23 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 18.30 น. หลักสี่ กรุงเทพฯ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาร่วมการประชุมใหญ่สามัญพรรคประชาธิปัตย์ ประจำปี 2566 ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยมีสมาชิกพรรคส่งเสียงเชียร์ว่า “ท่านจุรินทร์เป็นนายกฯ” “จุรินทร์สู้ๆ” ดังกระหึ่มตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมี กลุ่ม LGBTQ+ มาร่วมให้กำลังใจนายจุรินทร์ และพรรคประชาธิปัตย์อีกด้วย
โดยก่อนเข้าที่ประชุม นายจุรินทร์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึง การเชิญอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ว่า ตนจะไปเรียนเชิญทั้ง 3 ท่าน ซึ่งได้ตั้งใจมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่รอเวลาให้การเลือกตั้งมีความชัดเจน ขณะนี้ก็ถือว่าการเลือกตั้งชัดเจนแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็เป็นที่คาดกันว่าจะมีการเลือกตั้งวันที่ 7 พ.ค. โดยประมาณ ฉะนั้นเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมตนก็จะถือโอกาสไปเรียนเชิญอดีตหัวหน้าพรรคทั้ง 3 ท่าน
“ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เราต้องถือว่าอดีตหัวหน้าพรรคทุกท่านเป็นสถาบัน อย่างน้อยก็เป็นสถาบันสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นเราต้องให้เกียรติท่าน ผมก็จะไปพบทั้ง 3 ท่าน เรียนเชิญท่านทั้ง 3 ท่าน และจะนัดหมายแต่ละท่านในการเข้าพบ บอกล่วงหน้าเลยว่าจะอย่างไรขอให้เป็นเรื่องภายในพรรค เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ใช่จะต้องมาเปิดเผยทุกเรื่อง อันนี้ถือเป็นกระบวนการภายในของพรรค” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้จะได้มีการพูดคุยกันเบื้องต้นกับนายอภิสิทธิ์ อดีตหัวหน้าพรรคเลยหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ปกติก็คุยกันอยู่แล้ว เพียงแต่การที่จะคุยในบางประเด็นนั้น ก็ต้องมีการหารือขอความเห็นท่านด้วย เพราะความคิดความอ่านของคนที่เป็นอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นความเห็น ความคิดความอ่านที่ต้องถือว่ามีคุณค่าสำหรับพรรค โดยเฉพาะตนให้เกียรติ และให้ความสำคัญ
“วันหนึ่งผมก็ต้องเป็นอดีตหัวหน้าพรรค เพราะไม่มีใครเป็นค้ำฟ้า การที่ผมให้เกียรตินั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสม และผมก็เคยเป็นลูกพรรคของทั้ง 3 ท่านมาก่อน ท่านอภิสิทธิ์ ผมก็รับใช้ท่านมา 14 ปีเต็มๆ เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลง ผมให้เกียรติทั้ง 3 ท่าน” นายจุรินทร์กล่าว
จากข้อเสนอของนายสาธิต ปิตุเตชะ ที่ต้องการเสนอให้นายอภิสิทธิ์ มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วยนั้น จะได้มีการนำมาพิจารณาหรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ทุกอย่างก็มีบางเรื่องที่ต้องเป็นไปตามมติพรรค บางเรื่องก็เป็นเรื่องของความสมัครใจได้ เช่นเรื่องการที่สมาชิกพรรคจะมาช่วยพรรครณรงค์หาเสียง อันนี้ก็เป็นเรื่องสมัครใจได้ ซึ่งตนก็เชื่อว่าอดีตหัวหน้าพรรคทุกท่านพร้อมที่จะเข้ามาช่วยพรรค สนับสนุนพรรค ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม แต่ในบางสถานภาพนั้นก็ต้องเป็นไปตามข้อบังคับพรรค และต้องเป็นไปตามมติพรรค เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นมติพรรคก็ต้องเป็นไปตามนั้น
“หัวหน้าพรรคก็สั่งไม่ได้ว่าต้องอยู่เหนือมติพรรค ไม่ได้หรอก ผมคนนึงก็ต้องทำตามมติพรรค เหมือนตอนตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลที่มี 3 เงื่อนไข อันนั้นก็เป็นไปตามมติพรรค อาจจะตรงหรือไม่ตรงกับความเห็นส่วนตัวผม แต่ผมไม่แสดง เพราะว่าหัวหน้าพรรคจะต้องเป็นคนแรกที่นำพรรคปฏิบัติตามมติพรรค เพราะนี่คือประชาธิปัตย์ และนี่คือประชาธิปไตยในพรรค และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราอยู่ยั้งยืนยงมาวันนี้ 76 กำลังจะถึง 77 ปีเต็มเดือนเมษาที่จะถึงนี้ แล้วก้าวสู่ปีที่ 78” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
นอกจากนี้ ยังเพิ่มเติมอีกว่า ในอดีตพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยเสนอหัวหน้าพรรคคนเดียว ในสมัยที่ท่านอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรค ก็มีการเสนอแคนดิเดตเพียงคนเดียว ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามถึงสัญญาณที่ท่านอภิสิทธิ์จะมาช่วยพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ท่านอภิสิทธิ์เป็นอดีตหัวหน้าพรรค ก็มีจิตวิญญาณประชาธิปัตย์เต็มตัว และเชื่อว่าท่านชวน ท่านบัญญัติ ก็เหมือนกัน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบัน จิตวิญญาณประชาธิปัตย์เต็มร้อยทุกท่าน
“ท่านเป็นอดีตหัวหน้าพรรค ท่านมีจิตวิญญาณประชาธิปัตย์เต็มตัว ผมยืนยันแทนท่าน เพราะคิดจากตัวเอง และผมเชื่อว่าท่านชวน ท่านบัญญัติ ก็เหมือนกัน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบัน จิตวิญญาณประชาธิปัตย์เต็มร้อยทุกท่าน ไม่งั้นสมาชิกไม่เลือกมาเป็นหัวหน้าพรรค ผมก็เหมือนกัน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวในที่สุด