไทย ตอนพลเอกประยุทธ์เข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศ แม้เป็นรัฐบาลเลือกตั้งแล้วก็ตาม
สื่อตะวันตก ก็ใช้ศัพท์เรียกรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ว่า “ฝ่ายเผด็จการ” เรียกฝ่าย “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” ว่า “ฝ่ายประชาธิปไตย”!
ฉะนั้น “การเลือกข้าง-เลือกฝ่าย” ในการจูงจมูกคน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ “สื่อสายพันธุ์ใหม่” เขาเถอะ
ส่วนรัฐบาล,ข้าราชการ ต้องเป็น “เสาหิน ๘ ศอก ตอกจมดิน ๘ วา” ใครผลักซ้าย-ผลักขวา ก็ไม่เอนตาม ยืนมั่นคง ตรงเป็นแกนหลักชาติไว้
การเมือง “พันธุ์ปากพล่อย” ต้องระวัง
ก่อนจะแสดงท่าทีอะไร ควรไปศึกษาหาอ่าน “ความเป็นไป-เป็นมา” เรื่องยิวเรื่องปาเลสไตน์ซักรอบ-สองรอบก่อน ค่อยปล่อยลมทางปาก!
และทางที่ดี หาแผนที่มากางดูให้ขึ้นใจด้วย
ว่าฉนวนกาซ่า, อิสราเอล, เขตเวสต์แบงก์ พื้นสภาพมันตั้งอยู่ตรงไหนกันบ้าง ทางไหน ติดกับชาติอาหรับ ประเทศไหนบ้าง?
ขืนใช้แค่ความรู้สึก ใช้แค่ทัศนคติเห็บซุกขนหางราชสีห์ แล้วอีโก้ พูดไปเรื่อย
แบบนั้น ที่นึกว่าจะช่วยคนงานไทยได้ เผลอๆ จะเป็นชนวนให้ต้องตายกันหมด
ฝ่ายปาเลสไตน์ ที่จับคนงานไทยไป ก็นึกว่า อ้อ…ไทยเป็นแนวร่วมยิว ก็เชือดซะเลย!
อีกอย่าง การลำเลียงคนงานไปสู่พื้นที่ปลอดภัย รวดเดียวขึ้นเรือบินมาไทย ไม่ง่ายเหมือนเหมาลำไปยูเอ็นหรอก
บางทีมันต้องไปพึ่งพาประเทศใกล้เคียงเขาก่อน เช่น อียิปต์ จอร์เแดน ซาอุฯ เป็นต้น
แล้วการที่ผู้นำปากโพล่ง ประกาศเลือกข้างแบบนั้น เขาจะช่วยมั้ย?
ไม่ต้องไปพูดถึงด้านเศรษฐกิจการค้า การลงทุนที่จะไป ติดต่อกับเขาในอนาคตหรอก กับหางหมาที่ทำเป็นหัวราชสีห์แบบนั้น!
ก็รู้แหละ ว่ารัฐบาลต้องการหาคะแนนนิยมจากครอบครัวคนงานไทยในอิสราเอล แสดงความห่วงใย สั่งการโขมงโฉงเฉง
แล้วคิดหรือว่า ที่โฉ่งฉ่าง เตะถัง เตะกาละมัง ไปเรื่อย มันอาจทำเรื่องให้เสียไปหมด
ช่วยให้พวกเรารอดชัวร์ๆ ซะก่อนเถอะ ค่อยคุย
ไม่ใช่เฉาฉุ่ยข้ามประเทศไปเรื่อย “สักแต่ว่าสั่ง” แต่ไม่รู้เลยว่า คนทำงานที่กระทรวงต่างประเทศบ้าง กระทรวงแรงงานบ้าง กระทรวงกลาโหมบ้าง
กับปัญหา-อุปสรรคหน้างาน
มันมีอะไรหนักหนา-สาหัสในการเจรจาติดต่อขนาดไหน และเขาทำงานกันหนักและยากลำบากขนาดไหน?
ที่ “ฉนวนกาซา” นั้น ผมก็ไม่เคยไปหรอก แต่เท่าที่ฟัง-ที่อ่าน เปรียบเหมือน “ปลากระป๋อง”
พื้นที่นิดเดียว แต่อยู่กัน ๒ ล้านกว่าคน
และตอนนี้ อิสราเอล “กากบาท” เป็นเป้าถล่มไว้แล้ว
ฉะนั้น พวกเราช่วยกันสวดภาวนา “พระราหู” เถอะ
ถ้าตูมลงไป…….
ทั้งฝรั่ง ทั้งจีน ทั้งไทย ทั้งปาเลสไตน์ นับศพไม่ถ้วนแน่
สงครามโลก ครั้งที่ ๓….
ไม่ใช่เรื่อง “ตลกหน้าฉาก” ซะแล้ว!
เปลว สีเงิน
๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๖