ลงพื้นที่ เช้าถึงมืด แทบทุกวัน สำหรับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” วางเป้า เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ขอ ส.ส.ทะลุร้อยเสียง สานฝันเป็นถึงนายกฯคนที่ 30 ดังนั้น อย่าแปลกใจ หากทุกหน้าสื่อ จะต้องมีชื่อ “อนุทิน” ที่ทำงานการเมืองแบบไม่มีหยุดพักหายใจ
อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องการเมืองแล้ว คนชื่อ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังมีอีกหนึ่งบทบาทชีวิต น่ายกย่อง เพราะนี่คือ เช้าของฉายาสารถีชีวิต จากภารกิจขับเครื่องบินพาทีมแพทย์ไปผ่าตัดนำอวัยวะจาก “ร่างหนึ่ง” ไปต่อลมหายใจให้อีก “ชีวิตหนึ่ง” เป็นภารกิจที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เพราะต้องแข่งกับเวลา และต้องแบกรับความคาดหวังของจากทีมแพทย์ ผู้เสียชีวิต และญาติ ที่ต้องการต่อบุญสุดท้าย ไปจนถึงผู้ป่วย และญาติ ที่ต้องการได้รับการรักษา ได้ชีวิต ฟื้นคืนชีวิต
ในงานการเมือง “อนุทิน” ถือว่าเป็นคนเอาจริงเอาจัง มีคำมักจะพูดเสมอว่า “ต้องทำให้ได้” ไว้ตอกย้ำกับตัวเอง ไปจนถึงทีมงาน ว่าห้ามยอมแพ้
กับงานไม่การเมืองก็เช่นกัน “อนุทิน” ปวารณาตนไปแล้วว่า เมื่อมีการขอความช่วยเหลือให้ขึ้นบิน ในภารกิจหัวใจติดปีก เขาจะต้องทำภารกิจให้ได้ในทุกครั้ง
ปัจจุบันนี้ ขึ้นบินไปมากกว่า 45 ไฟลท์บิน นับตั้งแต่เริ่มภารกิจเมื่อปี 2557 ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งปี 2562 แม้กระทั่ง ตอนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ภารกิจนี้ ก็ไม่ได้หายไปไหน นับเป็นคูณูปการในวงการสาธารณสุข โดยวันที่ 26 มีนาคม 2559 สภากาชาดไทย ได้จัดมอบโล่อันทรงเกียรติแทนคำขอบคุณ
ปฐมบทของภารกิจ เหนือการเมือง เริ่มต้นในปี 2557 ในปีนั้น “อนุทิน” นับว่ามีความคล่องแคล่วในการขับเครื่องบิน พอสมควรแล้ว 16 ธันวาคม ปีนั้นเอง ช่วงค่ำ ท่ามกลางความเงียบสงบ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นข้างกาย “อนุทิน” มือนั้น ขยับดูหน้าจอ ปรากฏชื่อคนคุ้นเคย ที่ไม่เคยรบกวนเรื่องใดเลย ในชีวิต นพ.พัชร อ่องจริต อาจารย์ศัลยแพทย์ หัวหน้าสาขาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ซึ่งเป็นเพื่อเก่าสมัยเรียนชั้นมัธยม
“หมอพัชร” โทรมาขอให้ “อนุทิน” ขับเครื่องบินไปจังหวัดอุดรธานี เพื่อนำ “หัวใจ” จากผู้เสียชีวิตรายหนึ่ง มาต่อชีวิตผู้ป่วยรายอื่น
“ช่วยบินให้หน่อยได้ไหมครับ มีความจำเป็นมาก หาการสนับสนุนจากสายการบินไหนไม่ได้เลย ไม่มีไฟลท์ หน่วยงานราชการก็ไม่สะดวก มีเคสต้องไปรับหัวใจจากจังหวัดอุดรธานี มากรุงเทพฯ คืนนี้ตอน 5 ทุ่มกว่าๆ พอจะสะดวกไปไหม?” คุณหมอชี้แจง แกมขอร้อง
ซึ่ง “อนุทิน” ตอบทันทีว่า “ได้เลยครับ”
ระหว่างบิน “อนุทิน” คุยกับหมอ และได้ข้อมูลทางการแพทย์ ว่า แม้จะมีผู้บริจาคอวัยวะ แต่หากไม่สามารถนำ “หัวใจ” ไปไว้ในร่างอีกคนภายใน 4 ชั่วโมง นับจากผ่าตัดออกมา ก็ถือว่าล้มเหลว เพราะอวัยวะใช้การไม่ได้แล้ว นี่คือปัญหาของทีมแพทย์ เพราะบางทีต้องปฏิบัติภารกิจตอนดึก ซึ่งการเดินทางลำบากมาก
“นับจากนี้ คุณหมอโทรหาผมได้เลย” เป็นคำตอบของ “อนุทิน” หลังทราบเรื่องราวทั้งหมด นี่คือการนับหนึ่งของภารกิจของเขา ที่มีชีวิต เป็นเดิมพัน งานเหนือการเมืองวันนั้น ผ่านไปด้วยดี
จากวันนั้น หมอพัชร ยังให้ “อนุทิน” เป็นพลขับเที่ยวบินแห่งความหวังนี้ต่อไป ครั้งหนึ่งที่หมอพัชรประทับใจมากเกินขึ้นเมื่อปี 2561 มีเคสด่วนเข้ามาถึงมือหมอ และก็เป็นเหมือนหลายครั้ง ที่หาเครื่องบินยากเหลือเกิน แถมคราวนี้ เพื่อนรักอย่างอนุทิน ก็ติดภารกิจสำคัญ
หมอพัชร เตรียมจะตัดใจจากเคสนั้นแล้ว ทว่า ความหวังทุกอย่างกลับเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น และปลายสายเป็นเสียงของ “อนุทิน” ที่เคลียร์ภารกิจทั้งหมดจบแล้ว และให้คุณหมอไปรอที่สนามบินได้เลย ปลายสายบอกกับคุณหมอว่า “ผมไม่ทิ้งชีวิตคน”
ในภารกิจดังกล่าว เมื่อ “อนุทิน” นำทีมแพทย์ไปถึงโรงพยาบาลแล้ว เขาจะนั่งรออยู่ด้านนอกห้องผ่าตัด และรอฟังผลของการผ่าตัดอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งที่ผ่านมา ไม่เคยมีความผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว ทุกการเดินทาง ทีมแพทย์จะได้อวัยวะ ที่เตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานกลับมาด้วย
ภาพแรกที่คุณหมออกมาจากห้องผ่าตัด พร้อมด้วยถุงอวัยวะ ที่จะทำให้อีกชีวิต หรืออาจจะหลายชีวิต ได้อยู่ต่อไป ล้วนทำให้ “อนุทิน” อิ่มเอิบใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไป จากที่เหนื่อยๆ ก็หายเหนื่อย
“ในความคิดตอนนั้น ผมกราบลงตรงหัวใจของผู้บริจาคท่านนั้น กราบในความดีงามของหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ที่ทำเพื่อผู้อื่นโดยไม่หวังอะไรตอบแทน รู้สึกยินดีที่เราได้มีส่วนร่วมและมีส่วนช่วยในการทำความดีของคนอื่น” นายอนุทิน เปิดเผยความในใจ
สำหรับตัวเขา แน่นอนว่ายินดีที่ได้มีส่วนร่วมกับภารกิจนี้ ที่ได้ขับเครื่องบินพาทีมแพทย์ ไปต่อบุญให้ผู้เสียชีวิต และต่อชีวิตให้คนเป็น
เขามักจะพูดเสมอว่า “ผมเป็นแค่คนขับ คนทำงานจริงๆ คือหมอ”
งานการเมืองสำหรับตัวเขา อาจจะมีพักบ้าง ลาบ้าง ปฏิเสธบ้าง แต่กับภารกิจหัวใจติดปีก ที่ต้องเป็นสารถีชีวิต เขาไม่เคยพัก ไม่เคยลา ไม่เคยปฏิเสธ นี่คืออีกหนึ่งมุมชีวิตของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ในภารกิจสำคัญ ที่อยู่เหนือการเมือง