คลิกฟังบทความ…?
เปลว สีเงิน
คุยซะหน่อย….เดี๋ยวจะไม่อินเทรนด์!
เรื่อง “แบงก์ล้ม” นั่นแหละ
ไม่ใช่ในไทย แต่เป็นที่สหรัฐฯ สัปดาห์ที่ผ่านมา เพียงสัปดาห์เดียว ทำสถิติ ธนาคารทั้งล้มเองและถูกสั่งให้ล้ม
“๓ ธนาคาร” รวด!
-Silicon Valley Bank ที่รับฝากเงินและการปล่อยกู้ลูกค้ากลุ่มกองทุน venture capital บริษัท fintech และบริษัท start-up
-Silvergate Capital และ
-Signature Bank ที่อยู่ในนิวยอร์ก
๒ แบงก์หลังนี้เครือข่ายกัน ปล่อยสินเชื่อกลุ่มอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี
นี่ถ้าเฟด (ธนาคารกลางสหรัฐ) ไม่ประกาศตั้งโครงการเงินกู้ “Bank Term Funding Program” เข้าอุ้มสถาบันการเงินต่างๆ แบบทันทีท่วงทีละก็
ต้องเป็น “โดมิโน” ระเน-ระนาด ตามกันไปอีกหลายแบงก์ทีเดียว!
ตอนนี้ ภาคประชาชนที่ฝากเงินไว้ น่าจะคลายตระหนกและหยุดแห่ไปถอนเงินกันแล้ว
เพราะ “กระทรวงการคลังสหรัฐฯ” กัดทั้งลิ้น-ทั้งฟันตัวเองแล้วอมเลือดประกาศ “ใครฝากไว้เท่าไหร่ รับประกันได้คืนครบทุกบาท-ทุกสตางค์”
สมน้ำหน้าใครดีล่ะ “กระทรวงคลัง” รัฐบาลสหรัฐฯ เจ้าของ
ส่วนเฟด-ธนาคารกลางสหรัฐฯ “ยิว-ไซออนิสต์” เจ้าของ
ก็คือกลุ่มทุนยุโรปตระกูล Warburg ประกอบด้วย ๘ ผู้ถือหุ้นใหญ่ผู้ทรงอิทธิพล ที่รู้จักกันในนาม “ขบวนการ CFR” เจ้าของแผน “รัฐบาลโลก” นั่นแหละ
“จอร์จ โซรอส” ก็อยู่ในขบวนการนี้!
“เฟด” ถือว่าข้าแน่…เป็นพ่อทุกสถาบัน รวมทั้งสหรัฐฯ
แล้วเป็นไง?
ด้วยนโยบาย “กูเป็นพ่อ” แก้เงินเฟ้อด้วยการขึ้นดอกเบี้ยพรวดๆ ชนิดตามใจกู ในภาวะที่เศรษฐกิจยุโรป-สหรัฐฯ ยังไม่ฟื้นไข้ดี
ก็ทำให้เกิด “ลัดวงจร” ทางการเงินกับธุรกิจอุตสาหกรรมการค้า-การลงทุน “ฉับพลัน” ในสหรัฐ-ยุโรป
ส่งผลให้มีการถอนเงินสดพร้อมๆ กันไปเสริมสภาพคล่องในธุรกิจต่างๆ จนแบงก์ขาดสภาพคล่อง ต้องประกาศเพิ่มทุน
ต้องนำพันธบัตรดอกเบี้ยราคาต่ำศูนย์ไปขายแบบ “ยอมขาดทุน” ในภาวะดอกเบี้ยพันธบัตรรุ่นใหม่สูง ๔-๕% เพื่อเอาเงินมาหมุนเวียน
คนเห็นอาการ ก็เลยกลัวแบงก์ล้ม
เมื่อกลัว ก็แห่กันไปเข้าคิวถอนเงิน จากที่ไม่ล้ม เมื่อถูกรุมถอน ก็เลยต้องล้มจริงๆ!
สหรัฐฯ ขณะนี้และต่อจากนี้ ต้องพูดว่า กำลังตกอยู่ในภาวะ “ทุกขะโต ทุกขะถานัง=ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”
คือ ทำกับ “ชาวโลก” เขาไว้มาก ถึงคราวต้องรับกรรมที่ย้อนสนอง ชนิดที่ไม่มีใครพุทโธ
เพราะหยิ่ง ยะโส หลงว่า ข้า “ชี้เป็น-ชี้ตาย” โลกได้ จึงไม่เคยจำบทเรียน จึงเจ็บซ้ำซาก
เมื่อปี ๒๕๕๑ ก็เจ็บหนักด้วยวิกฤต “แฮมเบอร์เกอร์” จากสินเชื่อซับไพรม์ “ฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์แตก” กลายเป็นวิกฤตการเงิน ส่งผลกระทบทั้งโลก
แทนที่จะจำเป็นบทเรียน กลับไม่จำ และนี่ก็เกิดซ้ำอีก จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ?
มัน “ลามเร็ว-ล้มเร็ว” ก็น่าจะเรียก Crisis Hot Dog หรือ “วิกฤต ฮอตดอก” นะ!
สู้ไทยเราไม่ได้….
วิกฤติ “ต้มยำกุ้ง” ปี ๒๕๔๐ ที่ต้นตอมาจากจอร์จ โซรอส สมทบด้วยไอ้จอร์จ หน้าเหลี่ยม ของไทย ร่วมแก๊ง CFR นี่แหละ “ทุบค่าเงินบาท”
เจ็บนั้นจำ เป็นบทเรียนให้แบงก์ชาติ กระทรวงคลังของไทย ออกมาตรการทั้งป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ทั้งสร้างความแข็งแกร่งให้สถาบันเงินไทย
จนถึงวันนี้ เงินบาท สถาบันการเงินไทย เสถียรสถิต โลกยกนิ้วให้ว่าแข็งแกร่งยิ้งกว่า “ป้อมมาจิโนต์” ของฝรั่งเศสเป็นพันเท่า-หมื่นเท่า!
ต้อง “เตือนความจำ” พวกเราไว้หน่อย
ต้มยำกุ้ง ปี ๔๐ เกิดจากความจงใจสหรัฐฯ แก๊ง CFR ทำกับไทย และไทยบางคนฉวยโอกาส “ซ้ำเติม” หาความรวยขณะประเทศใกล้ล่มจม จนต้องจมสมอยากมัน
ไทยไปขอกู้สหรัฐฯ สลึงเดียวก็ไม่ช่วย นอกจากไม่ช่วยแล้ว ยังบีบให้ไทยต้องเอาประเทศไปจำนำ IMF ในเครือข่าย CFR
แล้วให้กลุ่มทุน CFR ในตระกูล Warburg นั่นแหละ เข้ามาเลือกและ “บีบซื้อ” หนี้ชั้นดี ในราคาถูกๆ ไปไล่ต้อนกับลูกหนี้ไทยในราคาเอากำไรอีกต่อ
ไทยเรา เป็นชาติไม่อาฆาตใคร แต่เจ็บแล้วจำ เพียงบอกให้รุ่นต่อๆ ไปจำไว้ ว่าสหรัฐ “มหามิตร” ที่เราเป็นเด็กดีให้เขามาตลอด เขาทำกับเราแบบไหน?
นอกจากไม่ช่วยแล้วยังขย้ำซ้ำเติม จวนเจียนเราต้องขายประเทศให้เขาในครั้งนั้น!
มาถึงวันนี้ มองกันอีกมุม การที่สหรัฐฯ “ทุกข์ซ้ำ-กรรมซัด-วิบัติเป็น” เกือบทุกแนวรบ ทั้งด้านเศรษฐกิจ, สังคม, การเมือง, การสงคราม ในยุค “โลกแตกขั้วใหม่”
ก็พอสรุปลงได้ว่า “ดาบนั้นกำลังคืนสนอง”!
แต่วิกฤต “ฮอต-ดอก” นี้ ต้องชมว่าทั้งเฟดทั้งกระทรวงคลังสหรัฐฯ เป็น “ลิงแก้แห”ไ ด้ดี
กับกลุ่มแบงก์ ตั้งโครงการเงินกู้ให้แล้ว ก็คง “หยุดล้ม”
กับประชาชนที่ฝากเงิน เมื่อคลังประกาศ “รับประกัน” ได้ครบทุกบาท-ทุกสตางค์ ก็คง “หยุดถอน”
มีคำถามตามมาว่า….
“แล้วเฟด-คลังสหรัฐฯ จะไปเอาเงินจากไหนมาอุ้มทั้งสถาบันการเงิน ทั้งเงินฝากประชาชน อย่างต่ำๆก็ในกรอบ ๒-๓ แสนล้านดอลลาร์?”
คำตอบก็คงไม่หนี….
“ก็เร่งขบวนการผลิต คือพิมพ์ “กระดาษเปล่า” เป็นดอลลาร์ชนิดหามรุ่ง-หามค่ำนั่นแหละ”
แล้วมีอะไร “หนุนหลัง” ดอลลาร์ที่ปั้มออกมามั้ย?
“ไม่มี”
อ้าว…งั้นก็ “ดอลลาร์กงเต๊ก” น่ะซี!?
ยังไม่เป็นวันนี้หรอก แต่อนาคต(อันใกล้)ไม่แน่
เพราะแนว “รุกราน” ทุกด้านของสหรัฐฯ ที่มียุโรปเป็นบริวาร นอกจากราคาคุยแล้ว
ทั้งด้าน “รัสเซีย-ยูเครน” ด้าน “อินโด-แปซิฟิก” ด้าน “ตะวันออก-เอเชีย” และด้านอาเซียน
มองไม่เห็นเลยว่า แนวรุกรานไหนของสหรัฐฯ จะได้เงยหัว!?
โลกโคจรสู่ยุค “ตะวันตก-ซัน เซต, ตะวันออก-ซัน ไรส์, แล้ว เมื่อศุกร์ที่ ๑๐ มีนา.๖๖ ไม่เห็นหรือ?
ที่ปักกิ่ง จีน “นั่งกลาง” เป็นเจ้าภาพ
“นายมุซาอิด บินมุฮัมมัด อันอัยบาน” รัฐมนตรีต่างประเทศ ซาอุดีอาระเบีย
“นายอะลี ซัมคานี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ อิหร่าน
ซาอุฯ, อิหร่าน มี “จีน” เป็นตัวกลาง ได้พูดคุยทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน หลังจากทั้ง ๒ ประเทศบาดหมางกันมายาวนาน
แล้วประเทศทั้ง ๒ “ซาอุฯ-อิหร่าน” ก็ตกลงรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตขึ้นมาใหม่
พร้อมจะส่งผู้แทนทางการทูตของทั้งสองฝ่ายไปประจำการในประเทศของกันและกัน ภายในไม่เกิน ๒ เดือน!
“จีน-รัสเซีย-อินเดีย-แอฟริกาใต้-บราซิล-ซาอุฯ-อิหร่าน” รวมกันเป็นหนึ่ง ผงาดขึ้นเป็นขั้วโลกใหม่
ในขณะที่พญาอินทรี “สหรัฐ” กำลังปีกหัก ซ้ำ “พันธมิตรยุโรป” ต่างตีจาก
ทั้งเงินสกุลดอลลาร์ เมื่อการซื้อ-ขายในตลาดโลก โดยเฉพาะกับน้ำมัน คำว่า “ปิโตรดอลลาร์” กำลังจะถูกลบไปจากสังคมโลก
นั่นยิ่งทำให้ดอลลาร์ที่เฟดพิมพ์เอาเองตามใจชอบ ยิ่งใกล้เป็น “ขยะกระดาษ” เข้าไปทุกที
ถึงไม่ใช่ใน ๑๐-๒๐ ปีนี้…..
แต่ภายในศตวรรษที่ ๒๐ นี้ ดอลลาร์ของประเทศที่หนี้สินล้นพ้นตัวอย่างสหรัฐฯ แถมใกล้ล้มละลายทางเศรษฐกิจ-สังคมและอำนาจลงไปทุกวัน
นอกจาก “นิวเคลียร์” ตายด้วยกันทั้งโลกแล้ว มองไม่เห็นรูไหนที่สหรัฐฯ จะสลัดหลุดพ้นจากมรดกบาป “ทุกรูปแบบ” ที่ตัวทำหมักหมมไว้?
อาจมีคำถามว่า วิกฤต “ฮอต ดอก” นี้ ไทยจะถูกผลประทบบ้างมั้ย?
ได้ยิน “แบงก์ชาติ” ที่ “เชื่อถือได้” ของไทยเราบอกว่า ถึงมีก็น้อยมาก มากระดับ “ไม่มีผลกระทบ” เลย
เพราะ “แบงก์พาณิชย์ไทย” ใน Fintech และ Startup ทั่วโลก มีไม่ถึง ๑% กับทั้ง ๓ แบงก์ที่ล้ม ก็ไม่มีแบงก์พาณิชย์ไทยรายไหนไปมีธุรกรรมโดยตรง
ก็เอาหละ น่าจะเคลียร์ครบจบประเด็น
แต่ถ้าสหรัฐฯปั้มดอลลาร์ทั้งวัน-ทั้งคืนแล้วยังไม่พอ จะขอกู้ IMF ไปเสริมบ้าง ก็คงไม่มีปัญหา
เพราะไทยเงินเหลือใช้ ….
พอมีให้ IMF กู้ไปอุ้มสหรัฐฯ ได้ซัก ๔-๔ พันล้านเหรียญหรอก!
เปลว สีเงิน
๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖