คลิกฟังบทความ..⬇️
เปลว สีเงิน
ทักษิณ…..
ถ้าจะขอบคุณใครซักคนตอนนี้
ต้องนี่เลย…..
“รองฯวิษณุ เครืองาม”
ถ้าไม่ได้รับการเอาใจใส่ทุกขั้นตอน จาก “เนติบริกร” คู่บารมีคนนี้ แต่วินาทีแรกที่เข้าคุก เมื่อ ๒๒ สิงหา.๖๖ ละก็
หนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ …..
กว่าจะผ่านการตรวจสอบทุกขั้นตอน ถึงชั้นสู่การนำขึ้นทูลเกล้าฯ
ไม่รวดเร็วได้ขนาดนี้หรอก!
ทักษิณ ตอนเป็นนายกฯ รองฯ วิษณุคือลมส่งใต้ปีกในฐานะ “เนติบริกร” ที่แรงมาก จนกระทั่งต้องไปเป็นสัมภเวสี
ลุงตู่ เป็นนายกฯ ก็ “รองฯวิษณุ” คนนี้แหละ เป็นลมใต้ปีกในฐานะ “เนติบริกร” ให้ จนกระทั่งสัมภเวสี “นายเก่า” ได้กลับบ้าน
และได้รับพระราชทานอภัย “ลดโทษ” วันนี้!
วันนี้….คือ “วันสุดท้าย”
ที่นายกฯ ลุงตู่ “ส่งคืนทำเนียบรัฐบาล” ให้พรรคเพื่อไทย หลังเข้าไปนั่งทำหน้าที่ ๔ ปีซ่อม-๕ ปีสร้าง
จากประเทศ “ซากโทรม” ด้วยการเมืองชำเรา ช่วงปี ๒๕๕๔-๒๕๕๗
สู่สถานะไทยพัฒนา-ก้าวหน้าระดับ “top ten” ของโลกในเกือบทุกด้าน ณ ปี ๒๕๖๖!
ขณะเดียวกัน “เนติบริกร” ท่านก็ทำหน้าที่ส่งท้าย
“ส่งนายเก่า” ขึ้นฝั่ง
“ปิดฉาก” การเมืองเรื่อง “ต่างตอบแทน” ที่สมบูรณ์
“บุญคุณ-ความแค้น” ใช่ว่าเลือดท่วมจอแต่ในหนังจีน
ชีวิตจริงก็มี!
เพื่อบันทึกไว้เป็นส่วนหนึ่ง “ประวัติศาสตร์การเมือง” ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ขอนำความตาม “เว็บไชต์ราชกิจจานุเบกษา” เผยแพร่ พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษ “นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อ ๑ กันยายน ๒๕๖๖ มาให้ประจักษ์ ณ ที่นี้ ดังนี้
……………………..
พระบรมราชโองการ
ที่๑/๒๕๖๖ พระที่นั่งอัมพรสถาน
วันที่ ๓๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ตามที่ นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ยื่นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษว่า
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา จำนวน ๓ คดี
คดีที่ ๑ คดีหมายเลขแดง ที่ อม. ๔/๒๕๕๑ ความผิดต่อหน้าที่ราชการ กำหนดโทษจำคุก ๓ ปี
คดีที่ ๒ คดีหมายเลขแดง ที่ อม. ๑๐/๒๕๕๒ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กำหนดโทษจำคุก ๒ ปี
ซึ่งคดีที่ ๑ กับคดีที่ ๒ นับโทษซ้อนกันรวมกำหนดโทษจำคุก ๓ ปี
และคดีที่ ๓ คดีหมายเลขแดง ที่ อม. ๕/๒๕๕๑ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม
กำหนดโทษจำคุก ๕ ปี รวมกำหนดโทษจำคุก ๘ ปี รับโทษมาแล้ว ๑๐ วัน เหลือโทษจำคุก ๗ ปี ๑๑ เดือน ๒๐ วัน อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ความว่า เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน
ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าว ด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ
มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา
ขณะนี้อายุมาก มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วย ต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นั้น
ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว
จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร
เหลือโทษจำคุกต่อไป อีก ๑ ปี ตามกำหนดโทษตามคำพิพากษา
เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือ และทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชน สืบไป
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร
มหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
……………………………….
ครับ….
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อ “นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร” ครอบครัวชินวัตรและพรรคเพื่อไทยอันหาที่สุดมิได้
“เหลือโทษจำคุกต่อไป อีก ๑ ปี”
๑ ปี ตามพระบรมราชโองการ ต้องเป็นไปตามนั้น หรือปรับเข้าตามกฎเกณฑ์ราชทัณฑ์ว่าด้วยการ “ลดโทษ-พักโทษ-พ้นโทษ” ได้อีกด้วยหรือไม่?
ตรงนี้ ผมไม่มีความรู้ ว่าจะต้องติดคุก ๑ ปี เป๊ะๆ
หรือพอติดได้ ๑ ใน ๓ คือราวๆ ๓ เดือน ก็ได้ลดโทษ ติดกำไร EM กลับไปบ้านได้ ตามกฎเกณฑ์ราชทัณฑ์?
แต่ทั้งหมดนี้ ต้องเข้าใจให้ชัด ว่า……
นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องโทษคุก รวม ๘ ปี ขอ “พระราชทานอภัยโทษ”
“พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” มิได้พระราชทานพระมหากรุณาอภัยโทษให้ทั้งหมด
หากแต่…..
พระราชทานพระมหากรุณาอภัย “ลดโทษ” ให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร จากโทษจำคุก ๘ ปี
เหลือโทษจำคุก ๑ ปี
นั่นคือ ทักษิณไม่ได้พ้นโทษทันที ยังต้อง “ติดคุก” อีก ๑ ปี!
ฉะนั้น อย่าพูดแบบตัดความว่า “ทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษ” ซึ่งใครฟังแล้ว จะร้องว่า…ทักษิณไม่ต้องติดคุกเลยหรือ?
ซึ่งไม่ใช่ ทักษิณยังต้องติดคุก เพราะเพียงได้รับพระราชทานพระมหากรุณา “อภัยลดโทษ” เท่านั้น
เข้าใจตรงนี้กันให้ชัดด้วย ไม่งั้นจะวิพากษ์-วิจารณ์บนฐานข้อมูลไม่ครบถ้วน จะนำไปสู่ความเข้าใจคลาดเคลื่อน
พูดแล้วก็ “กึ๊ดเติงหา” ยิ่งลักษณ์เอามากๆ!
เธอรู้ข่าวดีของพี่ชายแล้ว อาจนึกในใจ “รู้อะไรไม่สู้รู้งี้”
คือรู้งี้…กลับมาติดคุกพร้อมพี่ชายก็ดี
เข้าแดนหญิงปั๊บ ความดันขึ้นปรู๊ดแน่ ต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลให้หมอตรวจภายนอก-ภายใน เป็นเดือนใช่ว่าจะหายง่ายๆ
แล้วทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษไปพร้อมพี่ชาย ก็สบายไปแล้ว!
บางคนถาม “เรื่องเทวดาทักษิณ จบง่ายๆ แบบนี้น่ะหรือ?”
ผมไม่ขอตอบ แต่อยากให้อ่านข่าวนี้ซักหน่อย ยกมาจากข่าว PPTV ช่อง ๓๖ เมื่อสามปีที่แล้ว
…………………..
เมื่อวานนี้ (๑ พ.ย.๖๓) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมประชาชน ที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ ภายหลังเสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
ในพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงจากฤดูฝนเป็นเครื่องทรงฤดูหนาวถวายแด่ “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร”
ขณะทรงพระดำเนินทักทายประชาชนที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จอยู่หน้าพระบรมมหาราชวังและถนนราชดำเนินใน
โจนาธาน มิลเลอร์ ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว Channel 4 News/CNN ยื่นไมค์ขอพระราชทานสัมภาษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มิลเลอร์ถามในหลวงว่า
“ประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จเหล่านี้ รักพระองค์ แต่พระองค์จะบอกอะไรกับกลุ่มผู้ประท้วง ที่พวกเขาต้องการจะปฏิรูป?”
ในหลวงทรงตอบว่า “เราไม่มีความเห็น … เรารักพวกเขาทั้งหมด”
ถามอีกว่า “แล้วยังมีที่ว่างสำหรับการประนีประนอมหรือไม่?”
ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสตอบว่า
“ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งการประนีประนอมอยู่แล้ว”
ทั้งนี้ มิลเลอร์ ยังได้ทวีตภาพและข้อความ เปิดเผยคำตอบที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตอบคำถามของเขาว่า
“Thailand is the land of compromise”
หรือ “ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งการประนีประนอม”
………………………
ใช้ “สติ” ให้มากกว่า “อารมณ์”
“บ้านเมืองไทยเรา” ก็จะขึ้นจากหล่ม แทนจมในปลักแค้น!
เปลว สีเงิน
๒ กันยายน ๒๕๖๖