มหาวิทยาลัยมหิดล – เปลว สีเงิน

www.plewseengern.com

เปลว สีเงิน

วันนี้ ต้องบอกว่า….
ชื่นใจแทน “มหาวิทยาลัยมหิดล” สุดบรรยาย จากพิธีนักศึกษาเข้ารับปริญญาบัตรจาก
“สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี”
ณ “มหิดลสิทธาคาร” มหาวิทยาลัยมหิดล นครปฐม เมื่อ
๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๕ ที่ผ่านมา
พบหน้าคนรู้จัก ต่างถาม “ดูหรือยัง?”

แรกๆก็งง ว่าดูอะไร ต่อเมื่อเขาบอก “คลิปนักศึกษาที่ร้องเพลงน้ำตาแสงใต้” ถวาย “กรมสมเด็จพระเทพฯ” ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรนั่นน่ะ ดูหรือยัง

นักศึกษา “เด็กรุ่นใหม่” คนนี้ ร้องได้ไพเราะ ฟังแล้วปลื้มใจ ขนาด “กรมสมเด็จพระเทพฯ” ทรงยกกล้องขึ้นบันทึกภาพเลยทีเดียว

ผมก็อ๋อ….!
ทำไมจะไม่ได้ดูล่ะ เพราะพรึ่บเต็มยูตุป ยิ่งผมเป็นแฟนรายการ “เวทีเพลงเพราะ” ช่อง ๓๑ มาก่อน

เห็นหน้าก็จำได้ว่าน้องชื่อ “ภูมิ แก้วฟ้าเจริญ” รองแชมป์ของรายการซีซั่นก่อน

“น้ำตาแสงใต้” ที่น้องภูมิร้องหน้าพระที่นั่ง ในดนตรีและทำนองใหม่นั้น ผมดูแล้ว-ดูอีก จากหลายๆ คลิป
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ…

ใหม่ไม่ทิ้งรากเหง้าไทย ด้วยดนตรีไม่กี่ชิ้น ด้วยเสียงน้องภูมิ และเนื้อร้องของเดิมที่กินใจ
จะสะกดบัณฑิตใหม่หลายพันคนและทุกคนในห้องประชุมนั้น

ให้เกิดจิตละเมียดละไม ละเอียดอ่อน อุ่นละมุน ในอ้อมอกจิตวิญญานไทยที่คืนกลับ ได้ถึงขนาดนั้น

ดนตรี “คือมนตรา” ไม่ต่างอาวุธชนิดหนึ่ง
จะใช้สร้างหรือทำลาย ขึ้นกับว่า ดนตรีนั้น อยู่ในมือคนคิดสร้างหรือคิดทำลาย

สังเกตได้ ดนตรี บทเพลง ทุกชาติภาษาทั้งโลก “ที่ไม่ตาย” คือ คือดนตรีและบทเพลงในยุคต้นๆศตวรรษที่ ๒๐

เพราะคีตกวีและผู้ร่ายบทเพลงยุคนั้น
ล้วนใช้จิตวิญญานสร้างสรรค์ ร่ายดนตรีมนตรา ด้วยนิ้วมือไหม คลายจิตกระด้าง ให้โอบเอื้อ อ่อนละมุน

แต่ถึงปลายศตวรรษ ยุค “โลกาภิวัฒน์” ที่จริงน่าจะเรียกยุค “โลกาวินาศ” มากกว่า

“ทั้งโลก” เปลี่ยนแนวไปทาง ปลุกสัญชาตญานสัตว์ร้าย ดิบ เถื่อน หื่นกระหาย เร่าร้อน เข้าแทนความละเอียดอ่อนทางจิตวิญญาน

กระทั่งกับบ้านเรา ๓๐-๔๐ ปีหลังมานี้ อย่างเพลงไทยสากล ยุค ครูล้วน ควันธรรม ครูเอื้อ สุนทรสนาน ชรินทร์ นันทนาคร สุเทพ วงษ์คำแหง นริศ อารีย์ ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา เป็นต้น

รุ่นใหม่ ไม่มีใครรู้จักแล้ว แต่ “ไม่ตาย”
รุ่นใหม่ ดนตรีต้องเร่าร้อน กระชากวิญญานสัตว์ร้ายในกรงขังจิตมนุษย์ออกมา เนื้อร้อง ไร้ทำนองกวี ว่ากันดิบๆ เป็นคำๆขยำเสียง

ฮิตมาก ติดหู แต่ไม่ติดใจ สุดท้ายก็ “ตาย”

เดี๋ยวนี้ กำลังวนกลับ ไปหยิบบทเพลงไทยสากล หรือลูกทุ่งไทยเดิมๆ มาปรับทำนองใหม่ ในเนื้อร้องเดิมร้องกัน

จากสัตว์ร้ายกระชากกรง….
ด้วย “ดนตรีใหม่-เนื้อเดิม” สัตว์ร้ายที่สิงใจ ค่อยๆ คืนสู่สุนทรียภาพทางจิต คืนวิญญานคิดแห่งคนอารยะ

“ดุริยางคศิลป์” มหิดล นับแต่ปฐมบรมครู-อาจารย์ผู้ก่อตั้งคณะขึ้นมา ตราบปัจจุบัน ต้องบอกว่า
ท่านทั้งหลายเหล่านั้น…..
ได้ช่วยทั้งสร้างและทั้งรักษาชาติบ้านเมือง ผ่านการบ่มเพาะรากเหง้าแห่ง “จิตวิญญานไทย” ผ่านดนตรี ให้ดำรงสืบต่อและแผ่ขยาย ผ่านนักศึกษา รุ่น-ต่อรุ่น

อย่าง “ภูมิ แก้วฟ้าเจริญ” คนนี้ เขาคือคนรุ่นใหม่ ที่กำลังเป็น “ต้นแบบ” รุ่นใหม่
“ใหม่” คือ “ใหม่ยึดรากไทย”
ไม่ใช่ “ใหม่ไร้ราก” เชิดชูชาติอื่นมาเหยียบชาติตัวเอง!

มหิดลวันนี้
“ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร” นายกสภามหาวิทยาลัย
“ศาสตราจารย์นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ” อธิการบดี

จากเพลง “น้ำตาแสงใต้” ที่นักศึกษาเลือดมหิดล “ภูมิ แก้วฟ้าเจริญ” ขับร้อง และดนตรีแห่งดุริยางคศิลป์ ครั้งนี้

มีเสียงสะท้อนทางสรรเสริญมหิดลจากสังคมอย่างไร ผมจะคัดลอกคอมเมนท์จากท้ายคลิปเพลง มาเป็นพรพรมใจชาวมหิดลทั้งมวล
………………………..
Chittapon Sopajan
เป็นความภาคภูมิใจของลูกพระราชบิดา ชาวมหิดลทุกคน ดุริยางคศิลป์ถิ่นนี้ ดนตรีประจักษ์…
………………………..
Banana Phone
สุดยอด​ลูก​ๆๆๆฟังแล้วน้ำตา​ไหล​เลยคะ ขอ​ขอบคุณ​อาจารย์​และนักศึกษา​คะ ทีมีสิ่งดีๆๆๆมาให้ชมคะ คณะ​วิทยาลัยรักชาติ​ คา​ส​นา​ พระ​มหา​กษัตริย์​ ดิฉัน​ชื่นชม ยินดี​กับอาจารย์​และลุกนักศึกษา​ทุก​ๆๆๆๆท่านคะ♥️♥️??????
…………………….
upawan Choos
ขอชื่นชม ทั้งทีมงานค่ะ ทั้งคณะอาจารย์ และนิสิตทุกท่าน ที่ได้บรรเลง ขับร้อง ประสานเสียง ทุกอย่างลงตัว สวยสดงดงาม ตรึงตา ตรึงใจ รู้สึกมีความสุข ขอขอบคุณทุกๆท่านมากค่ะ
………………..
Puttachard Suksa-ard
น้องภูมิครับ ฟังแล้วขนลุก ทั้งนักดนตรี และนักร้องทุกคน น่ารักมาก (โดยเฉพาะมือกีต้า) ขอขอบคุณ ม.มหิดล ที่นำคลิปมาเผยแพร่ให้ประชาชนที่ไม่มีโอกาสเข้าไปรับชม เป็นบุญยิ่งนัก
………………………
Good Good
Thai is a very elegant language and Thai traditional songs are very beautiful to me, even though I don’t understand Thai language.
ภาษาไทยเป็นภาษาที่สง่างามมาก และเพลงไทยโบราณก็ไพเราะมากสำหรับฉัน แม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจภาษาไทยก็ตาม
……………………
Jonathan Lee
งดงาม ไพเราะ เป็นการรับพระราชทานปริญญาบัตรที่สร้างสรรค์และโก้มากค่ะ
พลังคนรุ่นใหม่จริงๆ มันต้องสร้างสรรค์และแสดงฝีมือแบบนี้ เยี่ยมมาก?
…………………….
Gggg Gggg
ยอดเยี่ยมมากๆ ๆ ดูหลายรอบ มีความขลังอลังการ ความเป็นระเบียบ ความ สง่างาม อยากให้เป็นแบบอย่างของมหาลัยอื่นๆ
……………………….
sofee cat
เป็นความไพเราะที่สุด ไม่อยากเชื่อว่า น้องคือเด็กรุ่นใหม่ ที่ทำให้บทเพลงมีความซาบซึ้งได้ถึงเพียงนี้
โดยส่วนตัวคิดว่าการถ่ายทอดความรู้สึกของผู้ขับร้องทำให้เพลงกลายเป็นความรักและผูกพันต่อสถาบันและชีวิตที่อบอุ่นของบัณฑิตทุกท่าน ตลอดช่วงเวลาที่ศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างดียิ่ง
……………………..
Korn s
เป็นน้ำตาแสงไต้ยุค 5G อีก Version หนึ่งที่ไพเราะจับใจมาก ชอบมากๆ ร้องในหอประชุมดูขลังมาก เสียงน้องภูมิหนาใส ก้องกังวาล การออกเสียงอักขระถูกต้องชัดเจน
มีการแสดงท่าทางประกอบการร้องทำให้สื่ออารมณ์สะกดผู้ฟังให้ซาบซึ้งตรึงใจ ต้องกลับมาดูวนซ้ำๆ
ดนตรีผสมผสานยุโรปและไทย อำนวยเพลงโดย ดร.ธนพล เศตะพราหมณ์ ม.มหิดล
หลังจากเผยแพร่ เสียงตอบรับเพลงนี้ดีมาก อยากให้อาจารย์ทำอีกหลายๆเพลงเป็นอัลบัมเลย
ให้น้องภูมิร้อง และน้องๆนักดนตรีวงยิปซีแบนด์เล่น เป็นการอนุรักษ์เพลงไทย
ปล.น้องภูมิได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ1 รายการ The golden song ซีซั่น 4 ติดตามผลงานเพลงเพราะๆ ของน้องได้ในยูทูป search ภูมิ แก้วฟ้าเจริญ
Korn s
เนื้อเพลง น้ำตาแสงไต้
ขับร้องโดย :ภูมิ แก้วฟ้าเจริญ ผู้อำนวยดนตรี :ดร.ธนพล เศตะพราหมณ์
นวลเจ้าพี่เอย คำน้อง เอยล้ำคร่ำครวญ
ถ้อยคำเหมือนจะชวน ใจพี่หวน ครวญคร่ำอาลัย
น้ำตาอาบแก้ม เพียงแซมด้วยเพชรไสว
แวววับจับหัวใจ เคล้าแสงไต้ งามจับตา
นวล แสงเพชร เกล็ดแก้ว อันล้ำค่า
คลาเมื่อแสงไฟส่องมา แวววาวชวนชื่นชม
น้ำตาแสงไต้ ดื่มใจพี่ร้าวระบม
ไม่อยากพรากขวัญภิรม จำใจข่ม ใจไปจากนวล
นวล แสงเพชร เกล็ดแก้ว อันล้ำค่า
คลาเมื่อแสงไฟส่องมา แวววาวชวนชื่นชม
น้ำตาแสงไต้ ดื่มใจพี่ร้าวระบม
ไม่อยากพรากขวัญภิรม จำใจข่ม ใจไปจากนวล
ไม่อยากพรากขวัญภิรมย์ จำใจข่ม ใจไปจากนวล.
………………………..
ฉันทวัฒน์ วนเมธิน
เพลง “น้ำตาแสงไต้” เป็นเพลงประกอบละครเรื่อง “พันท้ายนรสิงห์” ที่จัดแสดงที่ศาลาเฉลิมไทย เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๗
โดยคณะศิวารมณ์ ประพันธ์ทำนองโดย ครูสง่า อารัมภีร โดยได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงเขมรไทรโยค และเพลงลาวครวญ
………………………
สถาบันดี นักศึกษาดี การแสดงออกที่ดี ต้องช่วยกันชื่นชม รักษา และเชิดชู
เราอย่าเป็นสังคม “ไม่ชมคนดี”
แต่คนอัปรีย์ “ทั้งเด่น-ทั้งดัง” มีคนจ่ายสตางค์แย่งตัวไปออกจอ จนเกิดทัศนคติใหม่ ถ้าไม่จัญไรแล้วไม่รวย

เปลว สีเงิน

๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

 

Written By
More from plew
“ก้าวไกล” ที่ไม่รู้ “ใครศัตรู” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน เมื่อวาน…… อ่านที่ “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” กับ “นายชัยธวัช ตุลาธน” ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ”  ในหัวข้อ...
Read More
0 replies on “มหาวิทยาลัยมหิดล – เปลว สีเงิน”