ช่วงดึกวานนี้ (10 พฤษภาคม 2566) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย เบอร์ 32 พร้อมด้วย สุพันธุ์ มงคลสุธี แคนดิเดตนายกฯ พรรคไทยสร้างไทย เบสท์ ทวีชัย วงศ์ไพโรจน์กุล’ รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย และคณะทำงานด้านความเท่าเทียมทางเพศและเสมอภาคทางสังคม ดร. สุวดี พันธุ์พานิช ผู้สมัคร เขต 1 เบอร์ 7 ‘ป๋อม’ นรุตม์ชัย บุนนาค ผู้สมัคร เขต 3 เบอร์ 11 และกลุ่มสาวงามข้ามเพศ เดินสำรวจสภาพเศรษฐกิจย่านสีลมในยามราตรี ร้านเดอะ สเตรนเจอร์ บาร์ (The Stranger Bar) และอีกหลายร้านย่านสีลมซอย 2 ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น จากกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQ+
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่าวันนี้มีโอกาสมาขอคะแนนจากพี่น้องกลุ่ม LGBTQ ในยามค่ำคืน และถือโอกาสแจก “ยาไล่ลุง” ซึ่งเป็นนโยบายและจุดยืนของพรรค ที่ระบุอย่างชัดเจนว่า หากพี่น้องประชาชนไม่เอาลุง ไม่เอาความขัดแย้ง ไม่เอาความวุ่นวาย การเมือง 2 ขั้ว ที่จะนำไปสู่การรัฐประหาร เหมือน 17 ปีที่ผ่านมา ให้เลือกพรรคไทยสร้างไทย
เราจะยุติการเมือง 2 ขั้วที่ทำให้ประชาชนทุกยากแสนสาหัส ความขัดแย้งที่นำมาสู่การรัฐประหารถึง 2 ครั้ง ได้สร้างความถดถอยให้กับประเทศ หากใครเห็นว่า ถึงเวลาที่ต้องไล่ลุงออกจากการเมือง ให้เลือกพรรคไทยสร้างไทย พรรค “ส” หมายเลข 32 เพื่อเข้าไปสร้างโอกาส สร้างเศรษฐกิจและนำชัยชนะมาสู่ประชาชน
พรรคไทยสร้างไทย มีนโยบายในการผลักดัน กฎหมายเพื่อความเท่าเทียม 3 ฉบับ ประกอบด้วย พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม พ.ร.บ.ขจัดการเลือกปฏิบัติ พ.ร.บ.รับรองอัตลักษณ์ทางเพศ ซึ่งหากพรรคไทยสร้างไทยได้เป็นรัฐบาล ขอประกาศให้คำมั่นว่าจะผลักดันกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ ให้ แล้วเสร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
สุพันธุ์ มงคลสุธี กล่าวว่าเศรษฐกิจย่านสีลม ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ในยามค่ำคืนของกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยพร้อมจะผลักดัน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร เปิดโอกาสให้คนที่มีความรักต่อกัน ได้ใช้ชีวิตร่วมกันโดยไม่ถูกแบ่งแยกด้วยเพศและมีกฎหมายรองรับ มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบ
และหากเปิดโอกาสให้คู่รักต่างชาติจดทะเบียนสมรสที่ไทยได้ ก็จะทำให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้งจากต่างชาติที่เข้ามาจัดงานแต่งงาน มาซื้ออสังหาริมทรัพย์ มาท่องเที่ยวฮันนีมูนได้อีกมหาศาล
“ไทยจะสามารถสร้างรายได้มหาศาลจากการเปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มเพศหลากหลาย หากเราสามารถสร้างให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายด้านการท่องเที่ยวและเป็นมิตรกับเพศหลากหลาย”
ด้าน เบสท์ ทวีชัย กล่าวว่า สีสันของแดร็กควีนในค่ำคืนนี้ ไม่ต่างจากภาพของเศรษฐกิจไทยก่อนโควิด ที่ไร้การช่วยเหลือสนับสนุนจากภาครัฐ จนหลายคนต้องผันตัวไปทำอาชีพอื่น สิ่งเหล่านี้เป็น “ความสูญเสียที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น” เพราะแดร็กควีนไม่ใช่แค่อาชีพ ไม่ใช่แค่ตัวเงิน แต่ยังเป็นตัวตน เป็นศิลปะที่แต่ละบุคคลใช้แสดงออกความเป็นตัวเอง แต่ก็มาพังเพราะรัฐ ที่ขาดการดูแล และสนับสนุนอย่างจริงจัง แม้ อาชีพของคนกลุ่มนี้จะสามารถ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้หลายพันล้านบาทต่อปีก็ตาม