ล้อมจับ “หมูเถื่อน” หนุนกลไกตลาดยกระดับราคา “หมูไทย” 

ปราบดา มหากุศล นักวิจัยสินค้าเกษตร

เป็นเวลามากกว่า 1 ปี ที่เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูไทยต้องฝ่าฟันกับ “ห่วงโซ่ผลกระทบ” (Domino Effect) หลังรัฐบาลประกาศพบโรคระบาด ASF ในประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา

เริ่มจากผลผลผลิตหายไปจากระบบ 50% ราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จาก 65-70 บาทต่อกิโลกรัม เป็นสูงสุดที่ 110-120 บาทต่อกิโลกรัม ตามกลไกตลาดอุปสงค์-อุปทาน (Demand-Supply) รวมถึงเกษตรกรต้องมีภาระปัจจัยการป้องกันโรคระบาดเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาผลผลิตหมูที่มีค่าไว้ไม่ให้ติดโรคระบาด นั่นหมายถึงหลักประกันความปลอดภัยทางอาหารสำหรับคนไทยทุกคน

ในเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน สงครามรัสเซีย-ยูเครน ปะทุขึ้นและลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ธัญพืชและวัตถุดิบอาหารสัตว์โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวสาลี เรพซีด ปรับราคาขึ้น 30% สูงเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ซ้ำเติมห่วงโซ่ปศุสัตว์ ต้องมีแบกภาระต้นทุนสูงมาต่อเนื่องเช่นเดียวกัน เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ราคเฉลี่ย 9-10 บาทต่อกิโลกรัม ปรับขึ้นไปทำสถิติสูงสุดที่ 13.50 บาทต่อกิโลกรัม แม้ขณะนี้ราคาจะปรับลงบ้างแต่ยังคงยืนในระดับสูงเฉลี่ย 12.30-12.50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งภาครัฐควรพิจารณาทบทวนอุปสรรคในการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้เกิดความเป็นธรรมกับภาคปศุสัตว์ด้วย

ผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุด คือ “หมูเถื่อน” ที่มีการลักลอบนำเข้ามาแรมปีแต่ก็ยังไม่สามารถสกัดกั้นและปราบปรามให้หมดสิ้นได้ เนื้อสัตว์ผิดกฎหมายเข้ามาค้าขายกันอย่างเสรีในไทยช่วง 1 ปี ทีผ่านมา เหตุใดหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจึงปล่อยหมูเถื่อนเข้ามาทำลายอาชีพเกษตรกรไทย ทำให้ราคาตลาดบิดเบือนกดราคาหมูไทยให้ตกต่ำ ทั้งที่ราคาควรเป็นไปตามกลไกตลาดและต้นทุนการผลิต เพราะหมูจากประเทศต้นทาง เช่น บราซิล เม็กซิโก สเปน เนเธอร์แลนด์ (แหล่งกำเนิดสินค้าจากหมูที่ถูกจับกุมได้) โดยเปรียบเทียบราคาหน้าฟาร์มจากประเทศดังกล่าวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 40-60 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่หมูไทยราคา 100 บาทต่อกิโลกรัม ที่สำคัญเมื่อรวมค่าใช้จ่ายในการข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงเมืองไทยแล้วยังขายได้ในราคาต่ำมากเฉลี่ย 135-140 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่หมูไทยตามต้นทุนขายที่ 200 บาท

“หมูเถื่อน” มากกว่า 5 ล้านกิโลกรัม ถูกจับกุมได้ในช่วงเวลา 1 ปี 5 เดือน ( มกราคม 2565 – พฤษภาคม 2566) โดยเฉพาะล็อตใหญ่ที่สุด 4.5 ล้านกิโลกรัม ที่เพิ่งจับได้คาท่าเรือแหลมฉบังเมื่อปลายเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ในตู้สินค้าตกค้าง 161 ตู้ สะท้อนให้เห็นว่าการปราบปรามของหน่วยงานภาครัฐยังไม่รัดกุมพอที่จะสกัดการนำเข้าจากต้นทางคือ “ท่าเรือ” ได้ ช่องว่างเหล่านี้ไม่เพียงเปิดช่องทางให้หมูเถื่อนเดินเท้าเข้ามาบ่อนทำลาย “หมูไทย” แต่ยังสะท้อนถึงความไม่โปรงใสในระบบตรวจสอบและการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่สังคมตั้งคำถามและจับตาว่ามีการเชื่อมโยงไปถึงการ “รับส่วย” จากขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายหรือไม่ และการเล็ดลอดการตรวจสอบด้วยการสำแดงเท็จ ตอกย้ำจุดบกพร่องของระบบตรวจสอบภาครัฐไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของขบวนการโกงชาติ

ถึงวันนี้ แม้ว่าสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ จะรับรู้ว่าหมูเถื่อนมีปริมาณลดลง แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าหมูเถื่อนหมดไปจากตลาด เพราะราคาหมูหน้าฟาร์มยังไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ขณะที่ผลผลิตหมูไทยเริ่มทยอยออกมาและความต้องการเพิ่มสูงขึ้นแต่ราคาในตลาดกลับสวนทางลดลงจนทำให้เกษตรกรขาดทุนสะสมต่อเนื่องมา 5 เดือนแล้ว จากราคาหมูหน้าฟาร์มเฉลี่ยเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ที่ 100 บาทต่อกิโลกรัม ทยอยลดลงเรื่อยตั้งแต่ต้นปี 2566 จนต่ำสุดเหลือ 70 บาทต่อกิโลกรัม ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน เพิ่งจะมีการปรับเพิ่มราคาช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 76-81 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนเดือนมิถุนายน สมาคมฯคาดการณ์ไว้ที่ 90.57 บาทต่อกิโลกรัม

เห็นได้ชัดว่า “หมูเถื่อน” คือ ภัยร้ายของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู และเป็นภัยร้ายต่อเศรษฐกิจของประเทศ ภาครัฐจึงต้องปฏิบัติการ “ล้อมจับ” อย่างเคร่งครัดและรัดกุม จากการบีบให้ออกจากที่ซ่อน เป็นการจับให้มั่น คั้นเอาความจริงให้ถึง “ต้นตอหัวหน้าขบวนการ” เพื่อนำตัวมาดำเนินการตามกฎหมายรับโทษขั้นสุงสุด รวมถึงเครือข่ายทั้งหมดและเจ้าหน้าที่ “นอกรีต” จนถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินไปสู่การยึดทรัพย์ให้หมดทางทำกินแบบทุจริต คืนความเป็นธรรมทางการค้าให้กลับเข้าสู่กลไกตลาด และอาหารปลอดภัยให้กับผู้บริโภค

Written By
More from pp
เชื้อโรคก็ต้องป้องกัน ผิวหนังก็ต้องดูแล หมดปัญหามือแห้งเสียพร้อมยับยั้งเชื้อในยุค New Normal ด้วย HARNN Hand Sanitizing และ Angel Hand Collection Purifying Temptation
หมดยุคที่จะพกแต่เมคอัพไว้ในกระเป๋า และเพิ่มไอเทมทำความสะอาดมือและสิ่งของรอบตัว เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ในยุค New Normal ที่ต้องปกป้องรอบด้าน “HARNN” (หาญ) แบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลก ผู้บุกเบิกบอดี้แคร์ สกินแคร์ ผลิตภัณฑ์สปาและอโรมาเธอราพีแบบออร์แกนิครายแรกของไทย
Read More
0 replies on “ล้อมจับ “หมูเถื่อน” หนุนกลไกตลาดยกระดับราคา “หมูไทย” ”