ครม.เห็นชอบเสนอ “ผ้าขาวม้า” ผ้าเอนกประสงค์ในวิถีชีวิตไทย ขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ต่อยูเนสโก ในเดือนมีนาคมนี้

ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบการเสนอผ้าขาวม้า : ผ้าอเนกประสงค์ในวิถีชีวิตไทย ให้เป็นรายการตัวแทนต่อยูเนสโก ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ซึ่งจะมีการยื่นเสนอต่อยูเนสโกภายในห้วงเดือนมีนาคม 2566
ผ้าขาวม้าที่ไทยจะนำเสนอยูเนสโกนั้นจัดเป็น “ผ้าอเนกประสงค์ในวิถีชีวิตไทย” ผ้าขาวม้าเป็นผ้าที่ใช้โดยทั่วไปและใช้ได้สารพัดประโยชน์ในสังคมเกษตรกรรมในชนบททางภาคเหนือและภาคอีสาน และก็ได้แพร่หลายไปยังภาคกลางและภาคใต้ตามการอพยพย้ายถิ่นฐานของผู้คนและกลุ่มชาติพันธุ์ ทำให้เกิดชุมชนทอผ้าขาวม้าเป็นจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศ สำหรับพื้นที่และขอบเขตอาณาบริเวณ คือ ทั่วประเทศ

แต่จังหวัดที่มีความโดดเด่นของการผลิตและการใช้ประโยชน์ของผ้าขาวม้าแยกตามภาค คือ ภาคเหนือ: เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์, ภาคอีสาน: นครพนม บึงกาฬ บุรีรัมย์ มหาสารคาม ศรีสะเกษ, หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี, ภาคกลาง: กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สุโขทัย และภาคใต้: สงขลา พัทลุง

สำหรับคุณสมบัติของผ้าขาวม้าที่ตรงตามหลักเกณฑ์การพิจารณาของ UNESCO ได้แก่

1.เป็นผ้าที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนไทยมาแต่อดีต ทั้งในการปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม และงานเทศกาล เช่น ใช้เป็นเครื่องแต่งกาย ผ้าปูโต๊ะ ใช้ในพิธีแต่งงาน พิธีศพ เป็นต้น

2.เป็นภูมิปัญญาความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติเนื่องจากสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและยั่งยืน โดยสามารถนำกลับมาใช้ใหม่และใช้หมุนเวียนซึ่งจะเปลี่ยนหน้าที่และประโยชน์ใช้สอยไปตามสภาพ และ

3.เป็นงานช่างฝีมือดั้งเดิมเนื่องจากเป็นผ้าทอพื้นฐานที่ใช้เทคนิคการทอที่ธรรมดาไม่ซับซ้อนจึงสามารถทอใช้กันเองได้ในครัวเรือนและชุมชน

มาตรการสงวนรักษาผ้าขาวม้าในฐานะมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ มี 4 แนวทางคือ

1.โรงเรียนในท้องถิ่นหลายแห่งในไทยได้มีการสอนทอผ้าเป็นรายวิชาหนึ่งในหมวดของงานหัตถ์ศิลป์ท้องถิ่น

2.วัดและศูนย์การศึกษานอกระบบโรงเรียนได้ส่งเสริมการทอและใช้ผ้าขาวม้า

3.มหาวิทยาลัย/วิทยาลัยในท้องถิ่นทำการวิจัยเกี่ยวกับผ้าขาวม้าและเผยแพร่สู่สื่อสาธารณะและประชาชน และ

4.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ริเริ่มให้เกิดวิสาหกิจชุมชนและได้รับการบรรจุให้เป็นสินค้าท้องถิ่นที่ต้องได้รับการปกป้องและส่งเสริม รวมถึงกระทรวงวัฒนธรรมได้สนับสนุนให้ผ้าขาวม้าเป็นสินค้าที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนไทย

รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสบความสำเร็จในการอนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้ไปที่ประจักษ์แก่นานาประเทศทั่วโลก โดยที่ผ่านมาสามารถนำมรดกวัฒนธรรมไทยขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติของยูเนสโก ได้แก่ โขน นวดไทย และโนรา ในปี 2561 2562 และ 2564 ตามลำดับ นอกจากนี้ยังได้มีการเสนอไปแล้วและอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อขึ้นทะเบียนของยูเนสโก คือ สงกรานต์ในไทยและต้มยากุ้ง

สำหรับการเสนอผ้าขาวม้าในครั้งนี้จัดได้ว่าเป็นวัฒนธรรมลำดับที่ 7 ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสำคัญนำเสนอให้ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติของยูเนสโก

Written By
More from pp
ทิพยประกันภัย ย้ำ 26 ส.ค. นี้ เดดไลน์ซื้อหุ้น TIP วันสุดท้ายเพื่อรักษาสิทธิแลกหุ้น TIPH  ก่อนดันเข้าเทรดต้น  ก.ย 64
บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP ได้แจ้งข่าวผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564  ว่าตามที่...
Read More
0 replies on “ครม.เห็นชอบเสนอ “ผ้าขาวม้า” ผ้าเอนกประสงค์ในวิถีชีวิตไทย ขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ต่อยูเนสโก ในเดือนมีนาคมนี้”