กรมการแพทย์เผยแพร่ข้อมูลวิชาการและผลการดำเนินงานกัญชาทางการแพทย์หน่วยงานสังกัด

นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากนโยบายกัญชาทางการแพทย์พื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วย กรมการแพทย์เป็นหน่วยงานหลักการศึกษา ค้นคว้า วิจัย ให้ได้ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่เชื่อถือได้ เพื่อให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนผู้ป่วยและครอบครัวมีความเชื่อมั่นในการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

สำหรับในปีงบประมาณ 2566 กรมการแพทย์ได้ดำเนินการวิจัยกัญชาทางการแพทย์ ได้แก่ การศึกษาประสิทธิผลและความปลอดภัยของสารสกัดกัญชาต่อเซลล์มะเร็งในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ และผู้ป่วยมะเร็งระยะท้าย ส่วนงานวิจัยที่อยู่ระหว่างดำเนินการได้แก่ การศึกษาวิจัยในกลุ่มโรคมะเร็ง/ผู้ป่วยแบบประคับประคอง กลุ่มโรคผิวหนัง กลุ่มโรคทางระบบประสาท และผลิตภัณฑ์จากกัญชา (อาหารเสริม/เครื่องสำอาง)

หน่วยงานในสังกัดกรมการแพทย์มีการนำสารสกัดกัญชามาศึกษาวิจัยทางการแพทย์ ดังนี้

การศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยโรคพาร์กินสันมีการใช้สารสกัดกัญชา CBD สูง ในการลดการเกร็ง ซึ่งสถาบันประสาทวิทยากำลังดำเนินการวิจัยอยู่ โดยเบื้องต้นมีผู้เข้าร่วมวิจัย 21 คน ใช้สารสกัดกัญชา CBD สูง เป็นเวลา 6 สัปดาห์ พบว่า คุณภาพชีวิตดีขึ้น

นอกจากนี้ ผลการวิจัยการรักษาโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง หรืออักเสบ (MS) ด้วย THC ต่อ CBD 1 ต่อ 1 ซึ่งตีพิมพ์วารสารวิชาการไปแล้วว่า มีประโยชน์ ช่วยลดอาการเจ็บ ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ทำให้กำลังเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพรบัญชี 1

สถาบันมะเร็งแห่งชาติมี 2 ส่วน คือ 1.การดูแลผู้ป่วยมะเร็งแบบประคับประคอง 2.การใช้รักษาตัวโรคมะเร็ง

โดยการดูแลผู้ป่วยมะเร็งแบบประคับประคอง มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วย ลดอาการไม่พึงประสงค์ระหว่างการรักษา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ไม่ได้มุ่งผลการรักษาต่อก้อนมะเร็งโดยตรง

ซึ่งสถาบันมะเร็งมีคลินิกกัญชาทางการแพทย์แบบบูรณาการ เป็นการดูแลร่วมกันระหว่างแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทยผู้ป่วยมะเร็งประคับประคองคุณภาพชีวิตดีขึ้น 58%

ส่วนการรักษาต่อโรคมะเร็ง อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ในหลอดทดลองกับสารสกัดกัญชาโดยพบว่ายับยั้งได้ดีในเซลล์มะเร็ง 3 ชนิด คือ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งท่อน้ำดี และมะเร็งเต้านม

จึงมีการนำมาศึกษาต่อโดยปลูกถ่ายในหนูทดลองและทำการทดลองตามมาตรฐาน ทั้งกลุ่มยาหลอก เทียบกับยาเคมีบำบัดในปัจจุบัน และเทียบกับกัญชาในขนาดต่ำ ขนาดกลาง และขนาดสูง

ผลที่ได้คือ สารสกัดกัญชาสามารถลดการเพิ่มของจำนวนเซลล์มะเร็ง และเพิ่มการตายแบบ Apoptosis หรือการตายไม่อันตรายต่อตัวคน ได้ผลดีต่อเซลล์มะเร็งเต้านม และไม่มีผลข้างเคียงต่ออาหาร น้ำหนักตัว หรือเลือด

นับว่าเป็นก้าวสำคัญที่หลังจากนี้ จะสามารถแปลงขนาดยาไปสู่การทดลองวิจัยทางคลินิก หรือในมนุษย์ต่อไปตามมาตรฐานทางการแพทย์

สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี(สบยช.) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถิติความชุกการใช้ยาเสพติด ยังพบมากคือ ยาบ้า ซึ่งสบยช. มีการศึกษาวิจัยนำสารสกัด CBD มาใช้ในการบำบัดรักษาและลดอันตรายในผู้ป่วยยาบ้า ที่มีอาการทางจิต และมีพฤติกรรมเสี่ยงก่อความรุนแรง (SMI-V)

โดยเป็นการวิจัยนำสารสกัด CBD ชนิดหยอดใต้ลิ้น มาใช้ร่วมกับยาต้านอาการทางจิตเวช เพื่อช่วยลดอาการทางจิตและลดพฤติกรรมเสี่ยงก่อความรุนแรง แบ่งการทดลอง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มใช้ยาจิตเวชร่วมกับสารสกัดกัญชา และกลุ่มที่ใช้ยาจิตเวชร่วมกับยาหลอก

โดยจะวัดผลการรักษา ทั้งอาการทางเจิตเวช ระหว่างรักษา อาการอยากยาระหว่างรักษา พฤติกรรมเสี่ยงก่อความรุนแรง และการเสพซ้ำ ต้องมีการติดตามต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาสารสกัดกัญชาเปรียบเทียบกับยาทดแทน (Methylphenidate) เพื่อลดอาการถอนยา และอาการอยากยา โดยแบ่งการทดลองเป็น 2 กลุ่มเพื่อเปรียบเทียบกันเรื่องอาการถอนยา อาการอยากยา และติดตามต่อไปในเรื่องการไปเสพซ้ำ

หากได้ผลแล้วจะนำไปวิจัยต่อยอดในการนำสารสกัดกัญชา CBD มาใช้ทดแทนเมทแอมเฟตามีนตามแนวทางลดอันตรายจากการใช้ยา เพราะเห็นฤทธิ์ CBD ซึ่งไม่ใช่ยาเสพติด แต่ช่วยผ่อนคลาย ซึ่งคนไข้ใช้ยาบ้าจะมีอาการทางระบบประสาท อย่างไรก็ตาม การใช้ตรงนี้ต้องมีผู้เชี่ยวชาญแนะนำการใช้ตามหลักอย่างถูกต้อง

สถาบันโรคผิวหนัง ได้ศึกษาการใช้สาร CBD พบว่ามีสรรพคุณเด่น 3 ด้าน คือ 1. ฤทธิ์ต้านสารอนุมูลอิสระ 2. ฤทธิ์ต้านการอักเสบ และ 3. ปรับสมดุลภูมิคุ้มกัน

ซึ่งสถาบันฯ กำหนดการรักษา 2 ด้าน คือ รักษาโรคผิวหนัง และเวชสำอาง โดยการรักษาโรคผิวหนัง มีการศึกษาวิจัยอยู่ 4 โรค คือ โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบ ผมร่วง โดยเฉพาะผมร่วงเป็นวง และสิว ซึ่งเกี่ยวกับการอักเสบค่อนข้างเยอะ

โดยขณะนี้กำลังศึกษาวิจัย คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง เนื่องจากวิจัยในฐานะแพทย์แผนปัจจุบัน จึงใช้ขั้นตอนมากในเรื่องของเวชสำอางนั้น ทางสถาบันโรคผิวหนัง ได้ค้นคว้าวิจัยสูตรเวชสำอางต้นแบบมาแล้ว 18 สูตรตำรับในระยะเวลา 2-3 ปี ซึ่งมีการพัฒนาปรับระดับการใช้เทคโนโลยีให้สูงขึ้น

ซึ่งเราเห็นฤทธิ์ต้านการอักเสบ (anti-inflammation) ที่ได้ผลและใช้โดสค่อนข้างน้อย นอกจากนี้ ยังมีการใช้นาโนเทคโนโลยี (Nanoencapsulation) เข้ามาช่วยในการละลายความคงตัวของตำรับพร้อมที่จะถ่ายทอดให้ภาคเอกชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ยกระดับไปสู่ Medical and Wellness Service ครบวงจร

โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ได้เปิด “ศูนย์ห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์กัญชา” ซึ่งผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานห้องปฏิบัติการพิษวิทยา โดยสภาเทคนิคการแพทย์แล้ว และเข้าร่วมทดสอบระหว่างห้องปฏิบัติการ (Inter-laboratory Comparison) สำนักยาและวัตถุเสพติด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปัจจุบันมีเครื่องตรวจวิเคราะห์คุณภาพผลิตภัณฑ์กัญชา

ได้แก่ High Performance Liquid Chromatography (HPLC) สามารถตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารสำคัญในน้ำมันกัญชา (Potency) 11 ชนิด และ เครื่องมือที่ใช้ตรวจวิเคราะห์ GC-MS/MS (SHIMADZU) สามารถตรวจวิเคราะห์หาสาร Terpenes ในน้ำมันกัญชา 28 ชนิด ปัจจุบันผู้ใช้บริการตรวจ Potency และ Terpene ได้แก่ สถาปันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตว์การแพทย์ และโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี

สิ่งสำคัญที่ต้องมีการศึกษาวิจัยการใช้กัญชาทางการแพทย์ คือ เพื่อความมั่นคงทางยาของประเทศไทย เพราะไม่มีบริษัทยารายใดมาวิจัยเรื่องนี้ เนื่องจากเมื่อสกัด CBD ออกมา ไม่มีลิขสิทธิ์ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐ

หน่วยงานวิจัยของประเทศต้องศึกษาเรื่องนี้ “กัญชาทางการแพทย์” ถ้าทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและภาคประชาชนร่วมกันทำความรู้ ความเข้าใจ และนำไปใช้อย่างถูกวิธี ก็จะเกิดประโยชน์มหาศาลทั้งด้านการรักษาทางการแพทย์ ตลอดจนด้านเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต

Written By
More from pp
กรมอนามัย เผยวิธีลดอ้วนช่วงเด็กปิดเทอม คุมเข้มอาหารปรับพฤติกรรมสุขภาพ
กรมอนามัย เผยวิธีลดอ้วนสำหรับเด็กช่วงปิดเทอม แนะนำ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรใส่ใจเลือกอาหาร ที่ถูกหลักโภชนาการ และคุมเข้มพฤติกรรมสุขภาพของลูกเป็นพิเศษ หลังพบเด็กไทยกินขนมและดื่มน้ำอัดลมมากขึ้น พร้อมชวนเพิ่มการออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ
Read More
0 replies on “กรมการแพทย์เผยแพร่ข้อมูลวิชาการและผลการดำเนินงานกัญชาทางการแพทย์หน่วยงานสังกัด”