ผักกาดหอม
ก้าวหน้า ก้าวไกล กันอีกสักวัน
การเมืองมันไม่ปกติสักเท่าไหร่นัก การตรวจสอบนักกการเมืองในวันนี้ แตกต่างไปจากอดีต เพราะนอกจากต้องตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลแล้ว ในฝั่งของฝ่ายค้านก็มีเรื่องให้คอยคัดท้ายอยู่เช่นกัน
ประเด็นของคณะก้าวหน้ากับพรรคก้าวไกล ที่มาจากรากเหง้าเดียวกันคือ พรรคอนาคตใหม่ เป็นเรื่องชวนให้คิดว่า ขบวนการที่บอกว่าจะเปลี่ยนแปลงประเทศมาถึงจุดสูงสุดแล้วหรือยัง
จากวันนี้ไปกราฟจะพุ่งขึ้นไปอีก
หรือจะปักหัวลง
มีข้อสังเกตประการหนึ่ง ซึ่งระดับแกนนำของทั้งพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า น่าจะวิตกกังวลอยู่ไม่น้อยนั่นคือ ความบริสุทธิ์ในอุดมการณ์ได้แปดเปื้อนไปแล้ว
อุมการณ์เปลี่ยนแปลงประเทศในวันนี้เริ่มจะชัดเจนขึ้นมาว่า แท้ที่จริงแล้วมีกระแส “ขี้เบื่อ” และ “ลืมง่าย” ปะปนอยู่จำนวนมาก
มากพอจนยากที่จะเดินไปสู่เป้าหมายที่วางไว้แต่แรกๆ ได้
อนาคตของพรรคก้าวไกล จะเป็นเพียงพรรคการเมืองที่สำเร็จในการสร้างกระแส แต่จะเป็นพรรคการเมืองที่ล้มเหลวทันทีเมื่อมีอำนาจอยู่ในมือ ด้วยสาเหตุหลายประการ
หนึ่งในนั้นคือ ไม่สามารถบริหารจัดการอำนาจได้
คล้ายทฤษฎีกระถางธูป ๓ ขา
อำนาจ ความมั่งคั่ง และความศรัทธา
พรรคก้าวไกลไม่อาจสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นได้ สุดท้ายขาหนึ่งขาใดหัก กระถางธูปก็ล้มครืน
ที่สำคัญสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากฝีมือของพรรคก้าวไกลเอง มิใช่การกระทำของใครอื่น
ใช่ครับ….
กรณี “ช่อ พรรณิการ์ วานิช” ถูกศาลสั่งห้ามสมัครสส. และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ
แต่หาใช่จุดเปลี่ยนในการสร้างความกระเหี้ยนกระหือรือในการล้มรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แล้วเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีบทบัญญัติขายฝันไม่
จุดเปลี่ยนที่ว่าคือพรรคก้าวไกลมิได้เป็นพรรคการเมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังอย่างที่ ด้อมส้ม เข้าใจอีกต่อไป
สาเหตุก็มาจากด้อมส้มนั่นเอง ที่จะทำให้พรรคก้าวไกลประสบความล้มเหลวในการใช้อำนาจ
พรรคก้าวไกลจะอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เลือกที่จะพูดหรือไม่พูดในสิ่งที่ ด้อมส้ม ต้องการ แม้กระทั่งการสลัดภาพถูกชี้นำจาก ๓ โปลิตบูโร “ธนาธร ปิยบุตร พรรณิการ์” หากมีความจำเป็น
ดังเห็นได้จากความขัดแย้งรอบใหม่ ระหว่าง ปิยบุตร แสงกนกกุล กับ พรรคก้าวไกลในยุคเปลี่ยนผ่าน มีผู้บริหารพรรคชุดใหม่ นำโดย “ชัยธวัช ตุลาธน”
จะเห็นได้ว่า พรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกล เริ่มจะพบขาลงในตัวบุคลากร
จาก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” มาสูู่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็น “ชัยธวัช ตุลาธน” ในแง่ของแม่เหล็กดึงดูดคนสู่พรรค ถือเป็นการถอยหลัง ไม่ใช่ก้าวหน้า
แม้กระทั่งความฝันของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ ๓๑ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
จะต้องสู้รบปรบมือกับ คณะผู้บริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนต้องหวงอำนาจ และหวงโอกาสของตนเอง
ปัจจุบัน พรรคก้าวไกลเริ่มรู้จักการเมืองที่แท้จริงมากขึ้นเรื่อยๆ
และวันนี้รับรู้บ้างแล้วว่า การเมืองไม่ใช่ทฤษฎีในหน้ากระดาษ แต่การเมืองมีชีวิต และสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลาตามสถานการณ์
การสูญเสียเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งกำลังจะสูญเสียตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ ๑ ทำให้กาารเมืองของพรรคก้าวไกลไม่ต่างจาก “เด็กอมมือ”
ไม่รู้ว่าในสถานการณ์ไหนต้องปรับตัวอย่างไร
แต่ยืนหยัดตามความต้องการของ “ด้อมส้มฮาร์ดคอร์” ที่พรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกล-ก้าวหน้า เป็นผู้สร้างขึ้นมาเอง
โดยหารู้ไหมว่า อนาคตนี่คือปีศาจ ที่จะทำร้ายตัวเองในอนาคต
ปีศาจตนนี้แฝงตัวอยู่ในระดับแกนนำพรรค และมวลชนพรรค จนกลายเป็นที่เกรงอกเกรงใจของพรรคก้าวไกล
อย่างที่ระบุไว้ข้างต้น กรณี “ช่อ พรรณิการ์ วานิช” คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญมาก
รอบเดือนสองเดือนที่ผ่านมา พรรคก้าวไกล เลือกที่จะไม่พูดบางเรื่อง อาทิ เรื่อง นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งกรณีนี้ขัดกับอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกลอย่างสิ้นเชิง
นักโทษชายทักษิณแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า คนไม่เท่ากัน
แต่กลายเป็นว่า สองรูหูของพรรคก้าวไกลได้ยินไม่ชัดเท่ากับคนอื่น
เมื่อแสร้งได้ยินไม่ชัด ก็มีการตั้งคำถามถึงอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกล และนำไปสู่การล้อเลียนว่าแม้กระทั่งในคนพรรคก้าวไกล-คณะก้าวหน้า ก็ไม่เท่ากัน
หากเท่ากันจริง “ด้อมส้ม” ไม่พาทัวร์คณะใหญ่ลง “ปิยบุตร” อย่างแน่นอน
แค่เห็นต่างกันนิดเดียวไล่งับจนเหวอะหวะ
อัปเปหิ “ปิยบุตร” พ้นจากความเป็นส้ม
มอง “ปิยบุตร” เหมือนศัตรูคู่อาฆาต ราวกับขัดแย้งกันมานมมานแล้ว
และวันนี้ “ปิยบุตร” กำลังเผชิญหน้ากับปีศาจที่ตัวเองสร้างขึ้นมากับมือ
“ส้มฮาร์ดคอร์” คือกลุ่มที่ตั้งหน้าตั้งตา แก้ ม.๑๑๒ ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องการให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ตัวเองเขียนกับมือ
อ้างว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุดที่ประเทศไทยเคยมี เพราะให้อำนาจประชาชนอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
นี่แหละครับที่พรรคก้าวไกลจะพังทลายลงหากชนะเลือกตั้งแสนด์สไลด์ ได้สส.เกินครึ่งของสภา ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว มีอำนาจบริหารเบ็ตเสร็จเด็ดขาดอยู่ในมือ
ยิ่งพรรคก้าวไกลได้ส.ส.มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพังเร็วเท่านั้น
เพราะสถานการณ์ในขณะนั้นจะเกิดความเชื่อที่ว่า พรรคก้าวไกลคือผู้ถูกต้อง
ถูกต้องจนกลายเป็นแตะไม่ได้
อย่าว่าแต่คนนอกเลยครับ คนในที่ออกมาเตือนจะกลายเป็นศัตรูในทันที
อย่างเช่นที่ “ปิยบุตร” กำลังวิ่งหนีทัวร์อยู่ในขณะนี้
ความฮึกเหิม ความลำพอง จะฆ่าทุกสิ่งอย่างที่เป็นก้าวไกล
เพราะก้าวไกลเกินความเป็นจริง
ไม่เชื่อก็รอดูครับ