บริเวณใต้สะพานพระราม 8 เมื่อค่ำวันที่ 19 เมษายน 2566 พรรคก้าวไกลจัดเวทีปราศรัยฝั่งธนบุรี นำโดย พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรีทั้ง 10 คน ท่ามกลางบรรยากาศที่มีประชาชนมารอฟังอย่างคึกคัก
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 27 (เขตบางบอน เฉพาะแขวงบางบอนใต้และแขวงคลองบางบอน เขตบางขุนเทียน ยกเว้นแขวงท่าข้าม) กล่าวว่า การเลือกตั้ง 14 พฤษภาคมนี้ มีความหมายและสำคัญต่อพี่น้องประชาชนทั้งประเทศอย่างยิ่ง เพราะการเลือกตั้งเดินเข้าคูหาเป็นการลงทุนที่น้อยที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุด ที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตของตัวเอง กาให้คนที่มั่นใจว่าจะเป็นปากเป็นเสียงให้ท่านได้
ณัฐชา ยังกล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 ว่าจากการพบปะประชาชน ได้รับเสียงสะท้อนว่าต่อให้มีเงินเรือนหมื่นเรือนแสนเพื่อซื้อเครื่องฟอกอากาศ แต่ปัญหานี้เกิดในทุกที่ ประชาชนไม่อาจกลั้นหายใจเมื่อออกนอกบ้านได้ หากรัฐบาลยังไม่เหลียวแลแก้ไข ประชาชนจะอายุสั้นลง ทั้งนี้ ขอตั้งคำถามต่อนายทุนบางแห่งที่รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรที่มีที่มาจากการเผาในประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม่สนใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะเข้าไปจัดการต้นตอปัญหาฝุ่นเหล่านี้แน่นอน เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาค่าไฟแพง ที่รัฐบาลปัจจุบันมีนโยบายเอื้อทุนพลังงาน ให้ประชาชนต้องมารับภาระ หากประชาชนเลือกพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล รับรองว่าค่าไฟจะไม่เหมือนเดิม เราจะเปลี่ยนนโยบายก๊าซธรรมชาติ จากเอื้อนายทุนเป็นเอื้อประชาชน เพื่อให้ค่าไฟประชาชนลดได้ทันที 70 สตางค์ต่อหน่วยภายใน 1 ปีแรก
ด้านพิจารณ์ กล่าวถึงโพสต์เฟซบุ๊กของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ระบุว่าการที่พรรคการเมืองบอกว่าจะจับมือกับใครหรือไม่จับมือกับใครก่อนการเลือกตั้งนั้น จะไม่เกิดขึ้นจริง เพราะการจัดตั้งรัฐบาลซับซ้อนกว่านั้น เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่ามีคนอยากเป็นนายกฯ จนตัวสั่น ทำตัวเป็นผู้จัดการตั้งรัฐบาล แต่ตนต้องบอกว่าคนที่จะกำหนดโฉมหน้าและอนาคตของรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง คือพรรคก้าวไกล จำนวน ส.ส. ของพรรคก้าวไกลจะเป็นตัวชี้ขาดว่ารัฐบาลจะเป็นแบบใด
รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่า ตลอดเวลา 4 ปีในฐานะวิปฝ่ายค้าน ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับ ส.ส. ด้วยกัน บางคนเป็นอดีตรัฐมนตรี ตนเคยเล่าว่าอยากเข้าไปปฏิรูปกองทัพ เอาทหารออกจากการเมือง อยากกระจายอำนาจให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ไปจนถึงการทลายทุนผูกขาด ทำให้อดีตรัฐมนตรีพูดกับตนในเชิงว่า อยากให้ตนเป็นรัฐมนตรี จะได้รู้ว่าที่พูดมานั้นทำไม่ได้ ตนคิดในใจว่าก็เพราะมีนักการเมืองแบบนี้อยู่ พวกตนเลยต้องมาตั้งพรรคอนาคตใหม่ เราเชื่อว่าเรื่องเหล่านี้ทำได้ แต่ต้องการเจตจำนงอันแรงกล้าของพรรคการเมืองในการเข้าไปเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ ต้องย้ำว่านโยบายสวัสดิการของพรรคก้าวไกล ไม่ใช่การแข่งกันแจกเงิน แต่คือการทำให้ประชาชนทุกคนทุกช่วงวัยมีคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานที่ดี รัฐสวัสดิการเป็นหลักคิดของพรรคก้าวไกลที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีตพรรคอนาคตใหม่ เป็นการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข และยืนยันว่าทุกนโยบายที่หาเสียงไว้ ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนประเทศและสร้างสังคมที่ดีให้ลูกหลานของเรา รวมถึงคนทุกรุ่น
รังสิมันต์ ขึ้นเวทีปราศรัยเป็นคนสุดท้าย กล่าวว่า ประเทศไทยวันนี้ต้องเผชิญกับวิกฤตที่รัฐบาลไม่ต้องการจะแก้ไข สิ่งที่พรรคก้าวไกลอยากเข้าไปทำให้สำเร็จ ทั้ง 312 นโยบายที่เราออกแบบมา มีจุดประสงค์เดียวคือทำให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นนโยบายสวัสดิการถ้วนหน้า เรียนฟรีจริง ปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร สุราก้าวหน้า ทลายทุนผูกขาด เราอยากให้คนรุ่นใหม่ของเราสามารถเดินตามความฝัน ไม่ต้องย้ายไปประเทศอื่น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพรรคก้าวไกลจึงยืนยันว่าจำเป็นต้องปิดสวิตช์ 3ป และไม่สามารถจับมือกับพรรคการเมืองอย่างพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติได้ เพื่อให้เราสามารถผลักดันนโยบายที่ก้าวหน้า กล้าชนทุกต้นตอปัญหาของประเทศ
สำหรับรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี ของพรรคก้าวไกลทั้ง 10 คน ประกอบด้วย
1.เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร เขต 24 (คลองสาน ธนบุรี ราษฎร์บูรณะ) เบอร์ 9
2.แอนศิริ วลัยกนก เขต 25 (ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ) เบอร์ 9
3.ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ เขต 26 (จอมทอง บางขุนเทียน) เบอร์ 11
4.ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ เขต 27 (บางขุนเทียน บางบอน) เบอร์ 1
5.รักชนก ศรีนอก เขต 28 (จอมทอง บางบอน หนองแขม) เบอร์ 4
6.ทิสรัตน์ เลาหพล เขต 29 (หนองแขม บางแค) เบอร์ 8
7.ธัญธร ธนินวัฒนาธร เขต 30 (บางแค ภาษีเจริญ) เบอร์ 4
8.สิริน สงวนสิน เขต 31 (ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน) เบอร์ 13
9.ปวิตรา จิตตกิจ เขต 32 (บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี) เบอร์ 9
10.พงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ เขต 33 (บางกอกน้อย บางพลัด) เบอร์ 6