ก้าวไกล…ไปสุดก็แค่นี้ – เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ…⬇️

เปลว สีเงิน

ใครก็อย่าว่า “ปิยบุตร” ครอบงำ “พรรคก้าวไกล” นะ
กรณี “ช่อ-พรรณิการ์”
ถูก “ศาลฎีกา” พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป รวมถึงไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆด้วยนั้น
เช้าวาน (๒๑ กย.๖๖) ผู้นำวิญญานมนุษย์สามนิ้ว โพสต์ว่า

“ผมทราบข่าวกรณีคุณช่อ พรรณิการ์ วานิช ตั้งแต่บ่ายสามแล้ว แต่จงใจยังไม่แสดงความเห็นใดๆ

เพราะอยากรอดูว่า พรรคก้าวไกลจะมีการสื่อสารแบบเป็นทางการออกมาบ้างหรือไม่ แต่จนถึงตอนนี้ ไม่มีเลย

พบเห็นแค่มี ส.ส.บางคน แสดงความไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง แต่ไม่มีการแถลงหรือวิจารณ์ใดๆ ออกจากพรรคก้าวไกลแม้แต่น้อย

อย่าใช้เหตุผลนะครับว่า คุณช่อไม่ใช่สมาชิกพรรคก้าวไกล นั่นคนละเรื่องเลย

พรรคการเมืองสามารถแสดงความเห็นได้อยู่แล้ว ยังไม่นับว่าคุณช่อเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้พรรคก้าวไกลด้วย

ในขณะที่ ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล และผู้สนับสนุนพรรคอื่น ยังแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างกว้างขวาง

แต่พรรคก้าวไกลกลับ “เงียบกริบ”

เงียบจนผมรู้สึกว่า “ไร้น้ำใจ” กับพรรณิการ์ วานิช จนเกินไป ในเมื่อพรรคก้าวไกลไม่พูดอะไรเลย ก็ไม่เป็นไรครับ..ฯลฯ..”

ผลที่เกิดจากปิยบุตรโพสต์…..
ทำให้ผมนึกถึงแผ่นเสียงตรา “หมาหอนหน้าลำโพง” สมัยเด็กๆ ขึ้นมาทันที

เพราะปรากฎว่าสส.ก้าวไกล ออกมาแสดงน้ำใจ “อัดศาล-อภิบาลพรรณิการ์” กันเป็นแถวๆ!

ผมว่าไม่ใช่เพราะถูกปิยบุตรตำหนิหรือเพราะปิยบุตรเป็นผู้มีบารมีเหนือพรรคหรอก
แต่เพราะสส.ก้าวไกล “เชื่องเอง” ตามสายพันธุ์มากว่า!

“สาวกหัวสาก” ก็แบบนี้ มีหน้าที่เป็นเครื่องมือให้คนอื่นใช้ตำ สากมันตำเองไม่เป็น
นอกจากตำไม่เป็น หัวสากยังไม่รู้รสสิ่งที่ตำด้วย!

กรณีพรรณิการ์ ถูกเขาใช้ตำ ก็ตำไปงั้น
รู้แต่ “ผล” คือที่พรรณิการ์ถูกศาลตัดสิน แต่ไม่รู้ “ต้นเหตุ” ว่าพรรณิการ์ทำอะไร มีพฤติกรรมอย่างใด ผลจึงออกมาเช่นนั้น?

มีซักกี่คน “อ่านคำพิพากษา” ได้ครบบรรทัด?
ไม่ได้อ่านซักบรรทัดด้วยซ้ำ……

แค่ฟัง “ช่อถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต” ก็เอาเลย เขาให้ออกมาแสดงน้ำใจ สากก็ขยับไปเรื่อยเปื่อย

ฉะนั้น ผมจะเก็บความจากคำพิพากษามาให้พอทราบ ว่า “พรรณิการ์” มีพฤติกรรมอะไร จึงถูกศาลพิพากษาตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต?

คดีนี้ ป.ป.ช.เป็น “ผู้ร้อง” ช่อ-พรรณิการ์ เป็น “ผู้ถูกร้อง”

พุธที่ ๒๐ กันยา.๖๖ “องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา” ได้อ่านคำพิพากษาคดีนี้

เริ่มจาก ป.ป.ช.ยื่นคำร้อง ว่า…….
พรรณิการ์ โพสต์ภาพถ่ายและข้อความในลักษณะเป็นการกระทำมิบังควรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ลงในเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ชื่อบัญชี “Pannika Chor Wanich”

ต่อมา พรรณิการ์ได้เป็นสส.
แต่ภาพถ่ายและข้อความ ยังปรากฎอยู่ในเฟซบุ๊กของพรรณิการ์ ในลักษณะเป็นสาธารณะ บุคคลทั่วไป สามารถเข้าไปดูได้ อย่างต่อเนื่อง

โดยพรรณิการ์มิได้ลบภาพและข้อความดังกล่าวออกจากบัญชีเฟซบุ๊กของตน ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการไม่เคารพและเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

อันเป็นการไม่ยึดมั่นและธำรงไว้ ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เป็นการไม่พิทักษ์รักษาไว้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์

ป.ป.ช.ขอให้ศาลพิพากษาว่า……
“พรรณิการ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง”

กับขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของพรรณิการ์ มีกำหนดไม่เกิน 10 ปี

พรรณิการ์ยื่นคำคัดค้านว่า…..
การกระทำของเธอเกิดก่อนจะมีบทกฎหมายและมาตรฐานทางจริยธรรม ใช้บังคับย้อนหลังกับเธอไม่ได้

และบทกฎหมายมุ่งหมายใช้บังคับแก่บุคคลที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะถูกร้องและดำเนินคดี
แต่เธอพ้นจากตำแหน่งสส.แล้ว ป.ป.ช.จึงไม่มีอำนาจไต่สวนและยื่นคำร้องต่อศาล

ขณะเธอเป็นสส.มิได้กระทำการใด เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม
ส่วนที่ยังคงมีภาพถ่าย, ข้อความปรากฎอยู่ ไม่ถือเป็นการกระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ขอให้ยกคำร้อง

ศาลฎีกาพิพากษา สรุปว่า……..
พรรณิการ์ขณะเป็นสส.มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งขณะนั้น มีผลใช้บังคับแล้วไว้พิจารณา

ซึ่งขณะนั้น พรรณิการ์เป็นสส.แม้ต่อมา จะพ้นจากตำแหน่งแล้ว ป.ป.ช.ยังคงมีอำนาจไต่สวนและยื่นคำร้อง

ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 2 บัญญัติว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

มาตรา 6 บัญญัติว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้”

และหมวด 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทย มาตรา 5 บัญญัติว่า “บุคคลมีหน้าที่ดังต่อไปนี้ ………

(1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข…”

พรรณิการ์มีเชื้อชาติและสัญชาติไทย
นอกจากมีหน้าที่ตามมาตรา 50 (1)อันเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทยแล้ว

ในฐานะสส.ยังต้องยึดถือปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม เพื่อรักษาเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งและความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน

ย่อมต้องระมัดระวังในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ มิให้มีภาพถ่ายหรือข้อความพาดพิงหรือแสดงออกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางที่ไม่เหมาะสมหรือมิบังควร

เนื่องจากพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศ เป็นมิ่งขวัญและศูนย์รวมความสามัคคีของปวงชนชาวไทย โดยกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ว่า “ในหลวง” “พ่อหลวง”หรือ “พ่อของแผ่นดิน” เป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทย
ปวงชนชาวไทย มีความรักและความภาคภูมิใจในองค์พระมหากษัตริย์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดมา

เมื่อพิจารณาการกระทำของพรรณิการ์ตามคำร้อง ซึ่งกระทำอย่างต่อเนื่องกันมา ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่า
พรรณิการ์มีเจตนาพาดพิงถึงในหลวงรัชกาลที่ 9

ส่วนการกระทำตามคำร้อง ข้อ 4.1 (5)เป็นการลงข้อความพาดพิงถึงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ (พระนามในขณะนั้น)
อันเป็นการแสดงออกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางที่ไม่เหมาะสมหรือมิบังควรอย่างยิ่ง

เป็นการไม่เคารพในหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์
แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของผู้คัดค้านที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อนเป็นสส.

และเมื่อพรรณิการ์เป็นสส.อยู่ภายใต้บังคับมาตรฐานทางจริยธรรมฯหมวด 1
มาตรฐานทางจริยธรรม อันเป็นอุดมการณ์ ข้อ 6 ที่กำหนดให้สส.ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์

ซึ่งการผ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริธรรมอย่างร้ายแรง นอกจากการกระทำโดยตรงแล้ว
ยังหมายรวมถึงการให้เกิดผลหนึ่งใด โดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย

เมื่อพรรณิการ์ยังคงปล่อยให้ภาพถ่ายและข้อความดังกล่าวปรากฎอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์บัญชีการใช้งานเฟซบุ๊กของเธอในลักษณะเป็นสาธารณะบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้

พฤติการณ์เป็นการแสดงออกถึงการไม่เคารพและเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 6 มาตรา 50 (1) และมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 6

การที่ผู้คัดค้านไม่ลบหรือนำภาพถ่ายและข้อความทั้งหมดออกจากระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งที่สามารถกระทำได้
เพื่อไม่ให้ปรากฎอยู่และเพื่อไม่ให้บุคคลใดสามารถเข้าถึงภาพถ่ายและข้อความดังกล่าว

ถือเป็นการงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย

การกระทำของผู้คัดค้าน จึงเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 235 ประกอบพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 87

และมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 6 ประกอบ ข้อ 29 (1) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตลอดไป รวมถึงไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 235 (3) และ (4)
แต่ยังฟังไม่ได้ว่า…..

เป็นการไม่ยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 5

จึงยังไม่เห็นสมควรเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้าน
…………………………..
ปั้นรูปพรรณิการ์เป็น “เทพีเสรีภาพสามนิ้ว” ไว้หน้าพรรคก้าวไกล ผมว่าสุโค่ยยยย ฝุดๆ!

เปลว สีเงิน

๒๒ กันยายน ๒๕๖๖

Written By
More from plew
ท่องเที่ยว “ดิสรัปท์เมืองกรุง”
๔-๕ ปีที่ผ่านมานี้…… บ้านเมืองเรา โดยเฉพาะ “กรุงเทพฯ” เปลี่ยนไปมาก ใช้คำว่า “เปลี่ยน” อาจไม่เก็ต ต้องใช้คำว่า disrupt! หลายคน...
Read More
0 replies on “ก้าวไกล…ไปสุดก็แค่นี้ – เปลว สีเงิน”