คลิกฟังบทความ..⬇️
เปลว สีเงิน
เห็นแต่ละรายชื่อ “ข้าราชการการเมือง” เพื่อไทยแล้ว
เชื่อแล้วแหละ…..
ว่างานนี้ “เทหมดหน้าตัก” จริงๆ!
เรียกว่ามากันครบ “อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าครอบครัวใหญ่ก็มา รุ่นใหม่อย่าง “พันศักดิ์ วิญญรัตน์” ก็มา “นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” ก็มา
“นลินี ทวีสิน” คนนามสกุลพ้องนายกฯก็มา “นายรัศม์ ชาลีจันทร์” ทูตนอกแถว ก็มา
ขาดอยู่แต่ “เจ๊แดง-เยาวภา-สมชาย วงศ์สวัสดิ์” กับ “ท่านโอ๊ค” เท่านั้น หวังว่า จะตามมาในไม่ช้านี้นะ
น่าครึกครื้นดีและอบอุ่น เหมือนงาน “คืนสู่เหย้า” ของศิษย์เก่า “ยิ่งลักษณ์รอแป๊บ” ที่มากันในตำแหน่งต่างๆ เกือบครบหน้า
ที่ขาดไป ดูเหมือนจะเป็น “นักโทษเด็ดขาดชาย บุญทรง เตริยาภิรมย์” กับ “นักโทษเด็ดขาดชาย ภูมิ สาระผล” ที่ยังรอยิ่งลักษณ์อยู่ในคุกเท่านั้น!
นายกฯ เศรษฐาของผม เครื่องฟิตเหลือล้น ทนเหลือหลายดีจริงๆ
ทำงานชนิดไม่รู้จักว่าเหน็ดเหนื่อย ผลิตไอเดียใหม่ๆ เป็นนโยบายกระชากสังคมให้ตื่นไม่เว้นแต่ละวัน
ไอเดียเปลี่ยน “รอบเดือน” เงินข้าราชการให้ออกตาม “รอบหวย” คือเดือนละ ๒ งวด
เจ๋งอ่ะ ท่านนายกฯ!
เป็นวิธีการฝึกซ้อมให้ชาวบ้านตื่นตัวเรื่อง “ประชามติ” ที่เข้าท่า
เห็นพวกข้าราชการออกมาวิพากษ์กันขรม
“เอาด้วย” หรือ “ด่าเอา” ไม่เป็นปัญหา ก็แค่เสียงกระทบหู ส่วนจะ “ชอบ-ไม่ชอบ” อยู่ที่จิตปรุงแต่งเอง
ที่สำคัญ การแหย่ประเด็นไปยั่ว เท่ากับฝึกให้คนรู้จักคิดรู้จักหาเหตุผล คนที่ชอบ ก็จะคิดหาเหตุผลทางสนับสนุน คนที่ไม่ชอบก็คิดหาเหตุผลทางคัดค้าน
นี่แหละ “ประชาธิปไตย” แท้ ฟังข้าราชการเขา ว่าส่วนใหญ่พอใจทางไหน ท่านก็เอาทางนั้น
ไม่เสียหน้าหรอก จะได้เครเดิตด้วยซ้ำว่า “เศรษฐาเป็นนายกฯฟังเสียงประชาชน”!
ฝึกไว้ ก็จะแก้รัฐธรรมนูญเขียนใหม่ เป็นฉบับ “ทักษิณาธิปไตย” มิใช่หรือ?
ศาลรัฐธรรมนูญก็บอกแล้ว
ให้ทำ “ประชามติ” ถามเจ้าของอำนาจคือประชาชนเขาก่อน ว่าจะเอาหรือไม่เอา รัฐธรรมนูญฉบับทักษิณาธิปไตยแทนฉบับปราบโกง ที่ใช้ในปัจจุบันนี้น่ะ?
ในความรู้สึกผมนะ ชักสงสาร “นายกฯเศรษฐา”
ดูเหมือน full powers แต่ดูรายชื่อคนที่ตั้งเข้าไปเสียบประกบตัวแต่ละรัฐมนตรีพรรคและดูงานที่แบ่งไปคุมกันแล้ว
มันสะท้อนให้เกิดคำถามว่า……
“นี่เศรษฐาเลือกเองหรือว่าเขาจัดมาเสร็จสรรพแล้วให้เศรษฐาในตำแหน่งนายกฯ ประทับตรายาง?”
ก็เข้าใจละ ในตำแหน่งข้าราชการการเมือง เป็น “ตำแหน่งชำร่วย” ที่พรรคจัดสรร แต่ “บางคน-บางงาน” ถ้านายกฯจัดสรรเองแบบนั้น
ขอโทษนะครับ…คุณภาพด้อยกว่าปริมาณไปนิด!
ท่านเป็นนายกฯ “นั่งเกี้ยว” มีคนหามแห่นั้น แสดงถึงความเป็นผู้มีบุญหนัก-ศักดิ์ใหญ่ ไปทางไหนผู้คนหลีกทางให้ก็จริง
แต่อย่าลืมว่า
“คนนั่งเกี้ยว” คือ “คนตีนลอย”!
ทุกอย่าง “รวมทั้งชีวิต” อยู่ในกำมือคนหามแห่ เพียงแค่เขาขยิบตา ๑..๒..๓ โยนเกี้ยวทิ้งโครม หรือหามเข้าซุกพงหนาม
“คนนั่งเกี้ยว” จะทำอะไรได้ นอกจากสาหัสหรือตายอนาถเท่านั้น!
ถ้าว่าเป็น “พระเอกขี่ม้าขาว” ของเพื่อไทย เศรษฐาก็เป็นม้าขาวที่ “มะลำ-มะเลือง” ใน “ที่มา-ที่ไป”
ไม่เหมือน “ยิ่งลักษณ์” ที่เป็น “นารีขี่ม้าขาว” มันแจ้งชัดในที่มา-ที่ไป ว่าคนนี้ ทักษิณเต็มใจ-เชื่อใจ-วางใจ ส่งมาให้เป็นตัวแทนใน “ตำแหน่งนายกฯ”
ดังนั้น จะว่าไป ท่านเป็นนายกฯ “ตัวเดียว-อันเดียว” โดดๆ ในพรรคเพื่อไทยจริงๆ!?
ใจจริง ผมอยากให้ท่านบริหารประเทศครบ ๔ ปี เพราะเชื่อว่าท่านต้องมีกึ๋นแน่
ไม่เช่นนั้น จะเป็นเศรษฐา “มหาเศรษฐีแห่งยุค” ไม่ได้หรอก
แต่ดู “องค์รวม” รอบตัว ในความเป็น “เครื่องไม้-เครื่องมือ” ในการทำงานของท่าน
มันกลับให้ความรู้สึกว่า ท่านกำลังจะเป็น “เครื่องไม้-เครื่องมือ” ให้เขามากกว่า และมันจะจบตามภาษิตไทยที่ว่า
“เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่ต้องเอากระดูกมาแขวนคอ”!
อดีตนายกฯ สมัคร ผมรู้จัก เคยสัมภาษณ์ท่านที่บ้าน แต่ส่วนตัวไม่คุ้นเคย
ท่านดูเหมือนคนปากร้าย พูดจาโผงผาง แต่จริงๆ ท่านเป็นคนอารมณ์ศิลปิน มีอัธยาศัย ข้าราชการทำงานด้วย ก็รักท่าน
เพราะท่านซื่อตรง มีเหตผุล ปกป้อง-เอื้อเฟื้อลูกน้อง ยอมได้เท่าที่ยอม แต่อะไรที่เกินเลยและไม่ถูกต้อง
อดีตนายกฯ สมัคร ยอมหัก-ไม่ยอมงอ!
ท่านจึงถูกทักษิณสั่งสมุน “หักท่านทิ้ง” ให้อัปยศในศักดิ์ศรีกลางสภา
ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์เช่นนั้น ซ้ำรอยกับนายกฯ เศรษฐา
แต่ดูการรวมตัวเข้าประจำการ ณ จุดสำคัญตามหน่วยงานราชการต่างๆ รูปแบบเดียวกับ “ยุคทักษิณ-ยุคยิ่งลักษณ์”
ถ้าเราศึกษา “สามก๊ก” จะรู้ว่า
“เล่าปี่-โจโฉ” นั้น อัจฉริยภาพที่พอๆ กันคือ การวิเคราะห์คน เข้าใจคน จึงสามารถเลือกคนวางในตำแแหน่งเพื่อใช้งาน
อย่าง “จูล่ง” ที่ยาขอบ ตั้งฉายาให้ใน “สามก๊ก” ฉบับ วณิพกว่า “สุภาพบุรุษแห่งเสียงสาน”
องอาจ ผึ่งผาย สูงใหญ่ สง่างาม ฝีมือฉกาจ-แกล้วกล้า สมความเป็นทหารชายชาตินักรบ สร้างวีรกรรมมากมาย
แต่ “จูล่ง” ชื่อไม่ติดอันดับ ๑ ใน ๒๐๐ ขุนพล ของพระเจ้าเล่าปี่เลย เพราะพระเจ้าเล่าปี่มองว่า
“ความสามารถทางการทหารและการเมืองของจูล่งจำกัด จึงยากที่จะทำการใหญ่ได้”!
นายกฯ เศรษฐาก็ลองคิดดูนะ….
ในขณะที่ท่าน ยืดอก ยืนหน้าเวทีรัฐสภา แถลงนโยบายรัฐบาล ต่อบรรดาสมาชิกรัฐสภา ๗๕๐ ท่าน เมื่อ ๑๑ กันยา.
“รัฐบาลจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ เพราะการมี “หลักนิติธรรม” ที่น่าเชื่อถือ….ฯลฯ…”
ในเวลาเดียวกันนั้น ณ อีกสถานที่หนึ่ง ห่างจากรัฐสภาไม่กี่กิโลเมตร
มี “นักโทษเทวดา” ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” สถิตอยู่ ณ รอยัล สวีท ชั้น ๑๔ ของโรงพยาบาลตำรวจ
โดยไม่มีใครในแผ่นดินสามารถตรวจสอบได้ว่า มีตัวนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ นอนอยู่จริง ป่วยจริง มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่?
ทั้งที่มี “พระบรมราชโองการ” ประกาศแล้วว่า
“ทรงพระกรุณาพระราชทานอภัยลดโทษ จาก ๘ ปี ให้เหลือโทษคุก ๑ ปี ก็ตาม”
ถึง ณ นาทีนี้ นายกฯ เศรษฐา ที่ประกาศว่า
“จะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรม”
กลับทำประหนึ่งว่า…….
ประเทศนี้ ยกให้คนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” แต่ผู้เดียว อยู่เหนือหลักนิติธรรมประเทศไทย และอยู่เหนือ “พระบรมราชโองการ” ได้
โดยรัฐบาลสยบยอมและ “รู้เห็น-เป็นใจ”
ปล่อยให้ราชทัณฑ์ใช้ ๒ มาตรฐาน กับนักโทษผู้เป็น “เจ้าของพรรค” เพื่อไทย ไม่นำตัวไปเข้าคุก โดยไม่แจ้งเหตุแท้จริง
ในทางการเมือง …….
นอกจากบริหารละเมิดหลักจริยธรรมของข้าราชการเมืองแล้ว ในทางกฎหมายอาญา ยังผิดตามมาตรา ๑๕๗
“ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๑ ปี ถึง ๑๐ ปี หรือปรับตั้งแต่ ๒,๐๐๐ บาทถึง ๒๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ผมก็บอกให้ท่านนายกฯ ทราบ
ส่วนท่านจะรับทราบและรับผิดชอบตามนโยบายที่เพิ่งแถลงเรื่องนิติธรรมไปหมาดๆหรือไม่?
นี่เป็นเรื่อง “ยัง กัมมัง กริสสันติ….” คือ ทำอย่างใดไว้ ดีหรือชั่ว ต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น!
วันนี้ เป็น “หลวงตาเปลว” เทศน์อีก มีญาติโยมส่งกางเกงช้าง ๑ เชือก คุณสมปองมีคูณ ภาจิตประพันธ์ ส่งลองกองตันหยงมัส ๒ ลัง มาติดกัณฑ์เทศน์
ขออนุโมทนา ให้ร่ำรวย “เงินดิจิทัล ๑๐,๐๐๐”
พร้อมหนี้ประเทศ ๕๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ถ้วนหน้า เทอญ.!
เปลว สีเงิน
๑๕ กันยายน ๒๕๖๖