เอ็ม พิคเจอร์ฯยุค “ขันเงิน” – สันต์ สะตอแมน

สันต์ สะตอแมน

พ.ร.บ.ซ้อมทรมาน-อุ้มหาย..

รัฐบาล-ครม.ขวาง-ไม่ขวาง, ผิด-ไม่ผิดไม่รู้ ตามดูกันไป แต่ที่รู้ก็เห็นจะเป็นความรู้สึกในใจของตำรวจ (ท่านนี้) ซึ่งเป็นใครไม่ทราบ..อ่านสำบัด-สำนวนดูก็แล้วกัน

ลุงจ่าแดง ตำรวจน้อย คอยเกษียณ ทุกวันเพียร ทำหน้าที่ อารักขา บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ทุกเวลา หวังเพียงว่า ชาวประชา จงพ้นภัย

ลูกสาวหาย ควายถูกลัก บอกลุงจ่า ไม่ชักช้า เร่งติดตาม ความมุ่งหมาย

อยู่ภูธร ทำหน้าที่ ออกคุ้มภัย ด้วยดวงใจ ผู้พิทักษ์ รักษ์ประชา

มาวันหนึ่ง กฎหมายบอก ก่อนออกจับ ต้องขานรับ มาตรการ กันอุ้มหาย บันทึกภาพ บันทึกเสียง ไว้เรียงราย ต้องส่งไฟล์ แจ้งอัยการ งานปกครอง

จ่าแดงครวญ โทรศัพท์ ยังโดนตัด เงินเบี้ยหวัด จ่ายสหกรณ์ ผ่อนไม่ไหว เอาที่ไหน มาบันทึก นึกเสียใจ ผู้กำกับไซร้ บอกไม่รู้ กูประชุม

จ่าจับโจร ไม่บันทึก นึกสุจริต กลับคิดผิด โจรใจเหิม รู้กฎหมาย กล่าวหาจ่า ว่าทุจริต ผิดเจียนตาย ละเมิดสิทธิ ของผู้ร้าย ใครรับกรรม

มีกฎหมาย ให้สิทธิ์ ผู้ถูกจับ นายขานรับ เร่งดำเนิน เหินเวหา คนทำงาน ไร้เครื่องมือ ไร้ปัญญา ผลตามมา ผู้ต้องหา ชื่อจ่าแดง

ท้ายกลอน..เป็นกำลังใจให้ทุกท่าน จากอดีตตำรวจ ข้าราชการบำนาญ ซึ่งอ่านแล้วก็น่าเห็นใจ ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่ ถ้ามีกฎหมายให้ท้าย เอ๊ยให้สิทธิ์ผู้ถูกจับ..

ตำรวจคงนึกในใจ..กูนอน (กอดเมีย) อยู่บ้านดีกว่า?

เอ้า..แต่รายนี้นอนกอดเมียเฉยๆคงจะเซ็ง คุณขันเงิน เนื้อนวล หรือ “ขันเงิน วงไทยเทเนียม” อดีตนักร้องดังเลยทุบกระปุกเอาเงิน 650 ล้าน ซื้อกิจการบริษัทเอ็ม พิคเจอร์สฯ ให้เป็นที่ฮือฮาซะงั้น!

โดย “คุณฐิตาภัสร์ อิสราพรพัฒน์” เลขานุการ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป หรือ MAJOR รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯว่า

มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการเข้าทำบันทึกข้อตกลงการซื้อขายหุ้นในสัญญาซื้อขายหุ้นที่บริษัทถืออยู่ในบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (MPIC)

จำนวน 1,202.13 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 92.46% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดให้กับนายขันเงิน เนื้อนวล หรือขันเงิน-วงไทยเทเนี่ยม ในราคาหุ้นละ 0.54 บาท

รวมมูลค่าการซื้อขาย 650 ล้านบาท โดยจะเป็นการซื้อขายด้วยวิธีการโอนหุ้นแบบมีใบหุ้น

ปัจจุบัน MPIC เป็นธุรกิจลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านภาพยนตร์ โดยผ่านทางบริษัทย่อยต่าง ๆ เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับการจัดซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ

และธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เพื่อจัดจำหน่ายผ่านโรงภาพยนตร์ พร้อมทั้งการขายลิขสิทธิ์ให้สื่อทางทีวีในรูปแบบของ cable TV, Free TV, Internet, IPTV, VIDEO on demand เป็นต้น

ทั้งนี้ คุณขันเงิน ได้เผยว่า.. ก่อนหน้านี้ ตนในฐานะผู้ซื้อได้ให้ นายชินวัฒน์ อัศวโภคี ซึ่งเป็นที่ปรึกษา เข้าเจรจาและทำ MOU จะซื้อขายหุ้น MPIC ให้กับตน

ซึ่งช่วงนั้นมีผู้สนใจหลายราย จึงจำเป็นต้องหาคนเป็นตัวแทนจับจองซื้อให้เอาไว้ก่อน เพื่อให้เกิดสัญญา เมื่อเกิดความชัดเจนในการซื้อขายหุ้น

ตนในฐานะผู้ซื้อที่แท้จริงจึงเข้าทำสัญญาซื้อขายในนามตนเอง และ การตัดสินใจเข้าสนใจซื้อหุ้น MPIC เนื่องจาก ธุรกิจของ MPIC สอดคล้องกับธุรกิจบันเทิงที่ทำอยู่ และ ธุรกิจอื่นๆ ในอนาคต

สำหรับธุรกิจเดิมของ MPIC ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทยจะยังดำเนินการตามปกติ โดยที่ MAJOR ยังคงเป็นพันธมิตรเช่นเดิม

และจะเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบันเทิงให้ครอบคลุมมากขึ้น เช่น การจัดงาน การจัด Event ไม่ว่าจะเป็นงานเพลง หรือ Concert ต่าง ๆ ทั้งศิลปินไทยและศิลปินต่างชาติ

เพื่อให้ MPIC เป็นบริษัทบันเทิงที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมในหลากหลายมิติ”

นี่..ก็คอยดูว่า ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเอ็ม พิคเจอร์สฯ ในยุคคุณขันเงินเป็นเจ้าของผู้กำกับฯ จะเป็นใคร และจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน?..

ขอเป็นกำลังใจให้ผู้อำนวยการสร้างหน้าใหม่ครับ!

Written By
More from pp
จุรินทร์ เปิด ”ศูนย์บริการส่งออกผลไม้ แบบเบ็ดเสร็จ”ครั้งแรก เตรียมใช้เป็น ”ชุมพร โมเดล” กระจายไปอีกหลายจังหวัด
วันที่ 14 สิงหาคม 2563 เวลา 10.35 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์...
Read More
0 replies on “เอ็ม พิคเจอร์ฯยุค “ขันเงิน” – สันต์ สะตอแมน”