ชีวิตยากลำบากของเด็กป่วยเบาหวาน
โรคเบาหวานในเด็กและเยาวชน เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญของสังคมที่อาจยังไม่ถูกตระหนักมากนัก แต่เป็นปัญหาที่สำคัญและส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของประเทศ เพราะเด็กและเยาวชนเหล่านี้ เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศชาติต่อไปในอนาคตจากการประเมินโดยสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย พบปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนในประเทศไทยที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 อยู่ราวหลายหมื่นคน ซึ่งเป็นเบาหวานชนิดที่เกิดในคนตั้งแต่อายุน้อย วัยเด็กเล็ก วัยเรียนและวัยรุ่น เนื่องจากร่างกายหยุดผลิตฮอร์โมนอินซูลิน เบาหวานชนิดที่ 1 นี้ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดและไม่มีทางป้องกัน
เด็กและเยาวชนที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 กลุ่มนี้ มีความยากลำบากในการใช้ชีวิตเป็นอย่างยิ่ง จำเป็นต้องคอยเจาะเลือดตรวจวัดระดับน้ำตาลก่อนรับประทานอาหารทุกมื้อ นับปริมาณอาหารที่จะรับประทานในแต่ละมื้อ จากนั้นต้องฉีดอินซูลินเข้าสู่ร่างกายด้วยตนเอง ก่อนที่จะรับประทานอาหารได้
ในกรณีที่มีระดับน้ำตาลผิดปกติก็ต้องเจาะเลือดบ่อยขึ้น ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วแต่ละคนจะต้องเจาะเลือดตรวจ 4-6 ครั้ง/วัน และต้องฉีดอินซูลิน 3-4 ครั้ง/วัน ต่อเนื่องทุกวัน โดยไม่มีวันหยุด
อุปกรณ์สำหรับตรวจวัดน้ำตาล…โอกาสที่เข้าไม่ถึง
เด็กและเยาวชนกลุ่มนี้จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด ชนิดที่เจาะเลือดปลายนิ้ว ที่สามารถตรวจวัดระดับน้ำตาลได้ด้วยตนเอง เพื่อให้สามารถดูแลตนเองได้ แต่อุปกรณ์ดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมอยู่ในรายการของกรมบัญชีกลางและประกันสังคม ในขณะที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพิ่งเริ่มดำเนินการอยู่ในช่วงเบื้องต้น ในขณะที่เด็กๆและเยาวชนเหล่านี้จำเป็นต้องมีใช้ทุกวัน ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายส่วนอุปกรณ์สำหรับแผ่นตรวจระดับน้ำตาลและแผ่นตรวจสารคีโตน มีค่าใช้จ่ายอยู่ราว13,000 บาทต่อปี ทำให้ครอบครัวของผู้ป่วยที่มีฐานะยากจน ไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์นี้ได้ ซึ่งทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลทำได้ยาก และมีความเสี่ยงร้ายแรงจากภาวะน้ำตาลสูงหรือต่ำมากเกินไป นอกจากนี้ที่ผ่านมามีผู้ป่วยซึ่งไม่มีเงินซื้อแผ่นตรวจใหม่และใช้แผ่นตรวจที่หมดอายุ ทำให้คำนวณปริมาณอาหารและอินซูลินที่ต้องฉีดผิดพลาด ทำให้ระดับน้ำตาลผิดปรกติถึงขั้นโคม่าเลยทีเดียว
ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี นิธิยานันท์ นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการเครือข่ายคนไทยไร้พุง กล่าวว่า “ขณะนี้ทางสมาคมฯ พยายามผลักดันให้อุปกรณ์ตรวจวัดน้ำตาล เข้าไปอยู่ในรายการของ สปสช. เพื่อให้เด็กๆ ได้เข้าถึงการใช้อุปกรณ์ตรวจวัดน้ำตาลในเลือดแบบเจาะปลายนิ้วได้อย่างถ้วนหน้า ก้าวข้ามปัจจัยเรื่องฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว เพื่อให้เด็กเหล่านี้เติบโตในคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นกำลังในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป โดยในระหว่างนี้ทางสมาคมก็ได้ร่วมกับหลายหน่วยงาน เพื่อระดมทุนช่วยเหลือครอบครัวขาดแคลนที่มีบุตรหลานป่วยด้วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เพื่อเป็นการเยียวยาปัญหาในระยะสั้นมาอย่างต่อเนื่อง”
หลายองค์กรยื่นมือช่วยเหลือ
ล่าสุดสมาคมโรคเบาหวานฯ ร่วมมือกับเครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย สำนักอนามัย กทม. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เครือข่ายชมรมเบาหวานไทย ชมรมเพื่อเด็กและวัยรุ่นเบาหวาน และกลุ่มเพื่อนเบาหวาน จัดกิจกรรม Fight Diabetes Run วิ่งสู้เบาหวานเป็นกิจกรรมวิ่งสะสมระยะ (Virtual Run) เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนและระดมทุนช่วยกองทุนเบาหวานเด็ก ในระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 – 15 มกราคม 2563 โดยได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม มีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 50,577 คน ได้ระยะทางรวมทั้งสิ้น 4,735,737 กิโลเมตร สามารถระดมทุนได้ 3.9 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถช่วยเหลือเด็กให้เข้าถึงอุปกรณ์ตรวจวัดน้ำตาลแบบเจาะเลือดปลายนิ้วได้ราว 300 คน ใน 1 ปี
รวมพลังสร้างความหวังใหม่
สำหรับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในครั้งต่อไปคือ Together Fight Diabetes Fair กิจกรรมวันรวมพลังสู้เบาหวานและโรค NCDs จะจัดขึ้นในวันที่ 15 มีนาคม 2563 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มีองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนภาคีเครือข่ายสุขภาพมาร่วมจัด โดยมีนิทรรศการความรู้ในการจัดการเบาหวานและโรค NCDs การเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยและคนรอบข้าง ทั้งในระดับครอบครัว องค์กร และสังคม การให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพให้รอดพ้นจากเบาหวานและการสังเกตอาการเริ่มต้นของเบาหวาน การนำเสนอผลงานจากหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมรณรงค์ต่อสู้โรคเบาหวาน ตลอดจนเป็นพื้นที่แสดงออกสำหรับผู้ที่สนใจเรื่องเบาหวานและกลุ่มผู้ป่วย ในงานยังมีการจัดแสดงภาพถ่ายศิลปะและภาพเขียนศิลปะ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเด็กๆ โรคเบาหวานชนิดที่ 1 อีกด้วย
แม้การเสนอให้อุปกรณ์ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด ชนิดที่เจาะเลือดปลายนิ้ว ครอบคลุมอยู่ในรายการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ยังคงต้องใช้เวลาดำเนินการอีกระยะหนึ่ง แต่ความร่วมแรงร่วมใจของประชาชนคนไทยและองค์กรต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในครั้งนี้ ก็จะช่วยจุดประกายความหวังครั้งใหม่ให้กับพวกเขาอีกครั้ง ให้พวกน้องๆและครอบครัวที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้อุ่นใจว่าไม่ต้องเผชิญชะตากรรมแต่เพียงลำพัง
ผู้ที่มีความประสงค์ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนผู้ป่วยเบาหวาน สามารถร่วมบริจาคเงินได้ที่ บัญชี สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 041-017593-5